นิทานคุณธรรม

นิทานคุณธรรมเรื่องชาวนากับเมล็ดข้าววิเศษ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่าบ้านหนองขุ่น ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายใหญ่ที่มีน้ำใสไหลเอ่อตลอดปี มีชาวนาคนหนึ่งชื่อว่า "ลุงคำ" ลุงคำเป็นชายวัยกลางคน ผิวคล้ำจากแดด ร่างกายกำยำเพราะทำงานในนามาตลอดชีวิต เขาอาศัยอยู่กับเมียชื่อ "ป้าทอง" และลูกชายตัวน้อยชื่อ "น้อย" ครอบครัวของลุงคำยากจนมาก มีที่นาเพียงแปลงเดียวที่ดินแห้งแล้ง เพราะฝนฟ้าไม่ค่อยตกต้องฤดู ข้าวที่ปลูกได้จึงน้อยนิด บางปีแทบไม่พอเลี้ยงปากท้อง ลุงคำต้องไปรับจ้างชาวนาคนอื่นเพื่อหาเงินมาซื้อข้าวกิน

วันหนึ่ง ขณะที่ลุงคำกำลังไถนาเพื่อเตรียมหว่านเมล็ดในฤดูใหม่ เขาพบสิ่งแปลกประหลาดฝังอยู่ใต้ดินลึก เป็นเมล็ดข้าวเม็ดหนึ่งที่ใหญ่โตกว่าปกติหลายเท่า เปลือกสีทองอร่ามราวกับถูกชุบแสงอาทิตย์ และมีกลิ่นหอมหวานลอยออกมา ลุงคำหยิบขึ้นมาดูแล้วประหลาดใจ "นี่มันเมล็ดข้าวอะไรกัน ใหญ่โตขนาดนี้ จากไหนกันนะ?" เขาพึมพำกับตัวเอง ลุงคำนำเมล็ดนั้นกลับบ้านไปให้ป้าทองดู ป้าทองบอกว่า "ลุงเอ๋ย นี่คงเป็นของวิเศษ ลองปลูกดูสิ ถ้ามันงอกขึ้นมาคงดีไม่น้อย"

ลุงคำตัดสินใจนำเมล็ดข้าววิเศษนั้นไปหว่านลงในนากลางแปลงที่ดีที่สุดของเขา เขารดน้ำ พรวนดิน และดูแลมันอย่างดีทุกวัน ไม่นานนัก ต้นข้าวจากเมล็ดนั้นก็งอกขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงใหญ่กว่าต้นข้าวปกติหลายเท่า ลำต้นเขียวขจี กอใหญ่โต และรวงข้าวที่ห้อยลงมานั้นหนักอึ้งเต็มไปด้วยเมล็ดสีทอง เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ลุงคำตื่นตาตื่นใจ เพราะจากเมล็ดเม็ดเดียว เขาได้ข้าวสารเต็มยุ้งฉางถึงสิบกระสอบ! พอเลี้ยงครอบครัวได้ทั้งปี แถมยังเหลือขายให้ชาวบ้านได้อีกมาก
ข่าวเรื่องเมล็ดข้าววิเศษแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ชาวนาคนอื่นๆ ต่างอิจฉาและอยากได้เมล็ดแบบนั้นบ้าง ลุงคำใจดี จึงแบ่งข้าวสารจากยุ้งให้ชาวบ้านกินและนำไปหว่านต่อ แต่สิ่งมหัศจรรย์คือ ข้าวที่ได้จากต้นวิเศษนั้น เมื่อนำเมล็ดไปปลูกใหม่ ก็ยังคงให้ผลผลิตงามเหมือนเดิม ไม่เคยลดลง ชาวบ้านที่เคยยากจนเริ่มมีข้าวกินอิ่มกันถ้วนหน้า หมู่บ้านหนองขุ่นที่เคยแห้งแล้ง กลายเป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ มีข้าวสารล้นเหลือจนสามารถขายส่งไปยังเมืองใหญ่ได้

แต่แล้ว ความโลภก็เริ่มก่อตัวในใจของบางคน พ่อค้าจากเมืองใหญ่ชื่อ "นายทุน" ได้ยินข่าวก็รีบเดินทางมาที่หมู่บ้าน เขาเสนอซื้อเมล็ดข้าววิเศษจากลุงคำในราคาสูงลิ่ว "ขายให้ข้าเถอะลุง ข้าจะให้เงินทองมากมาย จนลุงสบายไปตลอดชีวิต" นายทุนพูด ลุงคำลังเลใจ เพราะเงินนั้นมากพอจะซื้อที่นาใหม่ ซื้อวัวควาย และสร้างบ้านใหญ่โตได้ ป้าทองก็อยากให้ขาย เพราะอยากเห็นลูกชายได้เรียนหนังสือในเมือง แต่ลุงคำนั่งคิดทั้งคืน เขานึกถึงวันที่พบเมล็ดข้าววิเศษ นึกถึงชาวบ้านที่เคยช่วยเหลือกันมา และนึกถึงความสุขที่ได้แบ่งปัน

เช้าวันรุ่งขึ้น ลุงคำปฏิเสธนายทุน "ข้าไม่ขายหรอกเจ้านาย เมล็ดข้าวนี้ไม่ได้เป็นของข้าคนเดียว มันเป็นของแผ่นดิน ของชาวนาทุกคน ถ้าข้าขายไป ชาวบ้านจะกลับไปยากจนอีก ข้าจะเก็บมันไว้เพื่อหว่านต่อไปทุกปี" นายทุนโกรธมาก เขาพยายามขู่เข็ญและเสนอราคาที่สูงขึ้น แต่ลุงคำยืนยันคำเดิม นายทุนจึงจากไปมือเปล่า

หลังจากนั้น ลุงคำยังคงปลูกข้าวจากเมล็ดวิเศษต่อไปทุกปี เขาสอนลูกชายและชาวบ้านให้รู้จักการแบ่งปันและขยันหมั่นเพียร "ความวิเศษที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เมล็ดข้าวหรอกน้อยเอ๋ย มันอยู่ที่ใจของเราที่รู้จักให้และรู้จักพอ" ลุงคำพูดกับลูกชายเสมอ หมู่บ้านหนองขุ่นเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่มีใครอดอยากอีกต่อไป

หลายปีต่อมา เมื่อลุงคำชราภาพลง เขานั่งมองทุ่งนาที่เขียวขจี แล้วยิ้มอย่างสงบ เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับสิ่งที่วิเศษยิ่งกว่าเมล็ดข้าวนั่น นั่นคือความรักและความเคารพจากชาวบ้านทุกคน และเมื่อลุงคำจากไป ชาวบ้านยังคงสืบทอดการปลูกข้าวจากเมล็ดวิเศษนั้นต่อไป พร้อมกับคำสอนของลุงคำที่ฝังรากลึกในใจทุกคน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของวิเศษที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่สิ่งของหรือทรัพย์สินเงินทอง แต่อยู่ที่ความใจดี การแบ่งปัน และความพอเพียงในใจมนุษย์ ถ้าเรามีใจที่รู้จักให้ เราก็จะได้รับความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด และความอุดมสมบูรณ์ที่แท้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนช่วยกันแบ่งปัน ไม่ใช่เก็บไว้คนเดียวด้วยความโลภ
นิทานคุณธรรมเรื่องแมวตัวเล็กในบ้านไม้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม