บทความ/นิทานพเรื่องพ่อแม่อย่าไปสั่งสอนลูกต่อหน้ากลางที่ชุมชนหรือเพื่อนๆ

**บทความ: พ่อแม่อย่าสั่งสอนลูกต่อหน้าชุมชนหรือต่อหน้าเพื่อนๆ**

การเลี้ยงดูและสั่งสอนลูกเป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ แต่สิ่งที่ควรพิจารณาอย่างมากคือการเลือกสถานที่และวิธีการในการสั่งสอนลูก เพราะหากพ่อแม่ตำหนิลูกต่อหน้าชุมชนหรือต่อหน้าเพื่อนๆ ของพวกเขา อาจส่งผลกระทบทางจิตใจและความมั่นใจในตัวเองของลูกได้

### ผลกระทบจากการสั่งสอนลูกต่อหน้าคนอื่น

1. **ลดความมั่นใจของลูก**
   เมื่อพ่อแม่สั่งสอนหรือตำหนิลูกต่อหน้าผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเพื่อนๆ ลูกอาจรู้สึกอายและสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง พวกเขาอาจรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ให้เกียรติและไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา ซึ่งส่งผลให้ลูกรู้สึกกังวลและไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดเพราะกลัวการถูกตำหนิในที่สาธารณะ

2. **ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก**
   การตำหนิลูกในที่สาธารณะอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่พอใจและไม่ไว้ใจพ่อแม่ ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกอาจเสื่อมถอยลง ลูกรู้สึกว่าไม่สามารถพึ่งพาหรือพูดคุยกับพ่อแม่ได้อย่างเปิดใจ เพราะเกรงว่าความผิดพลาดของตนจะถูกนำมาตำหนิอีกต่อหน้าคนอื่น

3. **สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาผู้อื่น**
   การตำหนิลูกต่อหน้าคนอื่นไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อลูกเท่านั้น แต่ยังทำให้คนรอบข้างมองเห็นความขัดแย้งในครอบครัว การแสดงความโกรธหรือความไม่พอใจต่อหน้าผู้อื่น อาจสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับพ่อแม่เอง ซึ่งอาจถูกมองว่าขาดความใจเย็นและไม่เข้าใจลูก

### แนวทางในการสั่งสอนลูกอย่างเหมาะสม

1. **พูดคุยในที่ส่วนตัว**
   หากลูกทำผิดหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ควรเลือกที่จะพูดคุยกับลูกในที่ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือในที่ที่ไม่มีคนอื่นอยู่ เพื่อให้ลูกสามารถรับฟังคำแนะนำและคำตำหนิได้โดยไม่รู้สึกอับอาย

2. **ใช้การสื่อสารอย่างสงบและสร้างสรรค์**
   การพูดคุยกับลูกควรใช้คำพูดที่สงบและเป็นเชิงสร้างสรรค์ พยายามอธิบายเหตุผลที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของลูก แทนที่จะตำหนิหรือใช้คำพูดที่รุนแรง

3. **สร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างในการพูดคุย**
   ให้ลูกมีโอกาสแสดงความคิดเห็นหรืออธิบายเหตุผลของพฤติกรรมของตน เพื่อให้การพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดอย่างแท้จริง

4. **แสดงความรักและความเข้าใจ**
   แม้ในขณะที่ลูกทำผิด พ่อแม่ควรแสดงความรักและความเข้าใจ เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ยังคงอยู่เคียงข้างและพร้อมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

### สรุป

การสั่งสอนลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การเลือกสถานที่และวิธีการในการสอนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการตำหนิลูกต่อหน้าคนอื่น หรือในที่สาธารณะ เพื่อไม่ให้ลูกเสียความมั่นใจและรู้สึกอับอาย การพูดคุยในที่ส่วนตัวและด้วยความเข้าใจ จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเปิดโอกาสให้ลูกได้พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่

**นิทานเรื่อง: อ้ายจำเรียนกับการสั่งสอนต่อหน้าคนอื่น**

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่แสนสงบสุข มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อว่า “อ้ายจำเรียน” เขาเป็นเด็กฉลาด ขยัน และมีน้ำใจ อ้ายจำเรียนมีเพื่อนมากมายในโรงเรียน เขามักจะเล่นและช่วยเหลือเพื่อนๆ อย่างเต็มที่ แต่ก็มีบางครั้งที่เขาทำผิดพลาดเหมือนกับเด็กทั่วไป

วันหนึ่งที่โรงเรียน อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานในสนามเด็กเล่น เขาเผลอทำให้ลูกบอลกระเด็นไปโดนกระถางดอกไม้ของโรงเรียนแตก อ้ายจำเรียนตกใจมากและรีบวิ่งไปดู ในขณะเดียวกัน คุณครูเดินผ่านมาและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่บอกให้จำเรียนระวังในครั้งต่อไป

เมื่อเขากลับถึงบ้าน แม่ของอ้ายจำเรียนได้ยินเรื่องจากเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ในโรงเรียน แม่จึงเรียกอ้ายจำเรียนไปพูดคุยในขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารค่ำ "อ้ายจำเรียน แม่ได้ยินมาว่าวันนี้ลูกทำกระถางดอกไม้แตกใช่ไหม? ทำไมลูกไม่ระวังเลย?"

อ้ายจำเรียนรู้สึกอับอายมาก เพราะมีพี่น้องและพ่ออยู่ที่โต๊ะอาหารด้วย เขารู้สึกเหมือนถูกตำหนิต่อหน้าคนอื่น แม้ว่าแม่จะไม่ตั้งใจทำให้ลูกอับอาย แต่การพูดต่อหน้าคนอื่นทำให้จำเรียนรู้สึกแย่

วันรุ่งขึ้น อ้ายจำเรียนรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่อยากให้ใครมาล้อเลียนหรือพูดถึงความผิดพลาดของเขาอีก ขณะที่เขากำลังนั่งคิดในสวนหลังบ้าน ตาปาน ชายชราผู้มีความเมตตาและเข้าใจในจิตใจของเด็กๆ เดินผ่านมาเห็นอ้ายจำเรียนที่ดูเศร้า จึงเข้ามานั่งข้างๆ และถามว่า "เจ้ามีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า อ้ายจำเรียน?"

อ้ายจำเรียนจึงเล่าให้ตาปานฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์ในโรงเรียน และความรู้สึกอับอายที่แม่พูดถึงเรื่องกระถางแตกต่อหน้าครอบครัว ตาปานฟังอย่างตั้งใจและยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพูดว่า "เจ้ารู้ไหม อ้ายจำเรียน การที่พ่อแม่สั่งสอนเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งพวกเขาอาจไม่รู้ว่าการพูดต่อหน้าคนอื่นอาจทำให้เรารู้สึกไม่ดี"

"แต่เจ้าควรลองพูดกับแม่ของเจ้า บอกความรู้สึกของเจ้าออกไป การสื่อสารเป็นทางออกที่ดีที่สุดเสมอ" ตาปานแนะนำด้วยความอ่อนโยน

อ้ายจำเรียนจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของตาปาน เขาเดินไปหาแม่และพูดว่า "แม่ครับ ผมเข้าใจว่าแม่อยากให้ผมเรียนรู้จากความผิดพลาด แต่เวลาที่แม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น ผมรู้สึกอับอายและไม่สบายใจ ผมอยากให้แม่พูดกับผมเป็นการส่วนตัวมากกว่า"

แม่ของอ้ายจำเรียนฟังคำพูดของลูกแล้วก็เข้าใจทันที เธอกอดอ้ายจำเรียนและบอกว่า "แม่ขอโทษนะลูก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลูกอาย คราวหน้าแม่จะระวังและจะพูดกับลูกแบบส่วนตัวนะ"

หลังจากนั้น แม่ของอ้ายจำเรียนก็เปลี่ยนวิธีการสั่งสอน เธอเลือกที่จะพูดคุยกับลูกเป็นการส่วนตัวและให้เกียรติเขาเสมอ อ้ายจำเรียนรู้สึกดีใจและมั่นใจมากขึ้น เพราะเขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาพร้อมที่จะรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของเขา

**คติธรรมสอนใจ:** การสั่งสอนเป็นสิ่งที่ดี แต่พ่อแม่ควรระมัดระวังในการสอนลูกในที่สาธารณะ เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกอับอายและเสียความมั่นใจ การสื่อสารและพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวจะช่วยสร้างความเข้าใจและความรักที่ดียิ่งขึ้นในครอบครัว.

บทกลอน: พ่อแม่อย่าไปสั่งสอนลูกต่อหน้าคน

เมื่อใดลูกผิดพลาดพ่อแม่เห็น
โปรดอย่าเร้นคำสอนต่อหน้าผอง
กลางหมู่เพื่อนพี่น้องไม่ต้องตรอง
เพียงเฝ้าปลอบประคองอย่างอ่อนโยน

เมื่อใดกล่าวตำหนิลูกเสียใจ
ใจอาจหายพ่ายแพ้แม้สับสน
คำพูดตรงทำลายใจลูกรน
เกรงเสียคนหากสอนเกินกลางชุมชน

ควรเลือกบอกพูดคุยอยู่เงียบเงียบ
ลูกได้เก็บใคร่ครวญไม่มืดมน
สอนด้วยรักด้วยเมตตาแสนล้น
ลูกจะทนเติบใหญ่ไม่อับอาย

เกียรติของลูกอย่าทำให้เลือนหาย
โปรดรักษาน้ำใจไม่สลาย
การสั่งสอนทำด้วยรักใจสบาย
สร้างสายใยเข้าใจกันนิรันดร

อยากสนับสนุนบทความและนิทานของอ้ายจำเรียนด้วยการให้ติ้ปเพื่อเป็นกำลังใจในการทำคอนเทนต์ต่อไปได้ที่👇นี่
พร้อมเพย์/ทรูมันนี่วอเลทเบอร์
0892718015
จำเรียน จันทร์รักษา
แอดไลน์ไอดี tel0892718015







ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม