บทความเรื่องห้ามพ่อแม่ล้อเลียนพฤติกรรมของลูกๆในวัยรุ่น
**บทความ: ห้ามพ่อแม่ล้อเลียนพฤติกรรมของลูกๆ ในวัยรุ่น**
การเติบโตในวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ เด็กวัยรุ่นมักมีพฤติกรรมที่แปลกใหม่และแตกต่างจากวัยเด็ก พ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกขำขันกับพฤติกรรมเหล่านั้นและมีแนวโน้มที่จะล้อเลียนลูกๆ โดยไม่รู้ว่าการกระทำนี้อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกได้อย่างไร
### ทำไมพ่อแม่ถึงไม่ควรล้อเลียนลูกในวัยรุ่น
1. **ความไม่มั่นใจในตัวเอง**
ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่เด็กๆ มักค้นหาตัวตนของตนเอง การถูกล้อเลียนเกี่ยวกับพฤติกรรมหรือลักษณะเฉพาะอาจทำให้เด็กเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองและเสียความเชื่อมั่น ส่งผลให้พวกเขาไม่กล้าแสดงออกหรือทดลองสิ่งใหม่ๆ
2. **ทำลายความสัมพันธ์**
การล้อเลียนอาจสร้างความรู้สึกไม่พอใจและทำให้ลูกไม่รู้สึกว่าเป็นที่รักและเคารพในครอบครัว ลูกอาจรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจหรือไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพวกเขา ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก
3. **ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงลบ**
หากลูกถูกล้อเลียนบ่อยๆ พวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะพัฒนาพฤติกรรมที่เชิงลบ เช่น การแสดงออกที่ก้าวร้าวหรือการไม่แสดงความรู้สึก เพราะพวกเขารู้สึกว่าความรู้สึกของตนไม่เป็นที่ยอมรับ
4. **ลดความสามารถในการสื่อสาร**
เมื่อเด็กไม่รู้สึกปลอดภัยในการแสดงออก พวกเขาอาจเลือกที่จะปิดปากและไม่แชร์ความรู้สึกหรือปัญหากับพ่อแม่ ซึ่งอาจทำให้พ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่
### วิธีการสนับสนุนที่เหมาะสม
1. **ใช้การสื่อสารเชิงบวก**
พ่อแม่ควรหาวิธีในการพูดคุยกับลูกในเชิงบวก โดยการสนับสนุนและให้กำลังใจเมื่อเห็นลูกแสดงออก พยายามเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา
2. **เปิดใจรับฟัง**
พ่อแม่ควรเปิดใจรับฟังเมื่อเด็กพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์และความรู้สึกของพวกเขา แม้ว่าเรื่องราวจะดูไม่สำคัญ แต่การให้เวลาฟังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความเคารพ
3. **ทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลง**
พ่อแม่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการในวัยรุ่น เพื่อเข้าใจว่าพฤติกรรมที่แปลกใหม่เป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต
4. **เป็นแบบอย่างที่ดี**
พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงออกถึงความเคารพและไม่ล้อเลียนผู้อื่น ทั้งในชีวิตประจำวันและในการพูดคุยกับลูก
### สรุป
การล้อเลียนลูกในวัยรุ่นอาจดูเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่จริงๆ แล้วมันอาจมีผลกระทบลึกซึ้งต่อความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก การสนับสนุนและการสื่อสารเชิงบวกจะช่วยให้ลูกเติบโตเป็นผู้ที่มีความมั่นใจและสามารถเผชิญกับความท้าทายในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
**นิทานเรื่อง: อ้ายจำเรียนกับการล้อเลียน**
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเด็กชายชื่อ "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นเด็กที่กำลังอยู่ในวัยรุ่น และกำลังค้นหาตัวตนของตัวเองอยู่ วันหนึ่ง เขาเริ่มสนใจในแฟชั่นและพยายามแต่งตัวให้ดูทันสมัย โดยเลือกเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสและแปลกใหม่
อ้ายจำเรียนรู้สึกดีใจมากเมื่อได้เห็นตัวเองในกระจก เขาออกไปโรงเรียนด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อเขาไปถึงโรงเรียน เพื่อนๆ ต่างมองเขาอย่างแปลกๆ และมีบางคนเริ่มพูดจาเยาะเย้ย "อ้ายจำเรียน แต่งตัวแบบนี้มันแปลกเกินไปนะ!"
เมื่อกลับถึงบ้าน อ้ายจำเรียนรู้สึกเศร้าและเสียใจมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเพื่อนถึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาชอบ ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ของเขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของลูก พวกเขาเริ่มรู้สึกกังวล และเมื่อลูกกลับบ้าน ก็เกิดความขำขัน
“ลูกทำไมแต่งตัวแปลกๆ แบบนี้ล่ะ?” พ่อแม่พูดออกมาพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย อ้ายจำเรียนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งเพื่อนและพ่อแม่ถึงล้อเลียนเขา
วันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนรู้สึกท้อแท้อยู่ในสวนหลังบ้าน ตาปาน ชายชราที่เป็นที่เคารพในหมู่บ้านเดินผ่านมาเห็น เขาเข้ามานั่งข้างๆ และถามว่า “เจ้าทำอะไรอยู่หรือ?”
อ้ายจำเรียนจึงเล่าให้ตาปานฟังเกี่ยวกับความรู้สึกของเขา และการถูกล้อเลียนจากเพื่อนๆ รวมถึงพ่อแม่ของเขา ตาปานฟังแล้วพยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้ารู้ไหม? การค้นหาตัวตนเป็นสิ่งสำคัญในวัยรุ่น แต่การถูกล้อเลียนอาจทำให้เจ้ารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง”
ตาปานได้แนะนำอ้ายจำเรียนว่า “ลองพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับความรู้สึกของเจ้าดู บอกพวกเขาว่าสิ่งที่เจ้าทำคือการแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าที่กำลังค้นหา”
อ้ายจำเรียนตัดสินใจทำตามคำแนะนำ เมื่อเขากลับบ้าน เขาเริ่มต้นพูดคุยกับพ่อแม่อย่างจริงจัง เขาบอกพวกเขาว่า “ผมแต่งตัวแบบนี้เพื่อแสดงออกถึงตัวตนของผม และผมก็รู้สึกดีเมื่อได้ทำอย่างนี้”
พ่อแม่ของเขาฟังแล้วเริ่มเข้าใจ และพวกเขาตระหนักว่าความรักที่แท้จริงไม่ควรมีการล้อเลียนหรือไม่ให้เกียรติในสิ่งที่ลูกทำ พ่อแม่จึงขอโทษลูกและบอกว่า “เราจะไม่ล้อเลียนเจ้าอีก และจะสนับสนุนให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าชอบ”
อ้ายจำเรียนรู้สึกดีใจมากที่พ่อแม่เข้าใจเขา และจากวันนั้นเขาจึงมีความมั่นใจมากขึ้นในการแสดงออกถึงตัวตนของตัวเอง
**คติธรรมสอนใจ:** การแสดงออกถึงตัวตนเป็นสิ่งสำคัญในวัยรุ่น พ่อแม่ควรสนับสนุนและไม่ล้อเลียนพฤติกรรมของลูก เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองและรู้สึกว่าตนเองเป็นที่รัก.
ขอสรุปว่า ไม่ว่าจะสนิทกับลูกขนาดไหนก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่อ่อนไหวง่าย แม้ภายนอกจะแสดงว่าตัวเองโตแล้ว ทำอะไรได้เอง แต่ลึกๆ ภายในจิตใจอาจเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
เพราะฉะนั้น หากพ่อแม่เผลอล้อพฤติกรรมของลูก เช่น ล้อเลียนท่าเคร่งขรึมของลูกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เขาชอบ หรือร้องเพลงของศิลปินที่ลูกชอบเพื่อล้อเลียน แม้พ่อแม่อาจมองเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อาจเป็นเรื่องใหญ่ในวัยของเขา จึงควรระวังที่จะไม่มองว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่อง “ล้อเล่น” หรือต่อว่าลูกว่า “เล่นนิดหน่อยก็ไม่ได้” เพราะอาจทำให้วัยรุ่นยิ่งโกรธมากกว่าเดิม
สุดท้ายแล้ว สิ่งต่างๆ ที่พ่อแม่ “ไม่ควรเผลอทำ” ล้วนตั้งอยู่บนหลักเกณฑ์ของการ “ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน”
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ แนะนำไว้ในเพจของท่านว่า...
พ่อแม่ควรหยุดบ่นและสั่งสอน อะไรที่พูดซ้ำเกิน 2 ครั้ง คือ “บ่น” การสั่งสอนคือ “ไม่ไว้ใจ” และ “ไม่ให้เกียรติ” สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ ยอมรับว่าเราแพ้ เมื่อยอมรับแล้ว พ่อแม่ควรหยุดพูดและหยุดทำ เป็นผู้ฟังที่ดี เพื่อรักษาสายสัมพันธ์ในระยะยาว
มองลูกวัยรุ่น ในฐานะที่เขาเป็นบุคคลคนหนึ่งที่เท่าเทียมกับเรา ไม่มองว่าเขาด้อยกว่า หรือมีอำนาจน้อยกว่า ไม่มองว่าพ่อแม่ต้องเป็นผู้ควบคุม แต่เป็นโค้ชที่ให้คำแนะนำเมื่อลูกต้องการ หากทำได้เช่นนี้ ก็อาจช่วยป้องกันพฤติกรรมเผลอๆ ของพ่อแม่ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างลูกวัยรุ่นได้
อยากสนับสนุนบทความและนิทานของอ้ายจำเรียนด้วยการให้ติ้ปเพื่อเป็นกำลังใจในการทำคอนเทนต์ต่อไปได้ที่👇นี่
พร้อมเพย์/ทรูมันนี่วอเลทเบอร์
0892718015
จำเรียน จันทร์รักษา
แอดไลน์ไอดี tel0892718015
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น