นิทานพยาบาท


๒. พยาบาท คือความคิดร้าย มุ่งจะทำร้ายเขา ใครพูดไม่ถูกใจก็คิดตำหนิเขา คิดจะทำร้ายฆ่าเขาก็มี บางครั้งทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ ก็หันมาตำหนิตัวเอง ทำร้ายตัวเอง จนฆ่าตัวตายก็มีซึ่งเป็นเพราะอำนาจพยาบาท เป็นอาการอย่างหนึ่งของโทสะ ตามนิทานเรื่องดังนี้

นิทานเรื่อง อ้ายจำเรียนผู้มีความคิดร้าย**  
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อว่า อ้ายจำเรียน  เขาเป็นคนที่ชอบตำหนิและมีความคิดร้ายต่อผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไร หากไม่ถูกใจเขา อ้ายจำเรียนก็มักจะนินทาหรือตำหนิทันที ทั้งที่บางครั้งสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นเป็นเรื่องดีและเป็นประโยชน์ แต่เขากลับมองว่าทุกคนมีเจตนาร้ายต่อตัวเอง

วันหนึ่ง ชาวบ้านในหมู่บ้านจัดงานประชุมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการพัฒนาหมู่บ้าน ทุกคนต่างมีความคิดดีๆ ที่จะเสนอ แต่เมื่อถึงตาอ้ายจำเรียน เขากลับพูดตำหนิความคิดของคนอื่นอย่างรุนแรง "ความคิดนี้มันโง่เง่า ไม่สมควรทำ!" เขาพูดด้วยความหงุดหงิด และพยายามวิจารณ์ทุกคนที่เสนอความคิด

ชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจและเริ่มหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับอ้ายจำเรียน เพราะไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็มักถูกเขาตำหนิอยู่เสมอ อ้ายจำเรียนเองก็ยิ่งโกรธและคิดว่า ทุกคนไม่ให้ความเคารพเขา ทำให้เขายิ่งคิดร้ายและวางแผนที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของผู้อื่น

ครั้งหนึ่ง เขาได้ยินว่ามีนายบุญชู ผู้เฒ่าผู้มีปัญญาในหมู่บ้าน จะมาพูดแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น อ้ายจำเรียนรู้สึกหมั่นไส้และคิดว่า "ข้าจะต้องหาวิธีทำให้ทุกคนไม่เชื่อในคำพูดของนายบุญชู" เขาวางแผนที่จะปล่อยข่าวลือเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับนายบุญชู

แต่เมื่อวันนั้นมาถึง ขณะที่นายบุญชูกำลังพูดให้คำแนะนำที่ดีแก่ชาวบ้าน อ้ายจำเรียนก็เริ่มปล่อยข่าวลือและพูดจาว่าร้ายอยู่เบื้องหลัง แต่แทนที่ชาวบ้านจะเชื่อสิ่งที่อ้ายจำเรียนพูด พวกเขากลับเห็นว่าอ้ายจำเรียนคือคนที่มีนิสัยชอบตำหนิและคิดร้ายตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่มีใครสนใจในคำพูดของเขาอีกต่อไป

ไม่นานนัก อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นคนที่ไม่มีใครอยากคบหา เพราะเขาไม่เคยให้ความเคารพผู้อื่นและมีแต่ความคิดร้ายในใจ แม้เขาจะมีความรู้ความสามารถ แต่ก็ไม่มีใครอยากรับฟัง เพราะเขาไม่เคยฟังใครหรือเปิดใจยอมรับความคิดของคนอื่นเลย

สุดท้าย อ้ายจำเรียนต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครให้คำปรึกษา จนเขารู้สึกท้อแท้และเสียใจที่ตัวเองเคยคิดร้ายและตำหนิผู้อื่นโดยไม่ดูตัวเอง

เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง เรียนรู้ที่จะรับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น อ้ายจำเรียนขอโทษชาวบ้านและเริ่มทำตัวเป็นคนที่มีน้ำใจ และเปิดรับความคิดของคนอื่น ชาวบ้านจึงค่อยๆ ยอมรับเขากลับมาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอีกครั้ง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การมีความคิดร้ายและตำหนิผู้อื่นตลอดเวลาจะทำให้เราสูญเสียความไว้วางใจและความรักจากคนรอบข้าง การเปิดใจฟังผู้อื่นและเคารพความคิดเห็นของพวกเขาคือหนทางสู่การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข.


**นิทานเรื่อง อ้ายจำเรียนผู้คิดร้ายเพราะความพยาบาท**

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อว่า อ้ายจำเรียน เขาเป็นคนที่มีนิสัยโกรธง่ายและจดจำความแค้นเป็นอย่างดี หากใครทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะคิดแต่เรื่องการแก้แค้นและหาทางทำร้ายผู้นั้น ไม่ว่าความผิดนั้นจะใหญ่หรือเล็กแค่ไหนก็ตาม

วันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนเดินผ่านตลาด เขาบังเอิญชนกับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า นายศักดิ์ ทั้งคู่ต่างหันมามองหน้ากัน อ้ายจำเรียนรู้สึกไม่พอใจที่นายศักดิ์ไม่ขอโทษเขา แม้ว่าจะเป็นการชนกันโดยบังเอิญ แต่ในใจของอ้ายจำเรียนกลับมองว่านี่คือการดูถูก เขาคิดว่า "คนนี้มันกล้าดูถูกข้า ข้าจะต้องสั่งสอนเขาให้รู้สึกเจ็บปวด!"

จากวันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนเริ่มวางแผนแก้แค้น เขาตามสอดแนมทุกย่างก้าวของนายศักดิ์ หวังจะหาโอกาสทำร้ายเขา เขามักจะจินตนาการถึงการใช้กำลังทำให้นายศักดิ์เจ็บปวดเพื่อให้เขาได้รู้สึกสบายใจ แต่ทุกครั้งที่เขาเตรียมจะลงมือ ก็มีเหตุให้ต้องหยุด เช่น มีคนเดินผ่านมาหรือเหตุการณ์ไม่เอื้ออำนวย

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนตามติดนายศักดิ์ไปที่ทุ่งนา เขาเห็นนายศักดิ์กำลังช่วยเหลือหญิงชราที่หกล้มอยู่ข้างทาง นายศักดิ์ค่อยๆ ประคองหญิงชราขึ้นมา พูดคุยและดูแลด้วยความเมตตา อ้ายจำเรียนที่ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ เริ่มรู้สึกแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นนายศักดิ์ในแง่นี้มาก่อน ในใจลึกๆ เขาเริ่มสับสนว่า คนที่เขาอยากแก้แค้นนั้นอาจไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เขาคิด

แต่ความพยาบาทยังคงเผาใจของอ้ายจำเรียน เขายังไม่ยอมแพ้ วันต่อมา เขาเดินไปหานายศักดิ์และพยายามจะพูดจายั่วยุเพื่อให้เกิดการทะเลาะ แต่แทนที่นายศักดิ์จะตอบโต้ เขากลับยิ้มและพูดว่า "ถ้าข้าเคยทำให้เจ้าขุ่นเคือง ข้าขอโทษนะ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรทำให้เจ้าโกรธ ข้าไม่อยากมีปัญหากับใครหรอก"

คำพูดของนายศักดิ์ทำให้อ้ายจำเรียนถึงกับนิ่งอึ้ง ในใจเขาเริ่มตระหนักว่า ความโกรธและพยาบาทที่เขาแบกเอาไว้นั้นไร้ประโยชน์ เขาคิดว่า การแก้แค้นจะทำให้เขาสบายใจ แต่แท้จริงแล้วกลับทำให้เขาเป็นทุกข์มากกว่า

อ้ายจำเรียนรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เขาได้คิดและทำลงไป เขาตระหนักได้ว่า การแก้แค้นและการทำร้ายคนอื่นเพราะความพยาบาทจะไม่ทำให้ใครมีความสุข รวมทั้งตัวเขาเองด้วย

จากนั้น อ้ายจำเรียนเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาพยายามควบคุมความโกรธและเรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่น เมื่อเขาหยุดคิดร้าย ความสงบสุขก็เริ่มกลับมาสู่จิตใจของเขา และเขาก็ได้เรียนรู้ว่าความเมตตาและการให้อภัยคือทางออกที่แท้จริง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ความพยาบาทและการคิดร้ายเพื่อต้องการแก้แค้น จะทำให้เราทุกข์ใจและเสียเวลาไปกับความโกรธที่ไร้ประโยชน์ การให้อภัยและความเมตตาจะนำมาซึ่งความสุขและความสงบภายใน.

**นิทานเรื่อง อ้ายจำเรียนผู้ขอจองเวรกับนายศักดิ์**  

นานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ มีชายหนุ่มชื่อ **อ้ายจำเรียน** เขาเป็นคนที่โกรธง่ายและชอบจองเวร เมื่อใครทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะไม่ปล่อยวาง และเก็บความแค้นนั้นไว้ในใจตลอดเวลา อ้ายจำเรียนเชื่อว่า การจองเวรและแก้แค้นจะทำให้เขารู้สึกมีอำนาจและสบายใจขึ้น

ครั้งหนึ่ง อ้ายจำเรียนมีปัญหากับชายผู้หนึ่งชื่อ นายศักดิ์ นายศักดิ์เป็นคนที่ไม่เคยมีเจตนาร้ายกับใคร แต่ด้วยเหตุบังเอิญในวันหนึ่ง ทั้งสองเกิดโต้เถียงกันเรื่องเล็กน้อย อ้ายจำเรียนกลับรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม เขาโกรธมากและคิดว่า "ข้าจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้ ข้าจะจองเวรกับนายศักดิ์ตลอดไป!"

จากวันนั้น อ้ายจำเรียนใช้ชีวิตไปด้วยความแค้น เขาตามหาโอกาสที่จะทำร้ายนายศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาว่าร้ายลับหลัง หรือวางแผนทำลายชื่อเสียงของเขา แม้ว่าในบางครั้งนายศักดิ์จะพยายามเข้ามาขอโทษหรือพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แต่อ้ายจำเรียนกลับปฏิเสธทุกครั้ง และพูดว่า "ข้าจะไม่ยอมให้อภัยเจ้า ข้าจะจองเวรเจ้าตลอดไป!"

วันเวลาผ่านไป นายศักดิ์ยังคงดำเนินชีวิตด้วยความสงบสุข เขาไม่ใส่ใจในความโกรธของอ้ายจำเรียน เขายังคงทำความดี ช่วยเหลือชาวบ้าน และมีน้ำใจต่อทุกคน ขณะที่อ้ายจำเรียนเริ่มพบว่าตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ เพราะไม่ว่าทำอย่างไร เขาก็ไม่สามารถทำลายนายศักดิ์ได้ อีกทั้งยังไม่มีความสุขในชีวิต

ยิ่งเวลาผ่านไป ความโกรธและความพยาบาทของอ้ายจำเรียนก็เริ่มกัดกินจิตใจเขา ทุกครั้งที่เห็นนายศักดิ์มีความสุข เขาจะยิ่งโกรธและเจ็บปวดมากขึ้น แม้ว่าเขาจะพยายามทำร้ายผู้อื่น แต่ก็ไม่มีใครได้รับผลกระทบเท่ากับตัวเขาเอง

วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้พบกับพระธุดงค์ผู้มีปัญญา พระธุดงค์มองเห็นความทุกข์ในจิตใจของอ้ายจำเรียน จึงกล่าวว่า "โยม ความแค้นและพยาบาทนั้นเหมือนกับการถือถ่านร้อนไว้ในมือ หวังว่าจะโยนใส่คนอื่น แต่คนที่เจ็บปวดที่สุดคือคนที่ถือถ่านร้อนนั้นเอง"

อ้ายจำเรียนเริ่มสับสนและถามพระธุดงค์ว่า "แต่ข้าจองเวรกับนายศักดิ์มานานแล้ว ข้าจะยอมให้อภัยได้อย่างไร?"

พระธุดงค์ตอบว่า "การจองเวรนั้นไม่ต่างจากการล่ามตัวเองไว้กับความทุกข์ การปล่อยวางไม่ได้แปลว่าเจ้าต้องยอมแพ้ แต่มันคือการปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการของความโกรธและความทุกข์"

อ้ายจำเรียนคิดตามคำสอนนั้น และเริ่มเข้าใจว่าความโกรธที่เขาเก็บไว้ไม่ได้ทำให้นายศักดิ์เดือดร้อนเลย แต่กลับทำให้ตัวเขาเองทุกข์ทรมานมาโดยตลอด ในที่สุด เขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยวางความแค้น และขอโทษนายศักดิ์ แม้จะสายไปบ้าง แต่การปล่อยวางทำให้เขารู้สึกเบาสบายใจขึ้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การจองเวรและความพยาบาทไม่ได้นำมาซึ่งความสุข แต่กลับทำให้เราเป็นทุกข์และขังตัวเองไว้ในความโกรธ การให้อภัยและปล่อยวางคือทางออกสู่ความสงบในจิตใจ.


นิทานเรื่อง อ้ายจำเรียนผู้ไร้ความเมตตาเพราะแรงพยาบาท

ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อว่า อ้ายจำเรียน เขาเป็นคนที่มีนิสัยโกรธง่าย และไม่มีความเมตตาปรานีต่อผู้อื่นเลย หากใครทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะเก็บความโกรธนั้นไว้ในใจและใช้แรงพยาบาทเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิต

วันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนเดินผ่านตลาด เขาเห็นชายชราคนหนึ่งสะดุดล้มลงและถุงข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว ชายชราคนนั้นร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง แต่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ นอกจากอ้ายจำเรียน เขาเดินเข้าไปหาชายชราด้วยท่าทางแข็งกระด้าง ชายชรามองดูด้วยความหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือ แต่แทนที่อ้ายจำเรียนจะช่วยเก็บข้าวของ เขากลับยืนกอดอกมองด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า "นี่คือผลของความอ่อนแอ เจ้าควรเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง"

ชายชรามองดูอ้ายจำเรียนด้วยสายตาเศร้า แต่ไม่ได้พูดอะไร อ้ายจำเรียนเดินจากไปโดยไม่เหลียวกลับ หลังจากเหตุการณ์นั้น เขายิ่งรู้สึกพอใจในความโหดร้ายของตัวเอง และยิ่งคิดว่า ความเมตตาคือสิ่งที่ทำให้คนอ่อนแอ เขาตัดสินใจว่าจะไม่ยื่นมือช่วยใครอีก ไม่ว่าใครจะเดือดร้อนเพียงใด

ไม่นานหลังจากนั้น อ้ายจำเรียนได้เกิดปัญหากับชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้าน ชื่อ  นายบุญช่วย ซึ่งเป็นคนที่ทุกคนในหมู่บ้านรักและเคารพ อ้ายจำเรียนรู้สึกอิจฉาและโกรธเกลียดนายบุญช่วย เพราะนายบุญช่วยเป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้คน และได้รับความเคารพจากชาวบ้าน ต่างจากตัวเขาที่ทุกคนเริ่มตีตัวออกห่าง

ความพยาบาทในใจอ้ายจำเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดว่าหากเขาไม่สามารถทำให้นายบุญช่วยเจ็บปวดได้ เขาจะไม่มีทางสงบสุข เขาจึงวางแผนทำร้ายร่างกายนายบุญช่วยในคืนหนึ่ง ขณะที่นายบุญช่วยกำลังเดินกลับบ้าน อ้ายจำเรียนดักรอที่ทางเดินเปลี่ยว เขาหวังจะใช้ความรุนแรงกับนายบุญช่วยเพื่อล้างแค้นให้สะใจ

แต่เมื่อถึงเวลาที่อ้ายจำเรียนเงื้อมือเตรียมจะลงมือ นายบุญช่วยกลับหันมายิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า "ข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องไม่พอใจข้ามานาน แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าไม่เคยคิดร้ายต่อเจ้าเลย หากข้าเคยทำให้เจ้าโกรธ ข้าขอโทษจากใจจริง"

คำพูดของนายบุญช่วยทำให้อ้ายจำเรียนรู้สึกแปลกใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำขอโทษจากคนที่เขาพยาบาทมานาน ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา ความโกรธเกลียดที่เขาถือมาตลอดเริ่มสั่นคลอน อ้ายจำเรียนเริ่มถามตัวเองว่า การจองเวรนี้ทำให้เขาสุขจริงหรือไม่

อ้ายจำเรียนลดมือลง เขารู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจากการพยาบาท และในที่สุดก็ปล่อยวางความโกรธ เขารู้ว่าความโหดร้ายและไร้เมตตาที่เขาเคยยึดถือมาตลอด ไม่ได้ทำให้เขาเป็นสุขอย่างที่คิด เมื่อเขาเริ่มเปิดใจให้อภัย เขากลับรู้สึกถึงความเบาสบายและสงบในใจ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความโกรธเกลียดและความพยาบาททำให้เรากลายเป็นคนไร้เมตตาและทำร้ายทั้งตัวเองและผู้อื่น การให้อภัยและความเมตตาต่อกันต่างหากที่ทำให้เราพบกับความสงบและความสุขที่แท้จริง.

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม