โทษการเที่ยวดูการละเล่น

การเที่ยวดูการละเล่น การเที่ยวดูการละเล่น แห่งอบายมุข 6 หมายถึง การเที่ยวออกดูการแสดง การบันเทิงต่างๆ ทั้งในเวลากลางวัน และยามวิกาล อบายมุขในข้อนี้ มิได้ห้ามมิให้เที่ยวดูเลย แต่พึงให้เที่ยวดูตามกิจที่เหมาะสม เพื่อยังให้เกิดประโยชน์แก่ตนบนพื้นฐานแห่งศีลธรรมเป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันตนมิให้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับอบายมุขในข้ออื่นๆ
โทษการเที่ยวดูการละเล่น
1. หลงใหลในการละเล่น เพราะการละเล่นเป็นสิ่งยั่วยวนใจให้ลุ่มหลงได้ง่าย
2. เสียทรัพย์ เสียค่าใช้จ่าย เพราะการชมการละเล่นมักต้องเสียทรัพย์แลกมาก่อน หรือต้องเสียทรัพย์เพื่อการอื่น เพราะตนเดินทาง เพราะตนเข้าชม เพราะตนเกิดความหิว เป็นต้น
3. มักเจอคนพาล มักมีผู้อื่นมาหลอกลวง เพราะผู้ที่เข้าชมการละเล่นบางคนที่หวังในทรัพย์ หรือประโยชน์อื่นจากผู้คนชมมักแฝงตัวเข้ามาชมด้วย
4. ผู้คนนินทา เพราะคนที่ชอบไปโน่นไปนี่เพื่อชมการละเล่น โดยไม่ทำกิจอันสำคัญของตนมักทำให้กิจของตนเสื่อม หรือมีความเสียหายจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และกล่าวติเตียน กล่าวนินทาในภายหลัง มีทานดังต่อไปนี้👇🏽

**นิทานเรื่อง: อ้ายจำเรียนกับการละเล่น**

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งชื่อว่า "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นคนที่ชอบการเที่ยวชมการละเล่นและการแสดงต่าง ๆ ตั้งแต่การแสดงโขน การละเล่นพื้นบ้าน ไปจนถึงการแสดงดนตรี เขามักจะใช้เวลาไปตามงานวัดหรืองานเทศกาลทุกครั้งที่มีโอกาส

วันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังนั่งชมการแสดงที่งานวัด เขาได้เห็นผู้คนมากมายที่มาเยี่ยมชมงานนี้และสนุกสนานไปกับการเล่นการพนันในบางมุมของงาน อ้ายจำเรียนเริ่มรู้สึกสนใจและอยากลองเล่นบ้าง เขาได้เห็นผู้คนที่เล่นการพนันชนะและได้กำไร ทำให้เขาหลงไหลไปกับความหวังที่จะชนะเงินจำนวนมาก

อ้ายจำเรียนเริ่มใช้เงินที่เขาหามาได้จากการทำงานไปกับการเล่นการพนันอย่างต่อเนื่อง โดยมองข้ามการทำงานและการดูแลครอบครัว ในเวลาต่อมา เขากลับบ้านมาพร้อมกับความผิดหวัง เพราะเขาเริ่มแพ้และสูญเสียเงินไปมากมาย

ความหลงใหลในการพนันทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ในขณะที่ครอบครัวต้องประสบกับความลำบาก อ้ายจำเรียนต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่า การเที่ยวเพื่อดูการละเล่นที่เขาชื่นชอบนั้นกลับนำมาซึ่งความทุกข์และการสูญเสียในชีวิต

วันหนึ่ง ขณะที่เขานั่งอยู่ที่บ้านในสภาพที่เต็มไปด้วยความเศร้า เขาได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ที่เล่นอยู่ในสนามใกล้บ้าน พวกเขากำลังเล่นสนุกสนานและมีความสุข อ้ายจำเรียนเริ่มรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงที่เด็ก ๆ มี เขาจึงคิดทบทวนถึงความสำคัญของการใช้เวลาในสิ่งที่มีคุณค่าและไม่ควรปล่อยให้การเล่นการพนันทำลายชีวิตของเขาอีกต่อไป

หลังจากนั้น อ้ายจำเรียนตัดสินใจเลิกเล่นการพนันและหันมาทำงานอย่างจริงจัง เขาเริ่มใช้เวลาว่างไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และใช้เวลาอยู่กับครอบครัว สร้างความสุขให้กับชีวิตที่แท้จริง

**คติสอนใจ**: การเที่ยวชมการละเล่นและการแสดงสามารถนำความสุขมาให้ แต่การหลงไปในอบายมุข เช่น การพนัน อาจนำไปสู่ความทุกข์และการสูญเสีย ควรเลือกใช้เวลาอย่างมีคุณค่าและสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตและคนที่เรารัก

**นิทานเรื่อง: อ้ายจำเรียนหมอลำ**

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชายชื่อว่า "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นคนที่หลงใหลในเสียงเพลงหมอลำและการแสดงพื้นบ้านมาก เขามักจะไปชมการแสดงหมอลำทุกครั้งที่มีงานเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นงานวัดหรืองานประจำปีของหมู่บ้าน ในใจของเขามีความฝันอยากจะเป็นนักร้องหมอลำที่มีชื่อเสียง

วันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังนั่งชมการแสดงหมอลำ เขาได้ยินเสียงนักร้องที่มีความสามารถโดดเด่น และเขาก็ตัดสินใจไปสมัครเป็นนักร้องหมอลำในวงดนตรีนั้น แต่การที่จะได้เข้าร่วมวงดนตรีนั้น อ้ายจำเรียนต้องใช้เงินในการลงทุนและซื้อเครื่องดนตรี

ด้วยความหวังที่จะได้เป็นนักร้องหมอลำ เขาเริ่มใช้จ่ายเงินเก็บทั้งหมดของเขาไปกับการลงทุนในอาชีพนี้ แต่เมื่อเขาเข้าร่วมวงดนตรีแล้ว อ้ายจำเรียนต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่แตกต่างจากที่เขาคิด เมื่อเขาเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น เขาก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวัง ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเที่ยวเตร่และการสังสรรค์

เขามักจะไปนั่งดื่มเหล้าและเล่นการพนันกับเพื่อน ๆ ในขณะที่งานแสดงหมอลำกลับถูกละเลย การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขชั่วคราว ทำให้อ้ายจำเรียนลืมถึงหน้าที่ของตนเอง ชีวิตเริ่มตกต่ำลงเรื่อย ๆ เขาเริ่มมีปัญหาการเงิน และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวงดนตรีก็ตึงเครียดขึ้น

วันหนึ่ง ในระหว่างที่อ้ายจำเรียนกำลังเล่นการพนันอยู่ เขาได้สูญเสียเงินที่เขาหามาได้ทั้งหมด และเมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันถัดไป เขาได้รู้ว่าตนเองไม่มีเงินเหลือเลย เขาต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า ความฝันในการเป็นนักร้องหมอลำของเขาเริ่มที่จะพังทลาย

ในขณะที่นั่งอยู่คนเดียว อ้ายจำเรียนเริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทำมา เขานึกถึงผู้คนที่เคยชื่นชมในเสียงเพลงของเขา และการสนับสนุนจากครอบครัวที่เขาละเลยไป อ้ายจำเรียนจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง

เขาเริ่มตั้งใจฝึกซ้อมร้องเพลงและเล่นดนตรีอย่างจริงจังอีกครั้ง ไม่เพียงแต่เขาจะกลับมามีชื่อเสียงในวงการหมอลำ แต่เขายังได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการทำงานหนักและไม่หลงไปกับอบายมุขอีกต่อไป

**คติสอนใจ**: การตามหาความฝันและการใช้ชีวิตให้มีความสุขนั้นเป็นสิ่งดี แต่การหลงใหลในอบายมุข เช่น การดื่มเหล้าและการพนัน อาจทำลายความฝันและชีวิตของเราได้ ควรเลือกทางเดินที่ถูกต้องและใช้ชีวิตอย่างมีสติและความรับผิดชอบ

**นิทานเรื่อง: อ้ายจำเรียนที่รักการเต้นรำ**

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งชื่อว่า "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นคนที่ชอบฟังเพลงและเต้นรำมาก เมื่อใดก็ตามที่มีการจัดงานรำวงหรือการแสดงดนตรีในหมู่บ้าน อ้ายจำเรียนจะไม่พลาดที่จะไปเข้าร่วม ทุกคืนที่มีเสียงเพลงและแสงไฟสว่างสดใส เขาจะไปอยู่ในงานนั้นเสมอ

เริ่มแรก อ้ายจำเรียนก็แค่ไปเต้นรำและสนุกสนานกับเพื่อน ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มใช้เวลามากเกินไปในการเที่ยวเตร่และหลงใหลในบรรยากาศของการเต้นรำ จนบางครั้งก็ลืมการทำงานและหน้าที่ในครอบครัว เมื่อมีงานเทศกาลที่ไหน เขาก็มักจะไปเป็นประจำ จนทำให้เขามีเวลาน้อยลงในการดูแลบ้านและครอบครัว

วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเต้นรำอยู่ที่งานจัดขึ้นในหมู่บ้าน เขาได้เห็นกลุ่มคนที่มาแสดงความสามารถในการเต้นรำอย่างเต็มที่ อ้ายจำเรียนรู้สึกสนุกสนานมาก จนลืมคิดถึงการกลับบ้าน เมื่อดึกดื่นมาถึง เขากลับบ้านในสภาพที่อ่อนเพลียและเมา แต่ก็ยังยืนยันว่าการเต้นรำเป็นสิ่งที่เขาชอบที่สุด

หลังจากนั้น อ้ายจำเรียนเริ่มไปที่งานเต้นรำทุกคืน และใช้เวลาไปกับการดื่มสุราและเต้นรำ โดยไม่สนใจปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา วันเวลาผ่านไป เขาพบว่าเขาเริ่มมีปัญหาการเงิน เพราะใช้จ่ายไปกับการดื่มและการเที่ยวกลางคืน ทำให้เขาต้องกู้เงินจากเพื่อน ๆ

ในขณะที่ชีวิตของเขาเริ่มตกต่ำ เขาเริ่มรู้สึกว่าการเต้นรำที่เขารักกลับกลายเป็นหนทางแห่งอบายมุข ที่ทำให้เขาเสียเวลาและทำร้ายชีวิต เขาเริ่มเห็นภาพของตัวเองในกระจก เขาไม่ใช่คนที่เคยสุขภาพดีและมีชีวิตชีวาอีกต่อไป

วันหนึ่ง ขณะที่เขานั่งอยู่คนเดียวในบ้าน อ้ายจำเรียนได้ยินเสียงเพลงจากงานเทศกาลในหมู่บ้าน เขารู้สึกว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะหยุดไปงานเต้นรำและเริ่มตั้งใจทำงานและใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น

หลังจากที่เขาได้ทบทวนชีวิต อ้ายจำเรียนกลับมาทำงานอย่างเต็มที่และเริ่มสร้างฐานะทางการเงินให้แข็งแรง เขายังใช้เวลาว่างไปทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ เช่น การช่วยงานชุมชนและการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

เมื่อเวลาผ่านไป อ้ายจำเรียนสามารถกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว เขาได้เรียนรู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นมาจากการใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบและไม่หลงไปกับอบายมุข

**คติสอนใจ**: การเต้นรำและความสนุกสนานเป็นสิ่งที่ดี แต่การหลงใหลมากเกินไปและละเลยหน้าที่ในชีวิตอาจทำให้เราต้องเผชิญกับปัญหา ควรเลือกใช้เวลาอย่างมีสติและให้คุณค่ากับสิ่งที่สำคัญในชีวิต

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม