เรื่องราวชีวิตของอ้ายจำเรียน
เล่าเรื่องราวชีวิตจริงของอ้ายจำเรียนตอนวัยเด็กอายุ7ขวบโดนไฟไหม้บ้านและถูกไฟลวกหน้าและแขน ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทยได้ความช่วยเหลือจากพระบรมโอสาธิราชเจ้าทรงพระยศในสมัยนั้น
อ้ายจำเรียนถูกนำเข้าห้องพิเศษของโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว แผลไฟลวกที่ใบหน้าและแขนทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดทั้งกายและใจ การนอนรักษาตัวในห้องโรงพยาบาลอยู่1ปีกับอีก6เดือน อ้ายจำเรียนนอนสลบอยู่3_4เดือน จนพ่อแม่และญาติเพื่อนๆของพ่อแม่ของอ้ายจำเรียน รอหมดลมหายใจ ถึงขั้นเตรียมหาวัดไว้ ต่อมาอ้ายจำเรียนก็ฟื้นขึ้นมา ทุกคนดีใจมากๆ ที่อ้ายจำเรียนฟื้นขึ้นมา ในปีนั้นมีพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จมาโรงพยาบล สมเด็จพระยุพราชนครไทย พระองค์ได้ยินข่าวว่าอ้ายจำเรียนถูกไฟไหม้มีฐานะยากจน นอนรักษาตัวอยู่ พระองค์ท่านก็เลยเสด็จมาเยี่ยมไข้อ้ายจำเรียนที่เตียง และทรงตรัสว่าค่าใช้จ่ายทุกอย่างรวมค่ารักษาด้วย พระองค์จะออกให้หมด เป็นพระมหากรุณาธิคุณมาก แต่ก็มีความหวังส่องประกายอยู่ เมื่อพระบรมโอรสาธิราชเจ้าทรงมีพระเมตตาต่ออ้ายจำเรียน
พระองค์ในขณะนั้นทรงดำรงพระยศเป็นพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ ์คือในหลวงราชการที่๑๐ปัจจุบันนี้ครับได้ทรงส่งความช่วยเหลือมาให้อ้ายจำเรียน ทั้งค่ารักษาพยาบาลและสร้างบ้านใหม่ให้ เป็นกำลังใจ พระเมตตานั้นเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของครอบครัวอ้ายจำเรียนอย่างมาก ทำให้พ่อแม่ของเขารู้สึกซาบซึ้งในพระแมตตาในพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ท่านครับ
ช่วงเวลาที่อ้ายจำเรียนนอนอยู่ในโรงพยาบาลอยู่1ปกับอีก6เดือนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานทั้วกายและใจเป็นอันมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพระบรมโอรสาธิราชเจ้าที่ประทานมา
และการดูแลจากแพทย์ เขาก็สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง แม้ว่าแผลเป็นบนใบหน้าแก้มซ้ายและแขนซ้ายจะเป็นร่องรอยแผลเป็นที่ติดตัวอ้ายจำเรียนไปตลอดชีวิต แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้อ้ายจำเรียนเติบโตขึ้นในจิตใจ ความเมตตาที่เขาได้รับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขามุ่งมั่นที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เข้ามา และขอทำความดีเท่าที่จะทำได้ เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวตัวเองและผู้อื่นและสังคมต่อไปครับคุนครับที่รับชมนี้จนจบ
เรื่องราวชีวิตจริงของอ้ายจำเรียนตอนวัยเด็กฐานะยากจนใส่รองเท้าผ้าใบขาดๆไปโรงเรียนออกโรวเรียนจปแค่ป2ต้องช่วยพ่อหามาเลี้ยงครอบครัว
กาลละครั้งหนึ่งในชีวิตอ้ายจำเรียน เมื่ออ้ายจำเรียนเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน บ้านของอ้ายจำเรียนตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท ซึ่งชีวิตของครอบครัวเขาไม่ต่างจากหลายเขาครอบครัวในละแวกนั้น พ่อแม่ของอ้ายจำเรียนทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง แต่รายได้ก็ไม่เคยพอเพียง ครอบครัวเขามีลูกหลายคน ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน แม้แต่เขาเองที่ยังเป็นเด็กก็ต้องแบ่งเบาภาระของครอบครัวตั้งแต่เล็ก
อ้ายจำเรียน
อ้ายจำเรียนชอบไปโรงเรียน แม้ว่าจะไม่มีรองเท้าดีๆ ใส่เหมือนเพื่อนๆ รองเท้าผ้าใบขาดๆ ที่อ้ายจำเรียนใส่เป็นสิ่งที่ทำให้อ้ายจำเรียนอาย แต่ก็ไม่เคยหยุดจากการเดินทางไปเรียนทุกวัน อ้ายจำเรียนมีความฝันอยากเรียนต่อให้สูง แต่ความยากจนก็ทำให้สิ่งเหล่านั้นต้องจบลงเร็วเกินไป
เมื่ออ้ายจำเรียนเรียนจบเพียงแค่ ป.2 อ้ายจำเรียนต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยพ่อหาตัง ไปรับจ้างล้างจานตอนนั้น ได้รับค่าจ้าง6วันร้อย ปีต่อมา5วันร้อย ปีต่อมา4วันร้อย ปีต่อมา3วันร้อย ปีต่อมาวันละ40 ปีต่อมาวันละ70 ปีต่อมาวันละ90 จนถึงวันละ115บาท อ้ายจำเรียนทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ครอบครัวมีอาหารกิน เรียนรู้ชีวิตผ่านการทำงานหนัก และแม้ว่าเส้นทางชีวิตของอ้ายจำเรียนจะยากลำบาก อ้ายจำเรียนก็ไม่เคยยอมแพ้
ความมุ่งมั่นที่จะสร้างชีวิตที่ดีกว่ายังคงอยู่ในใจของอ้ายจำเรียนเสมอ ถึงแม้ว่าอ้ายจำเรียนจะไม่ได้มีโอกาสเรียนต่อ แต่ประสบการณ์ชีวิตที่อ้ายจำเรียนได้รับจากการทำงานตั้งแต่เด็กได้หล่อหลอมให้อ้ายจำเรียนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและอดทน ตอนเด็กๆอ้ายจำเรียนฝันอยากเป็นหมออยากเรียนสูงๆ อยากเรียนแพทย์ อยากเป็นนายแพทย์จำเรียน จันทร์รักษา อยากเป็นหมอเพื่ออยากรักษาผู้ป่วยให้หายป่วยไข้ แต่มันเป็นแค่เพียงความฝันลมๆแล้งๆไปไม่ถึงฝัน แต่อ้ายจำเรียนมีกำลังใจที่น้องคอยให้กำลังใจอ้ายจำเรียนอยู่เสมอ ขอขอบคุณน้องๆทุกคนที่ส่งกำลังใจมามากมายด้วยการกดใจ แชร์และคอมเม้นท์ ตลอดส่งขวัญให้ และโoนติ้fให้ ในเวลาอ้ายจำเรียนไลฟ์สดครับ
อ้ายจำเรียนขอเปรียบเทียบนะครับ เวลาน้องๆส่งของขวัญให้ก็ดีหรือโoนติ้fให้ก็ดี ถือว่าน้องๆเป็นผู้เลี้ยงดูครอบครัวของอ้ายจำเรียนและอ้ายจำเรียน ผู้เลี้ยงดูแปลว่าพ่อแม่ พ่อแม่แปลว่าผู้เลี้ยงดู อ้ายจำเรียนถือว่าน้องๆทุกคนเป็นพ่อแม่ของอ้ายจำเรียนคนที่สองของอ้ายจำเรียนนะครับ
อ้ายจำเรียน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น