พลังอกุศล
๑
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
บาปอกุศลกรรมหนักที่สุด
ผู้ใดละเมิดคือต้องตกนรกถูกทรมานอยู่ในขุมนรกอเวจี1อสงไขย์ปีขึ้นไป
1=มีเจตนาทำร้ายพระพุทธเจ้า ฆ่าพระอรหันต์.ฆ่าบิดามารดา .ฆ่าพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบ ฆ่าผู้ทรงศีลทรงธรรม
2=มีเจตนาฆ่าผู้บริสุทธิ์.ฆ่าผู้มีพระคุณ
ฆ่าตนเอง.ฆ่าผู้อื่นเอาทรัพย์.จ้างวานฆ่าผู้อื่น.ฆ่าข่มขืน ฆ่าไตร่ตรองไว้ก่อน
3=มีเจตนาประกอบอาชีพฆ่ามนุษย์ ฆ่าผู้อื่นไม่ยอมรับโทษตามกฏหมาย
4=มีเจตนาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเสพติดทุกชนิดรวมกันแล้วตั้งแต่๑๐๐กรัมขื้นไป
5=มีเจตนาทุจริตฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ผู้อื่น กู้ยืมทรัพย์ผู้อื่น รวมๆทรัพย์สินกันแล้วมีมูลค่าตั้งแต่๑สลึงทองคำขื้นไปโดยไม่ได้ใช้คืนให้กับเจ้าของทรัพย์
6=มีเจตนาประกอบอาชีพทำแท้งคลอดบุตรผู้อื่น
7= มีเจตนาเป็นพยานเท็จพูดใส่ร้ายผู้บริสุทธ์ให้ได้รับโทษสำเร็จแล้วโดยไม่สำนึกผิด
8=มีเจตนาก่อสงครามเพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องของตนเอง เพื่อประชาชนของตนเอง เพื่ออุดมการณ์และความเห็นไม่ตรงกันกับตนและพวกพ้องของตนเอง ผู้สมัครใจร่วมทำสงคราม
1=มีเจตนาฆ่ามนุษย์ให้ตาย
2=มีเจตนาทำร้ายร่างกายกักขังหน่วงเหนี่ยว
ผู้อื่นจนได้รับความเสียหายต่อร่างกายและ
จิตใจ
3=ซื้อขายมนุษย์
4=มีเจตนาฆ่าทำแท้งลูกตัวเองและผู้บุคคลอื่น
5=มีเจตนาจุดเผาวางเพลิงเพื่อทำลายชีวิต และทรัพย์สินผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย
6=มีเจตนาฆ่าเอากระแสไฟฟ้าช็อตและวางยาพิษให้สัตว์นำ้และบกให้ตาย
7=มีเจตนาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเสพติดทุกชนิดตั้งแต่๐๑กรัมขื้นไป
8=ทุจริตทรัพย์ได้ทรัพย์มาโดยไม่ชอบธรรม9=มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีแผ่นดิน
10=มีเจตนาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาวุธปืนและอาวุธสงครามต่างๆ
11=ลักทรัพย์ผู้อื่น.ปล้นจึ้ชิงทรัพย์
12=มีเจตนารับซื้อของโจร
13=มีเจตนาฟอกเงินซึ่งได้มาไม่ชอบด้วยกฎหมายและ
14=นอกใจสามีภรรยาตนเอง
15=มีเจตนาร่วมเพศกับสามีภรรยาผู้อื่น
16=ร่วมเพศกับบุคคลอายุไม่ถึง๑๘ปี
17=มีเจตนาร่วมเพศกับบุคคลสติปัญญาไม่สมประกอบไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองและผู้ดูแล
18= ร่วมเพศกับผู้อื่นโดยไม่ยินยอม
19=มีเจตนาร่วมเพศกับบิดามารดา ปู่ย่าตายาย บุตรหลาน พี่น้อง ลุงป้าน้าอา
19มีเจตนาตัดไม้ทำลายป่าในป่าสาธารณะโดยไม่จำเป็น
20=มีเจตนาตัดไม้ทำลายป่าไม้เพื่อผลประโยชน์ตนเอง
21=มีเจตนาพูดหลอกลวงผู้อื่นเพื่อหลอกเอาทรัพย์
22=มีเจตนาพูดใส่ร้ายผู้อื่น เป็นพยานเท็จ
23=มีเจตนาพูดจาดูหมิ่นประมาทผู้อื่นด่าทอพูดคำหยาบใส่ผู้อื่น
24=มีเจตนาปลอมแปลงเอกสารต่างๆเพื่อผลประโยชน์ตนเอง
25=พูดจายุยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน
26=มีเจตนาเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
27=มีเจตนาฆ่าสัตว์เพื่อบูชายัญเทพเจ้าต่างๆ
28=มีเจตนาเอาเนื้อสัตว์ทั้งตัวบูชายัญเทพเจ้าทั้งหลาย
29=มีเจตนาเสพสารเสพติดและของมึนเมา
30=มีเจตนาทอดทิ้งบิดามารดามาตลอดจนบิดามารดาจนจากไป
31มีเจตนาฆ่าสัตว์ด้วยความโลภ ความโกธ ความหลง
32=เจตนาเป็นคนที่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นจนได้รับความเดือดร้อนรำคาญ และได้รับความเสียหาย
33=มีเจตนาเป็นคนลักเล็กขโมยน้อย
34=มีเจตนาบริโภคอาหารผู้อื่นโดยไม่รับอนุญาติ
35=มีเจตนาเป็นผู้บริโภคเนื้อสัตว์เช่น.เนื้อมนุษย์.เนื้อช้างเนื้อม้า.เนื้อลา.เนื้อสุนัข.เนื้อแมว.เนื้อเสือทุกชนิด.เนื้อวัวควาย.เนื้อเต่า.เนื้อลิงเนื้อแพะแกะ.เนื้อหมีทุกชนิด.เนื้ออูฐ.เนื้องู.เนื้อสัตว์มีพิษทุกชนิด.เนื้อสัตว์ป่าเนื้อสัตว์ป่าสงวนทุกชนิดที่หวงห้ามตามกฎหมายบ้านเมือง.
36มีเจตนาบริโภคเนืัอสัตว์สุกๆดิบๆ
37=มีเจตนาบริโภคอาหารไม่สะอาดสกปรก
38=เป็นผู้บริโภคเนื้อสัตว์เกิน 2 กิโลกรัมต่อเดือนขึ้นไป
39มีเจตนาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งของมึนเมา
40=มีเจตนาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งมึนเมา
41=มีเจตนาเล่นการพนันทุกชนิดแม้ว่าถูกกฏหมายก็ตาม
42=มีเจตนาผลิตภัณฑ์อุปกรณ์การเล่นพนัน
43=มีเจตนาสร้างสถานประกอบการเล่นการพนัน
44=มีเจตนามีอาชีพการพนัน
45=มีเจตนาซื้อขายการพนัน
46=มีเจตนาเที่ยวกลางคืนและการละเล่นต่างๆ
48=มีเจตนาเที่ยวช่องผับบาร์เป็นต้น
49=มีเจตนาเป็นผู้หลงติดเช็กมากเกินไป
50=มีเจตนาตั้งตนเป็นร่างทรง
51=มีเจตนาตั้งตนเป็นหมอดูทำนายทายทักดวงชะตาผู้อื่น และให้หมอดูทำนายทายทักดวงชะตาของตนเอง
52=มีเจตนาตั้งตนต่อดวงชตาชีวิตล้างกรรม
53=มีเจตนาผลิตจำหน่ายเครื่องรางของขลังและเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ พระเครื่องเป็นต้น
54=มีเจตนาศึกษาและใช้เวทมนต์ดำ
55=มีเจตนากราบไหว้สักการะบูชาต้นไม้ขอนไม้และสัตว์เดรัจฉาน
56=มีเจตนาประกอบอาชีพพุทธพาณิชย์
57=มีเจตนาห้อยคล้องคอเครื่องลางของขลังและวัตถุมงคลทุกชนิด
58=มีเจตนาประกอบอาชีพประกอบอาชีพเป็นพรานป่าล่าสัตว์
(ยกเว้นบุคคลอาศัยอยู่ในป่าคือคนป่า)
59=มีเจตนาทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะและทิ้งขยะไม่ถูกที่ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน
60=มีเจตนาเครารพบูชา ส่งเสริมคนชั่ว ภิกษุสงฆ์สามเณรชั่ว นักบวชชั่ว นักการเมืองชั่ว ทนายความชั่ว เป็นต้น
61=มีเจตนาส่งเสริมสนับสนุนคนชั่ว ภิกษุสงฆ์สามเณรชั่ว นักบวชชั่ว
62=มีเจตนาคบคนชั่วคบคนพาลเป็นมิตร
63=มีเจตนาทำความดีต่างๆเพื่อหวังผลสิ่งตอบแทน
64=มีเจตนาเป็นคนชอบทวงบุญคุณ
65=มีเจตนาจะพยายามเอาชนะผู้อื่นให้ได้
66=มีเจตนาเป็นคนที่คาดหวังมากเกินไป
67=มีเจตนาเป็นผู้รับสินบนให้สินบนผู้อื่น
67=มีเจตนาฆ่าสัตว์ไม่ใช่เป็นการเลื้ยงชีพ
68=มีเจตนาฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่เป็นเชื้อโรคและสัตว์เชืัอโรคระบาด
69=มีเจตนาฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย สัตว์ไม่มีพิษภัย สัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ก่อเกิดความรำคาญและรุกรานพื้นที่อยู่อาศัยและร่างกาย เฉพาะสัตว์ที่อยู่ในบ้านและที่ประกอบอาชีพของตนและอยู่ในร่างกายในคนและสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
70=มีเจตนาฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ดุร้ายไม่ทำร้ายมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
71=มีเจตนาฆ่าสัตว์ป่าสัตว์หวงห้ามตามกฏหมาย
72=มีเจตนาฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ที่บริโภคได้ (ฆ่าสัตว์เพื่อเป็นการเลี้ยงชีพได้)
73=มีเจตนาเลี้ยงสัตว์ดุร้ายและมีพิษทุกชนิด
74=มีเจตนาเลี้ยงสัตว์ที่ห้ามบริโภคเพื่อจำหน่ายเพื่อเป็นอาหาร(ยกเว้นเลี้ยงดูได้)
75=มีเจตนาไม่กำจัดและไม่ป้องกัน สัตว์ที่ดุร้าย สัตว์มีเชื้อโรคระบาดติดต่อ สัตว์มีพิษ สัตว์ที่ทำลายสิ่งของต่าง สัตว์เหล่านี้ที่อยู่ในหมู่บ้านบริเวณที่อยู่อาศัยของตนและบริเวนพื้นที่ชุมชนพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ที่อยู่ในบริเวนในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ (สัตว์เหล่านี้ฆ่าได้)
76=มีเจตนาไม่ป้องกันเชื้อโรคจากจากตนไปสู่ผู้อื่น และไม่ป้องเชื้อโรคจากผู้อื่นมาสู่ตน
77=มีเจตนาฆ่าสัตว์เป็นการกีฬาและแข่งขัน
78=มีเจตนาเป็นคนที่ไม่ให้อภัยผู้อื่นและตนเอง
79=มีเจตนาไม่ขอโทษผู้อื่นและตนเองเมื่อรู้ตนกระทำผิด
80=มีเจตนาเก็บความโลภะ โทสะ โมหะ
เอามาคิดต่อยอดตลอดโดยไม่ปล่อยวาง
81=มีเจตนาเป็นคนชอบเก็บความอยากความไม่อยาก ความพอใจและไม่พอใจเอามาคิด
ต่อยอดตลอดไปโดยไม่ปล่อยวาง
82=มีเจตนาเป็นคนเก็บความหลงยึดติดโลกธรรม๘ และขันห้ามาครอบครองเอาไว้ในกายและใจโดยไม่ปล่อยวาง
83=มีเจตนายึดติดอายตนะ๑๒
84=มีเจตนายึดติดอิทฤทธิ์ปฏิหาร
85=มีเจตนายึดติดกับโชคลาภสักการะ
ยึดติดกรรม เอาคิดต่อยอดตลอดโดยไม่ปล่อยวาง
86=มีเจตนาชอบเก็บความหลงผิดอื่นๆ ความกลุ้มใจ คับแค้นใจ.เศร้าโสกเสียใจ หงุดหงิด รำคาญ น้อยใจ เอามาคิดต่อยอดตลอดโดยไม่ปล่อยวาง
87=มีเจตนาเป็นคนไม่เชื่อกฏแห่งกรรมใดๆ
และบุญบาปใดๆ อบายภูมิสี่ไม่มีอยู่จริง
และไม่รู้สำนึกผิดบาปบุญคุณโทษ
88=มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นพระรัตนตรัย
89=มีเจตนาเป็นคนที่ชอบพูดเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบคาย พูดลามกสกปรกด่าทอผู้อื่น พูดมากเรื่อง พูดข่มขู่ผู้อื่น พูดจาหรอกลวงผู้อื่น พูดจาโอ้อวดต่างๆพูดจาดูหมิ่นเหยียหยามผู้อื่น พูดจาคนอื่นไม่อยากฟังทั้งที่ตนเองรู้แก่ใจ แสดงท่ากายหยามผู้อื่น
90=มีเจตนาเป็นคนที่ชอบเกียจคร้านประกอบอาชีพใช้ทรัพย์สินฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย
91=มีเจตนาเป็นคนทีชอบทำงานหนักเกินกำลังของตนเองที่จะรับได้
92=มีเจตนาเป็นคนไม่เอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ต่อสังคม เป็นคนขี้ตระหนี่ เห็นแก่ตัว
93=มีเจตนาเป็นคนเอาใจแต่ตนเอง รับฟังความฝ่ายเดียวโดยไม่คิดรอบด้าน ไม่ฟังเหตุผลผู้อื่น เอาแต่พวกฟ้องตนเอง
94=มีเจตนาหึงหวงระแวงสามีภรรยาตนเองมากเกินเหตุ
95=มีเจตนาอยู่กับสามีภรรยาผู้อื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาตนเองอยู่สองคนด้วยกันในที่ลับตาคนที่บังตาผู้คน
96=มีเจตนาที่มานอนภาชนะอันเดียวกับสามีภรรยาผู้อื่น
9=มีเจตนามาหลับนอนกับสามีภรรยาผู้อื่นสองต่อสองในที่ลับตาคน และนอนที่นอนอันเดียวกันและห้องเดียวกัน
98=มีเจตนาอวดโชว์อวัยวะเพศให้ผู้อื่นเห็นเพื่อยั่วยวนทางเพศ โดยไม่ใช่สามีภรรยาตนเอง
99=มีเจตนาสูตรดมกางเกงในของผู้อื่น
100=มีเจตนาแอบดูผู้อื่นเข้าห้องนำ้และอาบนำ้
101=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่มีรอยยิ้มให้กันไม่โอบกอดกัน
102=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ช่วยทำงานในบ้านกัน
103=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ทำการบ้านให้กันและกัน
104=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ปรึกษาปัญหาเรื่องเช็กให้กันและกันได้
เมื่อเช็กมีปัญหาเกิดขึ้น
105=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่เอาใจใส่กัน.ไม่ดูแลกัน. คอยเหยียบหยามนำ้ใจกัน.คิดแต่เอาเปรียบกัน.กลัวเสียเปรียกัน.ไม่รับฟังความคิดเห็นกัน
106=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วมีความอยากมีกิ้กมีชู้กัน คิดนอกใจต่อกัน
107=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วเมื่อมีปัญหากันใช้ความรุนแรงต่อกัน.ทำหน้าบึ้งตึงใส่กัน.ไม่มีความแมตตากรุนามุทิตาอุเบกขาต่อกัน
108=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่ควรทำให้สามีภรรยาของตนเกิดความเหงาใจขึ้น
109=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ควรทำจิตใจให้ตนเองเหงา
110=มีเจตนาเป็นสามีกันแล้วไม่หลงคำชมเชยจากชายหญิงอื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาตนเอง
111=เป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ควรให้ชายหญิงอื่นเอาอกเอาใจตนเองที่ไม่ใช่สามีภรรยาตนเอง
112=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ควรเป็นคนมักมากในกามอารมณ์เกินเหตุ
113=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ยกย่องชมเชยต่อกัน.ไม่ให้ของขวัญต่อกันไม่ให้ความสำคัญต่อกัน.ไม่มีความรักใคร่ต่อกันแบบสามีภรรยา
114=มีเจตนาเป็นสามีกันแล้ว มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน.ไม่เติมเต็มให้กัน.ไม่มีการง้องอนต่อกัน ไม่หยอกล้อต่อกัน
115มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วแลดูรูปร่างและประสบตากับชายหญิงอื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตนเองเกิน30วินาที แตะต้องตัวและสัมผัสกายชายหญิงอื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตนเองโดยไม่จำเป็นและเจตนา ส่งสายตาให้กันในทางชู้สาวกับชายหญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตนเอง
116= มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วมีคำพูดวาจาให้กันในทางเชิงชู้สาวกับชายหญิงอื่นส่งรอยยิ้มให้กับชายหญิงอื่นในทางเชิงชู้สาว ไม่ใช่สามีภรรยาของตนเอง
117=มีเจตนาเป็นสามีภรรยากันแล้วยินดีพอใจรับการแลดูรูปร่างของตนและประสบสายตากับชายหญิงอื่น เป็นผู้ยินดีพอใจในการถูกแตะต้องตัวและสัมผัสกายชายหญิงอื่น เป็นผู้ยินดีพอใจในคำพูดวาจาในทางชู้สาวชายหญิงอื่น เป็นผู้ยินดีพอใจรับรอยยิ้มในทางเชิงชู้สาวจากชายหญิงอื่น เป็นผู้รับแอดและเพิ่มเพื่อนในโชเชียล ชายหญิงอื่นในเชิงชู้สาวเป็นผู้ค้นหาชายหญิง ในเชิงชู้สาว เป็นผู้รับและให้ของขวัญจากชายหญิงอื่นในเชิงชู้สาว เป็นผู้ไปทำความรู้จักกับชายหญิงอื่น ในนามเชิงสู้สาว เป็นผู้แอบมีความคิดถึงของชายหญิงอื่นในเชิงชู้สาว ที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตนเอง
118=มีเจตนา สุภาพสตรีใดใส่เสื้อผ้าให้เห็นหน้าอกราวนมให้ชายอื่นเห็นโดยไม่ใช่สามีตนเอง.ใส่เสื้อผ้าสั้นๆรัดรูปจนเห็นรูปอวัยวะร่างกายให้ชายอื่นเห็นโดยไม่ใช่สามีตนเอง
119=มีเจตนาไม่มีรอยยิ้มให้กับบุตรหลาน
120=มีเจตนาไม่หยอกล้อล้อเล่นกับบุตรหลาน
121=มีเจตนาไม่ไม่รับฟังความคิดเห็นจากบุตรหลานของตน
122=มีเจตนาไม่สามารถเป็นเพื่อนกับบุตรหลานได้
123=มีเจตนาไม่สามารถเป็นเพื่อนเล่นกับบุตรหลานได้
124=มีเจตนาไม่สามารถปรึกษาเรื่องเพศให้กับบุตรหลานได้
125=มีเจตนาเพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญการศึกษาของบุตรหลานของตนได้
126=มีเจตนาเป็นผู้ไปเดินทางด้วยเท้าคนเดียวอยู่คนเดียวพกทรัพย์สินไปด้วยรวมมูลค่าเกิน 2สลึงทองคำขึ้นไป
127=มีเจตนาเป็นผู้เดินทางออกจากบ้านด้วยเท้าและขี่มอเตอร์ไซค์คนเดียวในยามวิกาลตั้งแต่เวลา 19 00นถึงเวลา 04.00 นโดยไม่จำเป็น
128=มีเจตนาประมาทขับขี่รถยนต์.รถมอเตอไซต์ ไม่สวมหมวกนิรภัยและรัดเข็มขัดนิรภัย
129=มีเจตนาไม่ปฏิบัติตามกฏจราจร
130=มีเจตนาละเมิดกฏหมายบ้านเมืองนั้นๆ
131=มีเจตนาละเมิดกฎระเบียบในชุมชนและองค์กรต่างๆ
132=มีเจตนาทิ้งกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก
133=มีเจตนาครอบครองอาวุธปืน พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น และไม่มีหน้าที่ใดๆ
134=มีเจตนาครอบครองอาวุธสงครามต่างๆเพื่อทำลายล้างชีวิตผู้คน
135=มีเจตนาประมาทชีวิตในการอวดโชว์ปีนป่ายหน้าผาและท่องเที่ยวมีความเสียงอันตรายถึงชีวิตได้
136=มีเจตนาประมาทชีวิตอยู่ในสถานที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
137=มีเจตนาส่งเสริมการเล่นกีฬาและแข่งขันกีฬาที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
138=มีเจตนาประมาทประกอบอาชีพที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ โดยไม่ป้องกันตัวเอง
139=มีเจตนาบริโภคเนื้อสัตว์และพืชผักผลไม้แล้ว พอมีแรงกายแล้วไปกระทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม โดยปราศจากทำความดีสิ้นเชิง
140=มีเจตนาบริโภคเนื้อสัตว์พืชผักผลไม้เพื่อเป็นกับแกล้มแฮลกอฮอล์ และสารเสพติด
141=มีเจตนาบริโภคอาหารและยาที่หมดอายุ
142=มีเจตนาบริโภคอาหารสกปรก.ไม่สะอาด สุกๆดิบๆ
143=มีเจตนาบริโภคอาหารรสจัด เช่นเค็มหวาน เผ็ด เปรี้ยว เกินไป
144=มีเจตนาปล่อยให้บริเวนที่อยู่อาศัยสกปรก รกรุงรัง
145=มีเจตนาใส่เสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่มสกปรกจนมีกลิ่นเหม็น
146=มีเจตนาไม่อาบน้ำปล่อยให้ร่างกายตนเองสกปรกโสโครก
147=มีเจตนาไม่แปรงฟันตอนเช้าและก่อนนอน
148=มีเจตนานอนดึกตั้งแต่เวลา23.00นขึ้นไปโดยไม่จำเป็น
149=มีเจตนานอนตื่นสายเกินเวลา07.00น โดยไม่จำเป็น
หมวดกิเลส16
150=มีเจตนาอภิชฌมวิสมโลภคือความละโมภ อยากได้ อยากมี อยากเป็นอย่างไม่รู้จักพอ เห็นแก่ได้จนลืมตัว
151=มีเจตนาพยาบาท คือความพยาบาท คิดหมายปองร้ายทำลายผู้อื่นให้เสียหายหรือพินาศ ยึดความเจ็บแค้นของตนเป็นอารมณ์
152=มีเจตนาโกธะ คือให้ความโกรธ จิตใจมีอาการพลุ่งพล่านเดือดดาล เมื่อถูกทำให้ไม่พอใจ
153=มีเจตนาอุปนาหะ คือการผูกโกรธ ใครพูดอะไร ทำอะไรให้เกิดความโกรธแล้วจะผูกใจเจ็บ เก็บไว้ ไม่ปล่อย ไม่ลืม
154=มีเจตนามักขะ คือการลบหลู่คุณท่าน ปิดบังความดีของผู้อื่น ลบหลู่ความดีของผู้อื่น เช่น เขาให้ของแก่เราเป็นต้น
155=มีเจตนาปลาสะ คือการตีเสมอ ยกตัวเทียมท่าน ไม่ยอมยกให้ใครดีกว่าตน แต่ชอบยกตัวเองดีกว่า
156=มีเจตนาอิสสา คือความริษยา เห็นเขาได้ดี ทนไม่ได้ เมื่อเห็นเขาได้ดีมากกว่าเรา เขาได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่าเรา เรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
157=มีเจตนามัจฉริยะ คือความตระหนี่ ขี้เหนียว เสียดายของ ยึดในสิ่งของที่เราครอบครองอยู่อย่างเหนียวแน่น อยากแต่จะเก็บเอาไว้ ไม่อยากให้ใคร
158=มีเจตนามายา คือเจ้าเล่ห์หลอกลวง ไม่จริงใจ พยายามแสดงบทบาทตัวเองเกินความจริง หรือจริงๆ แล้วเรามีน้อยแต่พยายามแสดงออกให้คนอื่นเข้าใจว่ามั่งมี เช่น ด้วยการแต่งตัว กินอยู่อย่างหรูหรา
159=มีเจตนาสาเถยยะ คือการโอ้อวด หลอกลวงเขา ชอบอวดว่าดีกว่าเขา เก่งกว่าเขา พยายามแสดงให้เขาเห็น เพื่อให้เขาเกิดอิจฉาเรา เมื่อได้โอ้อวดแล้วมีความสุข
160=มีเจตนาถัมภะ คือความดื้อ ความกระด้าง ยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ใครแนะนำอะไรให้ก็ไม่ยอมรับฟัง
161=มีเจตนาสารัมภะ คือการแข่งดี มุ่งแต่จะเองชนะเขาอยู่ตลอด จะพูดจะทำอะไรต้องเหนือกว่าเขาตลอด เช่นเมื่อพูดเถียงกันก็อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เพื่อเอาชนะให้ได้ ถึงแม้ความจริงแล้วตัวเองผิด ก็ไม่ยอมแพ้
162=มีเจตนามานะ คือความถือตัว ทะนงตน
163=มีเจตนาอติมานะ คือการดูหมิ่นท่าน ความถือตัวว่าเราดียิ่งกว่าเขา ทำให้ดูถูกดูหมิ่นคนอื่น
164=มีเจตนามทะ คือความัวเมา หลงว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาว ยังไม่แก่ ยังไม่ตาย หลงในอำนาจ หลงในตำแหน่ง คิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแล้วทำอะไรเกินเหตุ
165=มีเจตนาปมาทะ คือความประมาท เลินเล่อ ไม่คิดให้รอบคอบ อาการที่ขาดสติ ขาดปัญญา
หมวดกิเลส10
166มีเจตนาโลภะ ความอยากได้ในสิ่งของ เงินทอง ทรัพย์สิน ที่ดินหรือลาภอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของของตน
167=มีเจตนาโทสะ ความคิดประทุษร้าย ทำลาย
168=มีเจตนโมหะ ความหลง มัวเมา
169=มีเจตนามานะ ความถือตัว
170=มีเจตนาทิฏฐิ ความเห็นผิด
171=มีเจตนาวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
172=มีเจตนาถีนะ ความหดหู่
173=มีเจตนาอุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
174=มีเจตนาอหิริกะ ความไม่ละต่ออายบาป
175=มีเจตนาอโนตตัปปะ ความไม่เกรงกลัวบาป
176=มีเจตนา ใช้ทรัพย์ที่ตนหามาได้โดยสุจริต ในทางที่ผิด และไม่มีประโยชน์ใด
177=มีเจตนา รับทรัพย์นั้นจากผู้นั้นที่ได้มาจากโดยทุจริตผู้อื่นมา
หมวดพฤติกรรมเกิดโรค
178=มีเจตนา อดอาหารเช้า
179=มีเจตนา ทานอาหารไม่ถูกหลัก
180=มีเจตนา นั่งดูและเล่นโทรศัพท์นานเกินไป
181=มีเจตนากลั้นปัสสาวะ
182=มีเจตนาอยู่กลางแจ้งที่มีแดดแรง
183=มีเจตนาไม่ออกกำลังกาย
184=มีเจตนานอนหลับไม่เพียงพอ
185=มีเจตนากินอาหารที่มีไขมันสูงมากเกินไปโดยเฉพาะกลุ่ม ไขมันจากสัตว์ และไขมันอิ่มตัว เช่น เนย มาการีน น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว เนื่องจากไขมันจากสัตว์และไขมันอิ่มตัวจะก่อให้เกิดการอักเสบของเซลล์ต่าง ๆ
186=มีเจตนากินอาหารแปรรูป ที่มีดินประสิวและสารไนไตรต์ ไนเตรต เป็นส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้
187=มีเจตนากินกลุ่มอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ มักพบในอาหารที่มีการปรุงแต่งสี กลิ่น รส ที่มากจนเกินไป เช่นอาหารสีฉูดฉาดผิดปกติ เนื่องจากมีส่วนผสมของสีผสมอาหารมากจนเกินไป และผัก ผลไม้ที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงก่อให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้
189=มีเจตนากินอาหารปิ้ง รมควัน จนไหม้เกรียม / อาหารทอดน้ำมันซ้ำ ๆ
เช่น หมูย่าง เนื้อย่าง ไก่ทอด มันฝรั่งทอด เป็นต้น ซึ่งการปิ้งรวมควันอาหารจนไหม้เกรียมจะก่อให้เกิด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม
190=มีเจตนากินอาหารที่มีเชื้อรา
มักพบในถั่วลิสง พริกแห้ง หอม กระเทียม เมล็ดพืช ซึ่งส่งผลให้เกิดมะเร็งตับ
191=มีเจตนาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นเหตุให้เกิดภาวะตับแข็ง และจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในช่องปาก มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งอื่น ๆ อีกหลายชนิด
192=มีเจตนา
193=มีเจตนา
194=มีเจตนา
195=มีเจตนา
เป็นผู้เคารพบูชารูปปั้นรูปเคารพอื่นที่ไม่ใช่พุทธรูปและรูปเคารพพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์
เป็นผู้เคารพบูชารูปปั้นในศาสนาอื่นกราบไหว้ต้นไม้ขอนไม้รูปปั้นเด็กรูปปั้นสัตว์และกราบไหว้องค์เทพต่างๆในศาสนาอื่น
เป็นผู้ไม่ถือเอาด้วยการปฏิบัติบูชาแต่เอาสิ่งของบูชาพระพุทธเจ้าพระธรรมะเจ้า
พระสงฆ์เจ้าพระมหาโพธิสัตว์
องค์เทพเทวาอารักษ์บูชาแทน
เป็นผู้เอาองค์เทพต่างๆในศาสนาอื่นบ้างภูเขาบ้าง.ในป่าไม้บ้างรูปปั้นเด็กบ้าง.รูปปั้นสัตว์บ้าง.ต้นไม้บ้าง.จอมปลวกบ้าง.ซากสัตว์บ้าง.สัตว์แปลกประหลาดบ้าง.สัตว์พิการบ้าง.ขอนไม้บ้าง.ทะเลบ้าง.บูชายัญบ้าง.บนบานศาลกล่าว.เล่นเวทมนต์ดำบ้าง.ทำเสหน่ยาแฝดบ้าง.ยึดเป็นสรณะบูชาเพื่อสนองตันหาของตน
ข้าพเจ้าขอสวัสดีทท่านทัังหลายขอให้ท่านทังหลายทุกท่านจึงมีความสุขกายสบายใจ ความเจ็บไข้ได้ป่วยความยากจนจงลดน้อยถอยลงเถิด อุปสรรคอันตรายทั้งปวงอัปมงคลทั้งปวงความทุกข์ทั้งปวงสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงพลังบาปอกุศลกรรมทั้งปวง จงมลายดับสูญสิ้นสลายไปเถิด อายุวรรณะสุขะพละ ความอยู่ดีมีสุข
ความปลื้มปิติยินดี ความภาคภูมิใจตนเอง
ความบันเทิงเริงใจ ผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน บุญกุศลกรรมทั้งปวงทั้งหมดนี้จงมีแต่ท่านเถิด ขอให้ท่านจงรับอนุโมทนาสาธุเองเถิด
ข้าพเจ้าอวยพรชัยและอนุโมทนาให้ท่านแล้ว ด้วยการข้าพเจ้าเป็นผู้เจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยตลอดทุกเวลาทุกอริยาบททุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญสาธุ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
หากข้าพเจ้าได้ละเมิดผิดได้กระทำไปแล้วสำเร็จแล้วโดยเจตนา กรรมประการเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขปรับปรุง
ชำระล้างได้ จะต้องไปสู่อบายภูมิสี่สถานเดียว ข้าพเจ้าได้จะรับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้ ในเวลาอันถัดไป อย่างแท้แน่นอน ข้าพของดละเว้นขาดจากการกระทำกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้เทอญสาธุ
๒
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
มีเจตนาฆ่ามนุษย์
เจตนาทำร้ายร่างกายกักขังหน่วงเหนี่ยว
ผู้อื่นจนได้รับความเสียหายต่อร่างกายและจิตใจ
ซื้อขายมนุษย์
เจตนาฆ่าทำแท้งลูกตัวเอง
จุดเผาวางเพลิงเพื่อทำลายชีวิตและทรัพย์สินผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย
เอากระแสไฟฟ้าช็อตและวางยาพิษให้สัตว์นำ้และบกให้ตาย
เจตนาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเสพติดทุกชนิดตั้งแต่๐๑กรัมขื้นไป
ทุจริตทรัพย์ได้ทรัพย์มาโดยไม่ชอบธรรม
เลี่ยงภาษีแผ่นดิน
กู้ยืมทรัพย์ผู้อื่นโดยไม่ใช้คืนเจ้าของทรัพย์
ลักทรัพย์ผู้อื่น
ปล้นจึ้ชิงทรัพย์
มีเจตนารับซื้อของโจร
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้
ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๓เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๑๐จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวลา๗๐๐๐วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๓
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
นอกใจสามีภรรยาตนเอง
ร่วมเพศกับสามีภรรยาผู้อื่น
ร่วมเพศกับบุคคลอายุไม่ถึง๑๖ปี
ร่วมเพศกับบุคคลสติปัญญาไม่สมประกอบไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง ข่มขืนผู้อื่นโดยไม่ยินยอม
ร่วมเพศกับบิดามารดา ปู่ย่าตายาย บุตรหลาน พี่น้อง ลุงป้าน้าอา
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๑๐จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวล๑๐๐๐วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๔
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศล
ตัดในป่าสาธารณะโดยไม่จำเป็น
ตัดไม้ทำลายป่าไม้เพื่อผลประโยชน์ตนเอง
พูดหลอกลวงผู้อื่น
พูดใส่ร้ายผู้อื่น เป็นพยานเท็จ
พูดจาดูหมิ่นประมาทผู้อื่น
ด่าทอพูดคำหยาบใส่ผู้อื่น
ปลอมแปลงเอกสารต่างๆเพื่อผลประโยชน์ตนเอง
เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
พูดจายุยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๑๐จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวลา๗๐๐วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๕
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
ฆ่าสัตว์เพื่อบูชายัญ
เสพสารเสพติดและของมึนเมา
ทอดทิ้งบิดามารดามาตลอดจนจากไป
ฆ่าสัตว์ด้วยความโลภะ โทสะ โมหะ
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๑๐จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวลา๕๐๐วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๖
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
เป็นคนที่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นจนได้รับความเดือดร้อนรำคาญ
เป็นคนลักเล็กขโมยน้อย
บริโภคอาหารผู้อื่นโดยไม่รับอนุญาติ
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมา
เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เป็นคนที่ติดการพนันมาก
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๑๐จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวลา๑๐๐วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๗
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
เป็นร่างทรง
ดูดวงทำนายทายทักต่อชตาชีวิตล้างกรรมผิดวิธี
บูชาและผลิตจำหน่ายเครื่องรางของขลังและเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ
เล่นเวทมนต์ดำ
กราบไหว้สักการะบูชาต้นไม้ขอนไม้และสัตว์เดรัจฉาน
ประกอบอาชีพให้ผู้อื่นหลงผิด
ประกอบอาชีพเป็นพรานป่าล่าสัตว์
(ยกเว้นบุคคลอาศัยอยู่ในป่า)
ทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะ
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๑๐จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวลา๕๐วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๘
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
เครารพคนชั่วคบคนพาลเป็นมิตร
ทำความดีต่างไปเพื่อหวังผลสิ่งตอบแทน
เป็นคนชอบทวงบุญคุณคน
พยายามเอาชนะผู้อื่นให้ได้
เป็นคนที่คาดหวังมากเกินความเป็นจริง
รับสินบนให้สินบนผู้อื่น
ฆ่าสัตว์ไม่ใช่เป็นการเลื้ยงชีพ
ฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่เป็นเชื้อโรคคะบาด
ฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย
ฆ่าสัตว์ที่ใช่สัตว์ก่อเกิดความรำคาญและ
รุกรานพื้นที่อยู่อาศัย
ฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ดุร้ายทำร้ายใคร
ฆ่าสัตว์หวงห้ามตามกฏหมาย
ฆ่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ที่บริโภคได้
เลี้ยงสัตว์ที่ห้ามบริโภคเพื่อจำหน่ายเพื่อเป็นอาหาร(ยกเว้นเลี้ยงดูได้)
ไม่จำกัดสัตว์ที่เป็นเชื้อโรคมีพิษภัยที่อยู่่บริเวนพื้นที่พักอาศัยของตน
ไม่ป้องกันเชื้อโรคจากผู้อื่นและสู่ผู้อื่น
เป็นคนที่ไม่ชอบให้อภัยผู้อื่นและตนเอง
เป็นคนที่ไม่ชอบขอโทษผู้อื่นและตนเอง
เป็นคนชอบเก็บความโลภะ โทสะ โมหะเอามาคิดต่อยอดตลอดโดยไม่ปล่อยวาง
เป็นคนชอบเก็บความอยากความไม่อยาก ความพอใจและไม่พอใจเอามาคิดต่อยอดตลอดไปโดยไม่ปล่อยวาง
เป็นคนเก็บความหลงยึดติดโลกธรรม๘
ยึดติดอายตนะ๑๒ ยึดติดขันห้า ยึดติดอิทฤทธิ์ปฏิหาร ยึดติดโชคลาภสักการะ
ยึดติดกรรม เอาคิดต่อยอดตลอดโดยไม่ปล่อยวาง
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๙จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนคบเป็นเวลา๓วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๙
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
เป็นคนชอบเก็บความหลงผิดอื่นๆ ความกลุ้มใจ คับแค้นใจ.เศร้าโสกเสียใจ หงุดหงิด รำคาญ น้อยใจ เอามาคิดต่อยอดตลอดโดยไม่ปล่อยวาง
ดำรงค์ชีพไม่ประกอบด้วยมรรคแปดใดๆเลย
เป็นคนไม่เชื่อกฏแห่งกรรมใดๆ
และบุญบาปใดๆ อบายภูมิสี่ไม่มีอยู่จริง
และไม่รู้สำนึกผิดบาปบุญคุณโทษ
เป็นคนลบหลู่ดูหมิ่นพระรัตนตรัยโดยเจตนา
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๙จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนคบเป็นเวลา๓วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๑๐
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
เป็นคนที่ชอบพูดเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบคาย พูดลามกสกปรกด่าทอผู้อื่น พูดมากเรื่อง พูดข่มขู่ผู้อื่น พูดจาหรอกลวงผู้อื่น พูดจาโอ้อวดต่างๆพูดจาดูหมิ่นเหยียหยามผู้อื่น พูดจาคนอื่นไม่อยากฟังทั้งที่ตนเองรู้แก่ใจ แสดงกายหยามผู้อื่น
หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้ละเมิดผิดบาปอกุศลกรรมเหล่านี้แล้ว
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
เจริญอานาปานสติ๑๔ด้วยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน๙จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนครบเป็นเวลา1วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
๑๑
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าจะละเว้นการกระทำดังนี้
เป็นคนที่ชอบเกียจคร้านประกอบอาชีพใช้ทรัพย์สินฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย
เป็นคนทีชอบทำงานหนักเกินกำลังของตนเองที่จะรับได้
เป็นคนที่ไม่แลคนรอบข้าง ไม่เอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ต่อสังคม เป็นคนขี้ตระหนี่ เห็นแก่ตัว
เป็นคนเอาใจแต่ตนเอง รับฟังความฝ่ายเดียวโดยไม่คิดรอบด้าน ไม่ฟังเหตุผลผู้อื่น เอาแต่พวกฟ้องตนเอง
เป็นคนที่ละทิ้งอานาปานสติ๑๔เป็นเวลา๒๔ชั่วโมงขื้นไป
เป็นคนละทิ้งนมัสการเป็นเวลา๗วันขื้นไป
เป็นคนที่หึงหวงระแวงสามีภรรยาตนเองมากเกินไป
เป็นคนที่อยู่กับสามีภรรยาผู้อื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาตนเองอยู่สองคนด้วยกันในที่ลับตาคนที่บังตาผู้คน
เป็นคนที่มานอนภาชนะอันเดียวกับสามีภรรยาผู้อื่น นอนกับสามีภรรยาผู้อื่นสองต่อสองในที่นอนอันเดียวกัน
และห้องเดียวกัน
อวดโชว์อวัยวะเพศให้ผู้อื่นเห็น
สูตรดมกางเกงในของผู้อื่น
แอบดูผู้อื่นเข้าห้องนำ้และอาบนำ้
ผ่าตัดศัลกรรมตบแต่งร่างกายตนเองและผู้อื่น
สักยันต์ตามร่างกายตนเอง
หากข้าพเจ้าได้ละเมิดผิดการกระทำเหล่านี้ได้กระทำแล้วสำเร็จแล้วโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก้ดีมีเหตุจำเป็นที่กระทำก็ดี อันเป็นโทษต่อตนเองและผู้อื่น ข้าพเจ้าขอชำระล้างแก้ไขด้วยการ
เป็นผู้เจริญรักษาสัจจะการงดละเว้นบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวง
เป็นผู้รักษาศิลห้าโดยให้บริบูรณ์ดีทุกประการด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า
เป็นผู้บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า เจริญแผ่เมตตา
เจริญอานาปานสติ๑๔ตลอดทุกเวลาทุกสภาวะอารมณ์จนตลอดชีวิตของข้าพเจ้า นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโส๑จบ
การกระทำเหล่านี้เพื่อเป็นการชำระล้างจิตกายวาจาของข้าพเจ้าให้เป็นผู้บริสุทธ์ผุดผ่องใสดั่งเดิมทุกประการ
นะโมพุทโธบาปกรรมจงละลายสูญหายไปโดยฉับพลัน นะโมธัมโมบาปกรรมจงละลายสูญหายไปโดยฉับพลัน นะโมสังโฆบาปกรรมจงละลายสูญหายไปโดยฉับพลันเทอญสาธุ
นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่า
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมดังนี้
ข้าพเจ้าไม่รีบชำระล้างแก้ไขปรับปรุงตนเองโดยฉับพลันนั้นข้าพเจ้าจะได้รับผลวิบากกรรมในเวลาปัจจุบันนี้ ในเวลาอันใกล้นี้
ในเวลาอันถัดไปนี้ไปสู่อบายภูมิสี่ อย่างแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอชำระล้างบาปอกุศลกรรมด้วยการ เป็นผู้ของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงโดยฉับพลันขอสัญญาว่าไม่กระทำกรรมเหล่านี้อีกและไม่สร้างบาปอกุศลกรรมใหม่ขืันอีกด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมต่อผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน ถึงแม้ผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าหากไม่อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้
ชดใช้เยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำจากการกระทำของข้าพเจ้าโดยฉับพลัน
ยินยอมรับโทษตามกฏหมายและยอมรับผลวิบากกรรมที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาทุกประการ
บำเพ็ญปารมี๑๐ทัศ ตลอดชีวิต
รักษาศิลห้าโดยเคร่งครัด
ดัวยตลอดชีวิต
นมัสการอย่างน้อยวันละ๒เวลาพร้อมสวดอิติปิโสจำนวน จบทุกเวลาตลอดต่อเนื่องกันจนคบเป็นเวลา วัน
ข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากการกระทำบาปอกุศลกรรมเหล่านี้ด้วยตลอดชีวิตของข้าพเจ้านี้ด้วยเทอญสาธุ
วิชชาจะระณะสัมปันโน
สุคะโต
โลกะวิทู
อะนุตโร
ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถาเทวะมะนุสสานัง
พุทโธ
ภะคะวาติ
สวากขาโต
ภะคะวะตา
ธัมโม
สันทิฎฐิโก
อะกาลิโก
เอหิปัสสิโก
โอปะนะยิโก
ปัจจัตตัง
เวทิตับโพ
วิญญหิติ
สุปะฏิปันโน
ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ
อุชุปะปันโน
ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน
ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน
ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง
จัตตาริ
ปุริสะยุคานิ
อัฏฐะ
ปุริสะปุคคะลา
เอสะ
ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย
ปาหุเนยโย
อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง
ปุญญักเขตตัง
โลกัสสาติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น