นิทานอ้ายจำเรียน

สวัสดีครับFCอ้ายจำเรียนทุกคน อยากจะสนับสนุนเนื้อหาบทความ และนิทาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจทำเนื้อหาเรื่องราวต่างๆต่อไปได้ที่ พร้อมเพลย์/ทรูมันนี่วอเลท เบอร์👇🏽
กดค้างไว้เพื่อคัดลอก👇🏽
                      0892718015
นายจำเรียน จันทร์รักษา
จะติชมเนื้อหาแอดไลน์ไอดี
กดค้างไว้เพื่อคัดลอก👇🏽
             tel0892718015


นิทานอ้ายจำเรียนตอนปราบอาถรรพ์ในตึกร้าง
ในมหานครอันวุ่นวาย ตึกร้างหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองราวกับปราสาทผีสิง ผู้คนเล่าลือกันว่าภายในเต็มไปด้วยอาถรรพ์ชวนขนหัวลุก

แต่สำหรับอ้ายจำเรียน นักสืบหนุ่มผู้ไม่กลัวสิ่งใดแล้ว ตึกร้างแห่งนี้กลับเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้น เขาตัดสินใจเข้าไปสำรวจ เพื่อไขปริศนาและปราบอาถรรพ์ให้สิ้นซาก

เมื่อก้าวเข้าไปภายใน อ้ายจำเรียนก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกและความเงียบที่กดทับราวกับมีอะไรซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขาเดินสำรวจไปทีละชั้นอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเปิดไฟฉายส่องไปตามมุมมืด

ขณะที่ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด อ้ายจำเรียนก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากห้องหนึ่ง เขาค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ และพบกับภาพที่น่าขนลุก

กลางห้องมีร่างของผู้หญิงสาวนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ดวงตาของเธอเบิกโพลงราวกับกำลังหวาดกลัวสุดขีด อ้ายจำเรียนรีบเข้าไปตรวจสอบ แต่ก็สายเกินไปแล้ว เธอสิ้นใจไปแล้ว

อ้ายจำเรียนสำรวจห้องอย่างละเอียด เขาพบว่ามีรอยขีดข่วนและรอยเลือดกระจายอยู่ทั่วไปราวกับเกิดการต่อสู้ขึ้น เขาจึงสันนิษฐานว่าผู้หญิงสาวคนนี้ต้องถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไขปริศนาและล้างแค้นให้กับผู้ตาย อ้ายจำเรียนจึงเริ่มสืบสวน เขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดในตึก แต่กลับพบว่ากล้องทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว

อ้ายจำเรียนไม่ย่อท้อ เขาซักถามพยานในละแวกนั้น และได้ข้อมูลมาว่ามีคนเห็นชายแปลกหน้าเดินเข้าไปในตึกในคืนเกิดเหตุ จากคำบอกเล่าของพยาน อ้ายจำเรียนวาดภาพลักษณ์ของผู้ต้องสงสัย และเริ่มตามหาตัว

หลังจากการสืบสวนอย่างไม่ลดละ อ้ายจำเรียนก็สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในที่สุด ชายคนนั้นสารภาพว่าเขาได้ฆ่าผู้หญิงสาวคนนั้นเพราะความหึงหวง

ด้วยหลักฐานที่มัดตัวแน่นหนา ผู้ต้องสงสัยจึงถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต อ้ายจำเรียนได้ปราบอาถรรพ์ในตึกร้างสำเร็จ และวิญญาณของผู้หญิงสาวก็ได้ไปสู่สุขคติ

ตั้งแต่นั้นมา ตึกร้างหลังนั้นก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ผู้คนเล่าขานกันว่าอาถรรพ์ได้หายไปแล้ว และวิญญาณของผู้หญิงสาวก็ได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่า
-----
Q456

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรืองผีต้นขนุน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีต้นขนุนใหญ่ยืนต้นอยู่กลางทุ่งนา ชาวบ้านเล่าขานกันว่า ต้นขนุนต้นนี้มีผีสิงอยู่

คืนหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เดินผ่านต้นขนุนตอนดึก ขณะที่เขาเดินผ่าน เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากต้นไม้ จำเรียนหยุดชะงักและมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไร

เมื่อจำเรียนเดินต่อไป เขาก็ได้ยินเสียงอีกครั้ง คราวนี้ดังชัดเจนยิ่งขึ้นเหมือนเสียงคนร้องไห้ จำเรียนกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ยังคงเดินต่อไป

ขณะที่จำเรียนเดินผ่านต้นขนุน เขาเหลือบไปเห็นเงาดำๆ เคลื่อนไหวอยู่บนกิ่งไม้ จำเรียนตกใจสุดขีดและวิ่งหนีสุดชีวิต

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านก็ไม่กล้าเดินผ่านต้นขนุนต้นนั้นตอนกลางคืนอีกเลย และเรื่องราวของผีต้นขนุนก็กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
-----
Q458

 นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องน้องเกรชชี่คนสวยโดนผีหลอกตอนกลางคืนนั้น เป็นเรื่องเล่าที่น่ากลัวและชวนติดตามมากเลยค่ะ

ในคืนที่มืดมิดและเงียบสงบ น้องเกรชชี่สาวสวยคนหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนของเธอ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวราวกับมีอะไรเย็นยะเยือกมาสัมผัส เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และสิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้เธอแทบกรี๊ดออกมา

ตรงปลายเตียงของเธอ มีร่างสีขาวซีดของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ร่างนั้นไม่มีใบหน้า มีเพียงผมยาวสีดำที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ น้องเกรชชี่พยายามขยับตัว แต่ร่างกายของเธอกลับแข็งทื่อราวกับถูกตรึงเอาไว้

ร่างสีขาวนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าที่ว่างเปล่านั้นหันมาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ว่างเปล่า น้องเกรชชี่รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอจะหยุดเต้น เธอพยายามส่งเสียงกรีดร้อง แต่กลับไม่มีเสียงใดหลุดออกมา

ร่างสีขาวนั้นค่อยๆ ยื่นมือออกมาแตะที่ใบหน้าของเธอ น้องเกรชชี่รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เธอพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้

ทันใดนั้น ร่างสีขาวนั้นก็หายวับไปราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน น้องเกรชชี่นอนตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง เธอรู้สึกกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว

หลังจากนั้น น้องเกรชชี่ก็ไม่กล้านอนคนเดียวอีกเลย เธอต้องให้เพื่อนมานอนเป็นเพื่อนทุกคืน และเธอก็ไม่เคยลืมคืนที่เธอโดนผีหลอกนั้นได้เลย
-----

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องน้องปาล์มมี่โดนผีหลอกในห้องชั้นเรียน
ในห้องเรียนที่เงียบสงัดในยามค่ำคืน น้องปาล์มมี่นักเรียนสาววัยรุ่นนั่งอยู่คนเดียว เธอเตรียมตัวสอบครั้งสำคัญในวันรุ่งขึ้นด้วยการอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ

ขณะที่เธออ่านไปได้สักพัก เธอก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกับมีใครกำลังจ้องมองอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ เธอพยายามเพิกเฉยและอ่านหนังสือต่อไป

แต่ความรู้สึกขนลุกนั้นก็ยังคงอยู่ และดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปาล์มมี่เริ่มกลัว เธอหันกลับไปมองที่ประตูห้องเรียน หวังว่าจะมีใครสักคนเข้ามา แต่ประตูก็นิ่งสนิท

จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู เสียงนั้นเบาและพร่ามัวราวกับมาจากอีกโลกหนึ่ง "อย่าอยู่ที่นี่"

ปาล์มมี่ตกใจจนตัวสั่น เธอหันขวับกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอรีบเก็บของและวิ่งออกจากห้องเรียนไปทันที

ขณะที่เธอวิ่งไปตามทางเดิน เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาข้างหลัง เธอหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใครอีกเช่นเคย ความกลัวทำให้เธอวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอวิ่งออกจากโรงเรียนไป

ปาล์มมี่ไม่กล้ากลับไปโรงเรียนอีกเลย เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆ ฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ เธอจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และกลายเป็นความทรงจำที่หลอกหลอนเธอไปตลอดกาล
-----
Q460

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องผีกองกอย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนขยันขันแข็งและชอบเล่านิทานมาก วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังเดินผ่านป่าช้า เขาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากกองกอยแห่งหนึ่ง

จำเรียนเดินเข้าไปใกล้กองกอยอย่างระมัดระวัง และเห็นผีสาวตนหนึ่งนั่งอยู่ เธอดูเศร้าโศกและร้องไห้ไม่หยุด จำเรียนรู้สึกสงสารเธอ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ผีสาวเล่าให้จำเรียนฟังว่า เธอชื่อกอย และเธอถูกฆาตกรรมโดยสามีของเธอเอง สามีของเธอเป็นคนขี้หึงและโหดร้าย เขาฆ่าเธอเพราะคิดว่าเธอมีชู้

จำเรียนรู้สึกโกรธและเสียใจกับเรื่องราวของกอย เขาบอกกับกอยว่าเขาจะช่วยเธอแก้แค้นสามีของเธอ กอยขอบคุณจำเรียนและบอกว่าเธอจะรอเขาที่กองกอยแห่งนี้

จำเรียนกลับไปที่หมู่บ้านและเล่าเรื่องของกอยให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านโกรธมากและต้องการช่วยจำเรียนแก้แค้นให้กอย พวกเขารวมตัวกันไปที่บ้านของสามีกอย และจับตัวเขาไปประหารชีวิต

หลังจากที่สามีกอยถูกประหารชีวิต กอยก็ปรากฏตัวต่อหน้าจำเรียน เธอยิ้มและขอบคุณจำเรียนที่ช่วยเธอแก้แค้น เธอบอกกับจำเรียนว่าเธอจะไปสู่สุคติแล้ว และจะไม่กลับมารบกวนเขาอีก

จำเรียนรู้สึกโล่งใจและมีความสุขที่ได้ช่วยกอย เขาเล่าเรื่องราวของกอยให้ชาวบ้านฟัง และกลายเป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
-----
Q461


นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องผีกองกอย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนขยันขันแข็งและชอบเล่านิทานมาก วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังเดินผ่านป่าช้า เขาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากกองกอยแห่งหนึ่ง

จำเรียนเดินเข้าไปใกล้กองกอยอย่างระมัดระวัง และเห็นผีสาวตนหนึ่งนั่งอยู่ เธอดูเศร้าโศกและร้องไห้ไม่หยุด จำเรียนรู้สึกสงสารเธอ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ผีสาวเล่าให้จำเรียนฟังว่า เธอชื่อกอย และเธอถูกฆาตกรรมโดยสามีของเธอเอง สามีของเธอเป็นคนขี้หึงและโหดร้าย เขาฆ่าเธอเพราะคิดว่าเธอมีชู้

จำเรียนรู้สึกโกรธและเสียใจกับเรื่องราวของกอย เขาบอกกับกอยว่าเขาจะช่วยเธอแก้แค้นสามีของเธอ กอยขอบคุณจำเรียนและบอกว่าเธอจะรอเขาที่กองกอยแห่งนี้

จำเรียนกลับไปที่หมู่บ้านและเล่าเรื่องของกอยให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านโกรธมากและต้องการช่วยจำเรียนแก้แค้นให้กอย พวกเขารวมตัวกันไปที่บ้านของสามีกอย และจับตัวเขาไปประหารชีวิต

หลังจากที่สามีกอยถูกประหารชีวิต กอยก็ปรากฏตัวต่อหน้าจำเรียน เธอยิ้มและขอบคุณจำเรียนที่ช่วยเธอแก้แค้น เธอบอกกับจำเรียนว่าเธอจะไปสู่สุคติแล้ว และจะไม่กลับมารบกวนเขาอีก

จำเรียนรู้สึกโล่งใจและมีความสุขที่ได้ช่วยกอย เขาเล่าเรื่องราวของกอยให้ชาวบ้านฟัง และกลายเป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
-----
Q461

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องในวัด
 นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องในวัด เป็นนิทานพื้นบ้านอีสานที่เล่าสืบต่อกันมา โดยมีเนื้อเรื่องดังนี้

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระหนุ่มรูปหนึ่งชื่อว่า "จำเรียน" จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในชนบท วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ได้ยินเสียงคนร้องไห้โหยหวนมาจากข้างนอก

จำเรียนจึงออกจากกุฏิไปดู พบชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่หน้าวัด จำเรียนจึงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ชายหนุ่มเล่าว่า ตนชื่อ "อ้าย" เป็นชาวนาที่ยากจน เมื่อไม่นานมานี้ ภรรยาของตนได้ล้มป่วยลงและเสียชีวิตไป ตนรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก จึงมาที่วัดเพื่อขอให้พระช่วยสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาของตน

จำเรียนเกิดความสงสาร จึงพาอ้ายเข้าไปในกุฏิและเล่าเรื่องราวในพระไตรปิฎกให้ฟัง เพื่อปลอบโยนจิตใจของอ้าย

อ้ายฟังธรรมะของจำเรียนแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก จึงขอให้อยู่จำพรรษาที่วัดด้วย จำเรียนก็อนุญาต

วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังสอนธรรมะให้อ้ายอยู่นั้น ได้มีโจรกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในวัด โจรพวกนั้นจับจำเรียนและอ้ายไปขังไว้ในถ้ำ

โจรหัวหน้าสั่งให้จำเรียนสวดมนต์ให้ตนฟัง จำเรียนก็สวดให้ฟังอย่างเต็มใจ โจรหัวหน้าฟังแล้วรู้สึกชอบใจ จึงสั่งให้ลูกน้องปล่อยจำเรียนและอ้ายไป

จำเรียนและอ้ายจึงได้กลับมาที่วัด และจำพรรษาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตราบจนสิ้นอายุขัย
-----
Q462

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องผีข้างทาง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนขยันขันแข็งและชอบเล่าเรื่องผีให้ชาวบ้านฟังอยู่เสมอ

คืนหนึ่งขณะที่จำเรียนกำลังเดินกลับบ้าน เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ข้างทาง เขาหยุดและมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไร เขาเดินต่อไปอีกหน่อยแล้วก็ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนจำเรียนเริ่มกลัว

จำเรียนวิ่งสุดแรงเท่าที่จะทำได้ แต่เสียงนั้นก็ยังคงตามมา เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นร่างสีขาวลอยอยู่เหนือพื้นดิน จำเรียนตกใจมากและวิ่งหนีต่อไป

จำเรียนวิ่งไปจนถึงบ้านแล้วก็ปิดประตูแน่นหนา เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ครอบครัวฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อเขา พวกเขาบอกว่าเขาแค่จินตนาการไปเอง

คืนต่อมา จำเรียนได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังมาจากหน้าบ้านของเขา เขาเปิดประตูออกไปดูและเห็นร่างสีขาวลอยอยู่ตรงหน้า

จำเรียนกลัวมากจนพูดไม่ออก ร่างสีขาวค่อยๆ ลอยเข้ามาหาเขาและเอื้อมมือมาแตะที่หน้าอกของเขา จำเรียนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัวและล้มลงไปกับพื้น

เมื่อครอบครัวของจำเรียนออกมาดู พวกเขาก็พบว่าจำเรียนเสียชีวิตแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็เชื่อว่าผีข้างทางเป็นสาเหตุที่ทำให้จำเรียนเสียชีวิต

ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านก็ไม่กล้าเดินผ่านทางนั้นในเวลากลางคืนอีกเลย และเรื่องราวของผีข้างทางก็กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
-----
Q463

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องผีซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์
ในยามค่ำคืนที่ดวงจันทร์ส่องสว่างเต็มดวง ชายหนุ่มนามว่าจำเรียนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของตนกลับบ้านหลังจากเลิกงานดึกดื่น

ขณะที่จำเรียนขับรถไปตามถนนเปลี่ยวสายหนึ่ง เขาก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ เขาหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ

จำเรียนพยายามปัดความรู้สึกแปลกๆ นั้นออกไปและขับรถต่อไป แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นที่เบาะหลังราวกับมีใครซ้อนท้ายอยู่

จำเรียนหันไปมองด้วยความตกใจ แต่กลับไม่พบใครนั่งอยู่เบาะหลัง เขารีบเร่งเครื่องเพื่อให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด

ขณะที่จำเรียนขับรถไป เขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจรดต้นคอและเสียงกระซิบข้างหูที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

"ไปส่งฉันที่บ้านด้วย" เสียงนั้นเอ่ยขึ้น

จำเรียนตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาไม่กล้าหันไปมองที่เบาะหลังอีกแล้ว แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เขาอยู่ตลอดเวลา

ในที่สุด จำเรียนก็ตัดสินใจขับรถไปที่บ้านของตนเอง เมื่อมาถึงบ้าน เขาจอดรถและรีบลงจากรถโดยไม่รอช้า

แต่ทันทีที่จำเรียนก้าวลงจากรถ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงที่ขาซ้ายราวกับมีใครบางคนกำลังพยายามดึงเขาไว้

จำเรียนหันไปมองที่ขาซ้ายของตนเองและแทบช็อกเมื่อพบว่ามีมือซีดเผือกที่เย็นเฉียบกำลังจับอยู่ที่ข้อเท้าของเขา

จำเรียนร้องกรี๊ดด้วยความตกใจและสะบัดขาเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของมือปริศนานั้น แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร มือปริศนาก็ยังคงจับอยู่แน่นไม่ยอมปล่อย

ในที่สุด จำเรียนก็หมดแรงและล้มลงกับพื้น มือปริศนาก็คลายออกและหายไปในความมืด

จำเรียนรีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าบ้านโดยไม่หันกลับไปมอง เขาปิดประตูและล็อคอย่างแน่นหนา จากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้นและหายใจหอบด้วยความกลัว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จำเรียนก็ไม่กล้าขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านดึกๆ อีกเลย เขาเชื่อว่าในคืนนั้นเขาได้เจอกับผีซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ และเขาก็จะไม่มีวันลืมประสบการณ์สุดสยองขวัญนั้นไปได้ตลอดชีวิต
-----
Q464


นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องสยองขวัญผีแดกคูล่า
ในค่ำคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บ ณ ปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาอันห่างไกล มีเรื่องเล่าขานถึงผีดิบกระหายเลือดตนหนึ่งที่รู้จักกันในนามแดร็กคูล่า

แดร็กคูล่าเป็นผีดิบโบราณที่มีอายุหลายศตวรรษ เขาอาศัยอยู่ในปราสาทร้างของเขาพร้อมกับเหล่าผีดิบผู้ซื่อสัตย์ของเขา คอยออกล่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่หลงเข้ามาในอาณาเขตของเขา

คืนหนึ่ง ขณะที่พายุฝนโหมกระหน่ำ มีกลุ่มนักเดินทางสามคนหลงทางและมาถึงปราสาทของแดร็กคูล่า พวกเขาเคาะประตูขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครตอบ พวกเขาจึงตัดสินใจบุกเข้าไปข้างใน

เมื่อพวกเขาเข้าไปในปราสาท พวกเขาก็พบว่ามันมืดและน่ากลัว ทางเดินเต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุม และอากาศก็หนาแน่นไปด้วยกลิ่นอับชื้นของความตาย

นักเดินทางทั้งสามคนเดินสำรวจปราสาทอย่างระมัดระวัง พวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆ และเห็นเงาแวบผ่านไปมา แต่พวกเขาก็ไม่เห็นใครเลย

ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจห้องโถงใหญ่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามอันน่ากลัว พวกเขามองไปรอบๆ และเห็นแดร็กคูล่าปรากฏตัวขึ้นจากความมืด

แดร็กคูล่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว เขามีผิวซีดเผือด ตาสีแดงก่ำ และเขี้ยวแหลมคม เขาสวมเสื้อคลุมสีดำยาวและมีเขี้ยวสองซี่ที่ยื่นออกมาจากปากของเขา

นักเดินทางทั้งสามคนตกใจกลัวและพยายามวิ่งหนี แต่แดร็กคูล่าเร็วกว่า พวกเขา เขาไล่ตามพวกเขาไปทั่วปราสาท จับพวกเขาไปทีละคนและดื่มเลือดของพวกเขา

เมื่อนักเดินทางคนสุดท้ายถูกฆ่า แดร็กคูล่าก็กลับไปที่โลงศพของเขาและหลับใหลอีกครั้ง ปราสาทกลับคืนสู่ความมืดและความเงียบสงบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ตั้งแต่นั้นมา ปราสาทของแดร็กคูล่าก็กลายเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปของผีดิบกระหายเลือด
-----
Q465

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องสยองขวัญผีดิบ
ในหมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนขยันและซื่อสัตย์ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาถูกผีดิบกัดในคืนหนึ่ง

จำเรียนรู้สึกปวดร้าวทรมานอย่างแสนสาหัส ขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มเน่าเปื่อยและเน่าเปื่อย เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นผีดิบเช่นเดียวกับผู้ที่กัดเขา

ด้วยความสิ้นหวัง จำเรียนวิ่งไปที่บ้านของหมอผีในหมู่บ้าน หมอผีบอกเขาว่ามีเพียงวิธีเดียวที่จะหยุดการเปลี่ยนแปลงของเขาได้ นั่นคือการฆ่าผีดิบที่กัดเขา

จำเรียนออกเดินทางไปยังป่าที่ซึ่งเขาถูกกัด เขาพบผีดิบตัวนั้นและต่อสู้กับมันอย่างดุเดือด ในที่สุด เขาก็สามารถฆ่าผีดิบได้สำเร็จ

เมื่อผีดิบตาย การเปลี่ยนแปลงของจำเรียนก็หยุดลง เขาได้รับการช่วยเหลือและกลับมาเป็นคนปกติอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับคืนที่น่ากลัวนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ

ตั้งแต่นั้นมา จำเรียนก็เล่าเรื่องราวของเขาให้คนอื่นๆ ฟังเพื่อเตือนพวกเขาถึงอันตรายของผีดิบ และเพื่อให้พวกเขารู้ว่าแม้ในความมืดมิดที่สุด ก็ยังมีความหวังเสมอ
-----
Q467

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องสยองขวัญเงาหมาดำ
ในหมู่บ้านเล็กๆ อันแสนสงบ มีเรื่องเล่าขานกันมาช้านานเกี่ยวกับเงาหมาดำที่น่าสะพรึงกลัว

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อชายหนุ่มชื่อจำเรียนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาเป็นคนเงียบขรึมและเก็บตัว ชาวบ้านจึงไม่ค่อยรู้จักเขาสักเท่าไหร่

คืนหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังเดินกลับบ้านหลังจากทำงานดึก เขาได้ยินเสียงเห่าหอนของหมาที่น่าขนลุกขนพองมาจากป่าข้างทาง เขาหันไปมองแต่ไม่เห็นอะไรเลย

คืนต่อมา เสียงเห่าหอนก็ดังขึ้นอีกครั้ง จำเรียนตัดสินใจตามเสียงไป เขาเดินลึกเข้าไปในป่าจนกระทั่งถึงหนองน้ำเก่าๆ แห่งหนึ่ง

ขณะที่จำเรียนกำลังมองลงไปในหนองน้ำ เขาก็เหลือบไปเห็นเงาสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังเขา เขาหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น

จำเรียนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก

หลังจากคืนนั้น จำเรียนก็เริ่มเห็นเงาหมาดำตามหลอกหลอนเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เงาก็จะปรากฏตัวขึ้นเสมอ

ชาวบ้านเริ่มสังเกตเห็นความแปลกประหลาดของจำเรียน เขาเริ่มพูดจาเพ้อเจ้อและดูเหมือนจะกลัวอะไรบางอย่าง

คืนหนึ่ง จำเรียนได้หายตัวไปจากหมู่บ้าน ชาวบ้านออกตามหากันทั่วแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของเขา

หลายปีต่อมา มีคนเล่าว่าได้เห็นเงาหมาดำตัวใหญ่เดินเตร่ไปมาในบริเวณหนองน้ำเก่าๆ แห่งนั้น และยังคงมีเสียงเห่าหอนที่น่าขนลุกขนพองดังขึ้นในยามค่ำคืน

จนถึงทุกวันนี้ เรื่องเล่าเกี่ยวกับเงาหมาดำก็ยังคงเป็นตำนานที่เล่าขานกันในหมู่บ้านแห่งนั้น และชาวบ้านก็ยังคงหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้หนองน้ำเก่าๆ แห่งนั้นในยามค่ำคืน
-----
Q468

นิทานอ้ายจำเรียนเล่าเรื่องสยองขวัญเรื่องผีแมวดำ
ในหมู่บ้านอันเงียบสงัดแห่งหนึ่ง มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับผีแมวดำที่น่ากลัวซึ่งหลอกหลอนผู้คนมาหลายชั่วอายุคน

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อมีชายหนุ่มชื่อจำเรียนได้พบลูกแมวดำตัวน้อยที่หลงทางอยู่ในป่า เขาเกิดความสงสารจึงนำมันกลับบ้านไปเลี้ยงดู ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของจำเรียนก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง

แมวดำตัวนั้นมีพฤติกรรมแปลกๆ มันชอบจ้องมองจำเรียนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และมักจะส่งเสียงร้องอันน่าขนลุกในยามค่ำคืน นอกจากนี้ จำเรียนยังเริ่มฝันร้ายซ้ำๆ เกี่ยวกับแมวดำที่ไล่ตามเขาไปทั่วบ้าน

คืนหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังนอนหลับอยู่ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ข้างเตียง เมื่อเขาเปิดตาขึ้น เขาก็พบกับแมวดำตัวนั้นนั่งอยู่บนอกของเขา ดวงตาสีเขียวของมันเปล่งประกายในความมืด และเขี้ยวของมันก็โผล่ออกมาจากปาก

จำเรียนพยายามจะกรีดร้อง แต่เสียงของเขากลับติดอยู่ในลำคอ แมวดำตัวนั้นกระโดดลงจากอกของเขาและหายตัวไปในความมืด ทิ้งไว้เพียงความเย็นยะเยือกและความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจของจำเรียน

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผีแมวดำก็เริ่มปรากฏตัวให้จำเรียนเห็นบ่อยขึ้น มันจะตามหลอกหลอนเขาไปทุกที่ที่เขาไป และทำให้ชีวิตของเขากลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้น

ในที่สุด จำเรียนก็ไม่สามารถทนทานกับความกลัวได้อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจที่จะหนีออกจากหมู่บ้านและไม่กลับมาอีกเลย แต่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ผีแมวดำก็จะตามหลอกหลอนเขาไปทุกที่

และนั่นคือเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับผีแมวดำที่น่ากลัวซึ่งยังคงหลอกหลอนผู้คนในหมู่บ้านอันเงียบสงัดแห่งนั้นจนถึงทุกวันนี้
-----
Q469

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม