นิทานอ้ายจำเรียน

สวัสดีครับFCอ้ายจำเรียนทุกคน อยากจะสนับสนุนเนื้อหาบทความ และนิทาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจทำเนื้อหาเรื่องราวต่างๆต่อไปได้ที่ พร้อมเพลย์/ทรูมันนี่วอเลท เบอร์👇🏽
กดค้างไว้เพื่อคัดลอก👇🏽
                      0892718015
นายจำเรียน จันทร์รักษา
จะติชมเนื้อหาแอดไลน์ไอดี
กดค้างไว้เพื่อคัดลอก👇🏽
             tel0892718015


นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีแม่ลูกอ่อน
ณ หมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีเรื่องเล่าขานกันมาช้านานเกี่ยวกับผีแม่ลูกอ่อนที่น่าสยดสยอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวชื่อนางคำที่ตั้งท้องแก่ใกล้คลอด นางอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ กับสามีของนาง แต่วันหนึ่งโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อสามีของนางล้มป่วยและเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน นางคำต้องเลี้ยงดูตัวเองและลูกในท้องเพียงลำพัง

เมื่อถึงเวลาคลอด นางคำเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส แต่ไม่มีใครมาช่วยเหลือ นางคลอดลูกด้วยตัวเองในกระท่อมที่มืดมิดและหนาวเหน็บ หลังจากคลอดบุตร นางคำก็สิ้นใจลงด้วยความอ่อนเพลียและสิ้นหวัง

วิญญาณของนางคำและลูกน้อยของนางยังคงวนเวียนอยู่ในกระท่อมหลังนั้น กลายเป็นผีแม่ลูกอ่อนที่โศกเศร้าและโหยหาความรัก

ชาวบ้านเล่ากันว่าในยามค่ำคืนอันมืดมิด จะได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกและเสียงคร่ำครวญของหญิงสาวดังมาจากกระท่อมร้าง ผู้ที่กล้าเข้าไปในกระท่อมจะพบกับวิญญาณของนางคำและลูกน้อยของนางที่ปรากฏตัวในชุดขาวโพลน

วิญญาณของนางคำจะโผเข้ากอดผู้ที่เข้ามาในกระท่อมด้วยความโหยหา เธอจะร้องไห้และคร่ำครวญราวกับว่ากำลังหาลูกของเธออยู่ ส่วนวิญญาณของลูกน้อยจะเกาะอยู่ที่ขาของแม่และร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก

ผู้ที่ถูกผีแม่ลูกอ่อนกอดจะรู้สึกหนาวเย็นและอ่อนแรงราวกับว่าถูกดูดพลังชีวิตออกไป บางคนเล่าว่าพวกเขาได้ยินเสียงกระซิบของนางคำที่พูดว่า "ลูกของฉันอยู่ที่ไหน"

ชาวบ้านจึงพากันหลีกเลี่ยงกระท่อมร้างหลังนั้นในยามค่ำคืน เพราะกลัวที่จะถูกผีแม่ลูกอ่อนหลอกหลอน และเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีแม่ลูกอ่อนก็ยังคงเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
-----
Q30

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีในป่าช้า
ในความมืดมิดของป่าช้าที่เงียบสงัด อ้ายจำเรียนเดินโซเซไปตามทางเดินแคบๆ หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกลัวและความอยากรู้อยากเห็น

"ว่ากันว่าป่าช้าแห่งนี้มีผีดุร้ายสิงอยู่" อ้ายจำเรียนพึมพำกับตัวเอง "แต่ฉันไม่เชื่อเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก"

ขณะที่เขาเดินลึกเข้าไปในป่าช้า ความกลัวของเขาก็เริ่มครอบงำ เมื่อได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบและเสียงกิ่งไม้หักดังมาจากความมืด

"ใครอยู่ตรงนั้น?" อ้ายจำเรียนตะโกน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

เขาก้าวเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง หยุดฟังเสียงแปลกๆ เป็นระยะๆ จนกระทั่งมาถึงหลุมศพที่เก่าแก่และทรุดโทรม

ทันใดนั้น อ้ายจำเรียนก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง เขาหันกลับไปและเห็นเงาดำสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างหลังเขา

"ใครน่ะ?" อ้ายจำเรียนถามด้วยเสียงสั่น

เงาดำไม่ตอบ แต่ก้าวเข้ามาใกล้ อ้ายจำเรียนถอยหลังด้วยความกลัวจนกระทั่งหลังชนกับหลุมศพ

เงาดำก้มลงมาใกล้ใบหน้าของอ้ายจำเรียน ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา

"เจ้ากล้าดีอย่างไรที่มาลบหลู่ที่พำนักของข้า" เสียงแหบพร่ากระซิบ

อ้ายจำเรียนกรีดร้องด้วยความสยองขณะที่เงาดำคว้าตัวเขาและลากเขาลงไปในหลุมศพ

ความมืดมิดโอบล้อมอ้ายจำเรียน ขณะที่เขาจมดิ่งลงไปในความว่างเปล่าและความสิ้นหวัง
-----
Q31

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีในป่ากล้วย
ในป่ากล้วยอันร่มรื่นและเงียบสงบ มีเรื่องเล่าขานกันมาช้านานเกี่ยวกับผีสาวผู้โศกเศร้าที่อาศัยอยู่ท่ามกลางต้นกล้วยอันเขียวขจี

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสาวงามนามว่าจำปาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง เธอมีรูปโฉมงดงามและจิตใจอ่อนโยน แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราผู้มั่งคั่งที่เธอไม่รัก

ในคืนวันแต่งงาน จำปาหนีออกจากบ้านและหลบซ่อนตัวอยู่ในป่ากล้วย เธอโศกเศร้าและสิ้นหวังจนหัวใจสลาย และในที่สุดก็สิ้นใจลงท่ามกลางต้นกล้วยอันร่มรื่น

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วิญญาณของจำปาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในป่ากล้วย เธอปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวโพลน ใบหน้าเศร้าสร้อย และผมยาวสลวยที่ปลิวไสวไปตามสายลม

ผู้คนเล่ากันว่า หากใครได้ยินเสียงร้องไห้หรือเสียงเพลงอันไพเราะในป่ากล้วย ก็จงรู้ไว้ว่านั่นคือวิญญาณของจำปาที่กำลังโศกเศร้าถึงความรักที่สูญเสียไป

และนั่นคือเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับผีสาวในป่ากล้วย นิทานที่เล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเตือนใจผู้คนถึงความโหดร้ายของโชคชะตาและความสำคัญของการรักษาหัวใจที่แตกสลาย
-----
Q32

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีในป่าอ้อย
ณ หมู่บ้านอันแสนสงบ ท่ามกลางทุ่งอ้อยอันกว้างใหญ่ มีชายหนุ่มผู้มีนามว่า "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นคนขยันขันแข็งและชอบเล่าเรื่องผีเป็นชีวิตจิตใจ

คืนหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังเดินผ่านทุ่งอ้อยกลับบ้าน เขาได้ยินเสียงแว่วมาจากพงอ้อยข้างทาง เสียงนั้นฟังดูเหมือนเสียงร้องไห้ของหญิงสาว อ้ายจำเรียนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้

เมื่ออ้ายจำเรียนเข้าไปถึงพงอ้อย เขาก็เห็นหญิงสาวร่างโปร่งใสยืนอยู่ข้างลำอ้อย หญิงสาวมีใบหน้าซีดเซียวและน้ำตาไหลอาบแก้ม อ้ายจำเรียนตกใจจนพูดไม่ออก หญิงสาวค่อยๆ หันมามองเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

"เจ้าเป็นใคร?" อ้ายจำเรียนถามด้วยเสียงสั่น

"ข้าคือผีสาวชื่อนางคำ" หญิงสาวตอบด้วยเสียงเบาๆ "ข้าถูกฆ่าตายในทุ่งอ้อยแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน"

อ้ายจำเรียนฟังเรื่องราวของนางคำด้วยความสลดใจ เขาถามนางคำว่าทำไมวิญญาณของนางจึงยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่

"ข้าไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้" นางคำกล่าว "เพราะข้ายังไม่ได้ล้างแค้นให้กับตัวเอง"

อ้ายจำเรียนสงสัยว่าใครเป็นคนฆ่านางคำ เขาจึงถามนางคำว่านางจำหน้าฆาตกรได้ไหม

"ข้าจำได้" นางคำตอบ "เขาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ มีแผลเป็นที่แก้มซ้าย"

อ้ายจำเรียนนึกขึ้นได้ว่าในหมู่บ้านมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตรงกับคำอธิบายของนางคำ เขาจึงบอกนางคำว่าเขาจะช่วยนางตามหาฆาตกร

คืนต่อมา อ้ายจำเรียนนัดพบกับชายหนุ่มคนนั้นที่ทุ่งอ้อยแห่งเดิม เมื่อชายหนุ่มมาถึง อ้ายจำเรียนก็ชี้หน้าไปที่เขาและกล่าวว่า

"เจ้าคือฆาตกรที่ฆ่านางคำใช่ไหม?"

ชายหนุ่มตกใจจนหน้าถอดสี เขาสารภาพว่าตนเองเป็นคนฆ่านางคำจริง และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

原来ชายหนุ่มแอบหลงรักนางคำ แต่เมื่อนางคำปฏิเสธความรักของเขา เขาจึงโกรธแค้นและฆ่านางคำทิ้ง

อ้ายจำเรียนฟังเรื่องราวของชายหนุ่มด้วยความโกรธ เขาบอกกับชายหนุ่มว่าเขาจะไปแจ้งความให้ตำรวจจับกุม

ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองหนีไม่พ้น จึงยอมจำนนต่อโชคชะตา ตำรวจมาจับกุมชายหนุ่มและนำตัวไปลงโทษตามกฎหมาย

หลังจากนั้น วิญญาณของนางคำก็ได้ไปผุดไปเกิดอย่างสงบสุข และทุ่งอ้อยแห่งนั้นก็ไม่มีเสียงร้องไห้ของหญิงสาวอีกต่อไป
-----
Q33

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีในป่ายางพารามีนามว่าซัน
ในความเวิ้งว้างของป่ายางพาราอันมืดทึบ ยามราตรีที่ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ มีเรื่องเล่าขานกันถึงผีสาวนามว่าซัน ผู้เฝ้ารอคอยคนรักที่จากไป

อ้ายจำเรียน ชายหนุ่มผู้กล้าหาญและไม่เชื่อเรื่องผีสาง ได้ตัดสินใจเข้าไปในป่ายางพาราในคืนเดือนหงาย เพื่อพิสูจน์ความกล้าของตนเอง

ขณะที่อ้ายจำเรียนเดินลึกเข้าไปในป่า ความเงียบสงัดก็แผ่ซ่านเข้ามาแทนที่ เสียงใบไม้ไหวเสียดสีกันราวกับเสียงกระซิบของวิญญาณ เสียงนกร้องก็เงียบหายไปราวกับถูกกลืนกินโดยความมืด

ทันใดนั้น อ้ายจำเรียนก็ได้ยินเสียงร้องไห้แผ่วเบา เขาหยุดชะงักและหันไปมองรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร เขาเดินตามเสียงร้องไห้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงต้นยางพาราใหญ่ต้นหนึ่ง

ใต้ต้นยางพารานั้น มีหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ เธอมีใบหน้าที่ซีดเซียวและผมยาวสลวยที่ปลิวไสวไปตามสายลม อ้ายจำเรียนเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ

"น้องสาว เป็นอะไรหรือเปล่า" อ้ายจำเรียนถาม

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอ้ายจำเรียนด้วยดวงตาที่เศร้าโศก "พี่จำเรียน พี่จำหนูได้ไหมคะ"

อ้ายจำเรียนตกใจเมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว มันเป็นเสียงของซัน คนรักเก่าของเขาที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน

"ซัน... ซันใช่ไหม" อ้ายจำเรียนถามด้วยเสียงสั่นเครือ

"ใช่ค่ะ พี่จำเรียน หนูคือซัน" หญิงสาวตอบ

อ้ายจำเรียนโผเข้ากอดซันด้วยความคิดถึงและดีใจ แต่ทันใดนั้น ร่างของซันก็เย็นเฉียบและแข็งทื่อ อ้ายจำเรียนตกใจและผละออกจากเธอ เขาเหลือบไปเห็นเงาสีดำลางๆ เคลื่อนไหวอยู่ใต้ต้นยางพารา

"ซัน... ซันเป็นผี" อ้ายจำเรียนร้องออกมาด้วยความกลัว

ผีสาวหัวเราะอย่างเย็นเยียบ "ใช่แล้ว พี่จำเรียน หนูเป็นผี หนูเฝ้ารอพี่มาหลายปีแล้ว"

"ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้" อ้ายจำเรียนถามด้วยน้ำตาคลอ

"เพราะพี่ทิ้งหนูไป พี่ทิ้งหนูให้ตายอย่างเดียวดาย" ผีสาวตอบ

"ไม่จริง... ไม่จริง ฉันไม่ได้ทิ้งเธอ ฉันตามหาเธอจนทั่ว แต่ก็หาไม่เจอ" อ้ายจำเรียน辩解

"พี่โกหก! พี่ทิ้งหนูไปกับผู้หญิงคนอื่น" ผีสาวตะโกนด้วยความโกรธ

"ไม่จริง... ไม่จริง ฉันรักเธอคนเดียว ฉันไม่มีผู้หญิงคนอื่น" อ้ายจำเรียนยืนยัน

ผีสาวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน "พี่จะรักหนูได้ยังไง ในเมื่อพี่ทิ้งหนูไปอย่างไม่ใยดี"

"ฉันไม่ได้ทิ้งเธอ ฉันตามหาเธอจนทั่ว แต่ก็หาไม่เจอ" อ้ายจำเรียน辩解อีกครั้ง

"พี่โกหก! พี่ทิ้งหนูไปกับผู้หญิงคนอื่น" ผีสาวตะโกนซ้ำ

อ้ายจำเรียนไม่รู้จะ辩解อย่างไร เขาได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเศร้าโศกและเสียใจ

"พี่จำเรียน พี่ต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่ทำ" ผีสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

ทันใดนั้น เงาสีดำที่อยู่ใต้ต้นยางพาราก็เคลื่อนไหวเข้ามาหาอ้ายจำเรียน มันเป็นเงาของผีผู้ชายที่สูงใหญ่และน่ากลัว

"ผีผู้ชายคนนั้นคือใคร" อ้ายจำเรียนถามด้วยเสียงสั่น

"เขาคือผัวใหม่ของหนู" ผีสาวตอบ

ผีผู้ชายเดินเข้ามาหาอ้ายจำเรียนด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว "แกเป็นใคร ทำไมถึงมายุ่งกับเมียของฉัน"

"ฉัน... ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นเมียของนาย" อ้ายจำเรียนตอบด้วยความกลัว

"แกโกหก! แกต้องรู้ว่าเธอเป็นเมียของฉัน" ผีผู้ชายตะโกน

ผีผู้ชายยกมือขึ้นจะทำร้ายอ้ายจำเรียน แต่ผีสาวก็เข้ามาขวางไว้

"อย่าทำร้ายเขา" ผีสาวร้อง

"ทำไม... ทำไมเธอถึงปกป้องเขา" ผีผู้ชายถามด้วยความโกรธ

"เพราะ... เพราะฉันยังรักเขา" ผีสาวตอบ

ผีผู้ชายหัวเราะอย่างเย้ยหยัน "แกยังรักเขา ทั้งๆ ที่เขาทิ้งแกไป"

"เขาไม่ได้ทิ้งหนู เขาตามหาหนูจนทั่ว แต่ก็หาไม่เจอ" ผีสาว辩解

"แกโกหก! เขาทิ้งแกไปกับผู้หญิงคนอื่น" ผีผู้ชายตะโกน

ผีสาวไม่辩解 เธอเพียงแต่เงียบและก้มหน้าลง

"พี่จำเรียน พี่ต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่ทำ" ผีสาวกล่าวอีกครั้ง

"ฉันจะชดใช้ยังไง" อ้ายจำเรียนถาม

"พี่ต้องตาย" ผีสาวตอบ

ผีผู้ชายยกมือขึ้นจะทำร้ายอ้ายจำเรียนอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผีสาวก็เข้ามาขวางไว้และรับดาบของผีผู้ชายแทน

"ซัน!" อ้ายจำเรียนร้องออกมาด้วยความตกใจ

ผีสาวมองอ้ายจำเรียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเสียใจ "พี่จำเรียน หนูรักพี่"

ผีสาวสิ้นใจตายในอ้อมกอดของอ้ายจำเรียน อ้ายจำเรียนร้องไห้ด้วยความเสียใจและโศกเศร้า เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาได้แต่กอดร่างไร้วิญญาณของซันไว้แน่น

ทันใดนั้น ร่างของซันก็ค่อยๆ จางหายไป อ้ายจำเรียนมองตามร่างของซันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาสูญเสียคนที่เขารักไปอีกครั้ง

อ้ายจำเรียนเดินออกจากป่ายางพาราด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขาไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร เขาได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้ซันต้องตาย

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นคนเก็บตัว เขาไม่พูดไม่จากับใคร เขาเพียงแต่เฝ้าคิดถึงซันและโทษตัวเองที่ทำให้เธอต้องตาย

และเรื่องเล่าขานของผีสาวนามว่าซันก็ยังคงเล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องเล่าที่เตือนสติให้ผู้คนรู้ว่าความรักและความโศกเศร้าสามารถนำไปสู่ความตายได้
-----
Q35



นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีไอ้แมนในสวนปาล์ม
ในสวนปาล์มอันร่มรื่นและเงียบสงบ มีเรื่องเล่าขานกันมานานเกี่ยวกับผีไอ้แมน วิญญาณที่เฝ้าวนเวียนอยู่บริเวณนั้น

เมื่อหลายสิบปีก่อน ไอ้แมนเป็นคนงานในสวนปาล์มผู้ขยันขันแข็ง แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาถูกงูพิษกัดขณะทำงานในป่าลึก ชาวบ้านพยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่ทันการ ไอ้แมนสิ้นใจในสวนปาล์มแห่งนั้น

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วิญญาณของไอ้แมนก็ยังคงวนเวียนอยู่ในสวนปาล์ม ผู้คนเล่าลือกันว่าในยามค่ำคืนอันมืดมิด จะมีเสียงร้องโหยหวนของไอ้แมนดังแว่วมาจากป่าลึก บางครั้งก็ปรากฏเป็นเงาดำลางๆ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่ผ่านไปมา

มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่ง กลุ่มเด็กหนุ่มได้เข้าไปเล่นซ่อนหากันในสวนปาล์มยามค่ำคืน ขณะที่กำลังเล่นกันอยู่นั้น หนึ่งในเด็กได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากด้านหลัง เขาหันไปมองก็พบกับเงาดำสูงใหญ่กำลังจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เด็กหนุ่มตกใจจนวิ่งหนีสุดชีวิต และไม่กล้ากลับมาที่สวนปาล์มอีกเลย

อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกิดขึ้นกับชาวบ้านที่เข้าไปเก็บผลปาล์มในสวนปาล์มยามดึก ขณะที่กำลังเก็บผลปาล์มอยู่นั้น ชาวบ้านก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขารู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองอยู่ เขาหันไปมองรอบๆ ก็ไม่พบใคร แต่กลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังแว่วมาจากด้านหลัง ชาวบ้านตกใจจนรีบเก็บผลปาล์มและวิ่งหนีออกจากสวนปาล์มทันที

เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีไอ้แมนในสวนปาล์มยังคงเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจนถึงปัจจุบัน และผู้คนก็ยังคงเชื่อว่าวิญญาณของไอ้แมนยังคงวนเวียนอยู่ในสวนปาล์มแห่งนั้น
-----
Q36

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีไอ้โป้ในบ้านร้าง
ในยามค่ำคืนอันมืดมิด ณ บ้านร้างหลังเก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมป่าช้า มีเรื่องเล่าขานกันถึงผีไอ้โป้ที่เฝ้าอาศัยอยู่

ไอ้โป้เป็นเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายที่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในบ้านร้างแห่งนี้ วิญญาณของเขาไม่สามารถไปไหนได้และถูกจองจำอยู่ในบ้านร้างตลอดกาล

คืนหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนเดินผ่านบ้านร้าง เขารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงลมพัดกระโชกดังวูบวาบราวกับมีใครกำลังกระซิบอยู่ข้างหู

"อ้ายจำเรียน... อ้ายจำเรียน..."

อ้ายจำเรียนหยุดชะงักและหันไปมองรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร เขาพยายามเดินต่อไป แต่เสียงกระซิบก็ยังตามมาไม่เลิก

"อ้ายจำเรียน... ช่วยฉันด้วย..."

อ้ายจำเรียนใจอ่อน เขาตัดสินใจเข้าไปในบ้านร้างเพื่อตามหาที่มาของเสียงกระซิบ

เมื่ออ้ายจำเรียนก้าวเข้าไปในบ้านร้าง ความหนาวเย็นก็แผ่เข้ามาโอบล้อม ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิดและฝุ่นตลบ

จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากชั้นบน อ้ายจำเรียนรีบวิ่งขึ้นบันไดไปและพบเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นในสภาพบาดเจ็บสาหัส

"ช่วยฉันด้วย..." เด็กหนุ่มครางออกมา

อ้ายจำเรียนรีบเข้าไปช่วยเหลือเด็กหนุ่ม แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงลมหายใจเย็นๆ พัดผ่านท้ายทอย

"อ้ายจำเรียน... อย่าช่วยมัน..." เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง

อ้ายจำเรียนหันไปมองรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี แต่ในใจลึกๆ เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย

"ไม่... ฉันจะช่วยเขา" อ้ายจำเรียนพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

ทันใดนั้น ก็มีเงาดำปรากฏขึ้นจากมุมห้อง เงาดำนั้นค่อยๆ เข้ามาใกล้เด็กหนุ่มและคว้าตัวเขาไว้

"ปล่อยเขาไป!" อ้ายจำเรียนตะโกน

แต่เงาดำนั้นไม่สนใจ มันลากเด็กหนุ่มหายไปในความมืด

อ้ายจำเรียนวิ่งตามไป แต่ก็สายเกินไปแล้ว เด็กหนุ่มหายไปแล้ว และเงาดำนั้นก็หายไปเช่นกัน

อ้ายจำเรียนเดินกลับออกมาจากบ้านร้างด้วยความรู้สึกสับสนและหวาดกลัว เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ว่าเขาจะไม่มีวันลืมคืนนี้ได้ตลอดชีวิต
-----
Q37


นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีไอ้จงในป่าละเมาะ
ในป่าละเมาะอันร่มครึ้มและลึกลับ มีเรื่องเล่าขานกันมาช้านานเกี่ยวกับผีไอ้จง วิญญาณอาฆาตที่วนเวียนอยู่

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนชอบเที่ยวป่าล่าสัตว์ วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังเดินอยู่ในป่าละเมาะแห่งนี้ เขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เหมือนเสียงคนร้องไห้คร่ำครวญ

จำเรียนเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งซบอยู่ที่โคนต้นไม้ ร่างนั้นดูซีดเซียวและมีเลือดไหลออกจากปาก

"เจ้าเป็นใคร" จำเรียนถาม

"ข้าชื่อจง" ร่างนั้นตอบด้วยเสียงสั่นเครือ "ข้าถูกฆ่าตายที่นี่โดยโจรใจร้าย"

จำเรียนรู้สึกสงสารจง เขาจึงตัดสินใจช่วยเหลือวิญญาณอาฆาตตนนี้

"ข้าจะช่วยเจ้า" จำเรียนกล่าว "ข้าจะตามหาโจรที่ฆ่าเจ้าและล้างแค้นให้"

จงดีใจมาก เขาบอกกับจำเรียนว่าโจรที่ฆ่าเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ นั้น

จำเรียนออกเดินทางไปยังหมู่บ้านนั้นทันที เขาซุ่มดูโจรที่ฆ่าจงจนรู้ว่าพวกมันเป็นใคร

คืนหนึ่ง จำเรียนบุกเข้าไปในบ้านของโจร เขาฆ่าโจรทั้งหมดและนำหัวของพวกมันมาให้จง

จงดีใจมาก วิญญาณของเขาสงบสุขและสามารถไปสู่สุคติได้

ตั้งแต่นั้นมา ผีไอ้จงก็ไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นอีก แต่เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับวิญญาณอาฆาตตนนี้ยังคงเล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
-----
Q38

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีไอ้เบี้ยวอาละวาด
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับผีอ้ายเบี้ยวที่น่ากลัว ผีอ้ายเบี้ยวเป็นผีของชายหนุ่มที่ชื่อเบี้ยว เขาเป็นคนขี้เกียจและไม่ชอบทำงาน เบี้ยวชอบขโมยของชาวบ้านและมักจะถูกไล่ตีอยู่เสมอ

วันหนึ่ง เบี้ยวได้แอบเข้าไปขโมยของในบ้านของชาวบ้านคนหนึ่ง แต่เจ้าของบ้านจับได้และไล่ตีเบี้ยวจนหนีไปไม่รอด เบี้ยววิ่งหนีไปจนถึงหนองน้ำแห่งหนึ่งและจมน้ำตายที่นั่น

หลังจากนั้นวิญญาณของเบี้ยวก็กลายเป็นผีอ้ายเบี้ยว ผีอ้ายเบี้ยวจะปรากฏตัวในเวลากลางคืนและจะไล่ตามคนที่เดินผ่านหนองน้ำแห่งนั้น ชาวบ้านต่างก็กลัวผีอ้ายเบี้ยวและไม่กล้าที่จะเดินผ่านหนองน้ำแห่งนั้นในเวลากลางคืน

คืนหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อจำเรียนเดินผ่านหนองน้ำแห่งนั้นในเวลากลางคืน จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากหนองน้ำ จำเรียนหันไปมองก็เห็นผีอ้ายเบี้ยวกำลังลอยขึ้นมาจากน้ำ ผีอ้ายเบี้ยวมีใบหน้าที่น่ากลัวและมีเขี้ยวที่แหลมคม

จำเรียนตกใจกลัวมาก รีบวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ผีอ้ายเบี้ยวก็วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว จำเรียนวิ่งไปจนถึงบ้านของตัวเองและรีบปิดประตูบ้าน ผีอ้ายเบี้ยวพยายามที่จะเปิดประตูบ้านแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้

จำเรียนยืนตัวสั่นอยู่หลังประตูบ้าน ผีอ้ายเบี้ยวก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูและส่งเสียงคำราม จำเรียนกลัวมากจนไม่กล้าที่จะออกไปไหน

จนกระทั่งเช้า ผีอ้ายเบี้ยวก็หายไป จำเรียนจึงเปิดประตูบ้านและออกมาดูข้างนอก เขาเห็นว่าผีอ้ายเบี้ยวได้หายไปแล้ว จำเรียนโล่งใจมากที่รอดชีวิตมาได้

ตั้งแต่นั้นมา จำเรียนก็ไม่กล้าที่จะเดินผ่านหนองน้ำแห่งนั้นในเวลากลางคืนอีกเลย และเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีอ้ายเบี้ยวก็ยังคงเล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
-----
Q39


นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องเจอผีไม่เต็มบาทแต่ใจดี
ในหมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่ออ้ายจำเรียน เขาเป็นคนขยันและซื่อสัตย์ แต่กลับมีนิสัยขี้กลัวเป็นที่สุด

คืนหนึ่งขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังเดินกลับบ้านจากทุ่งนา เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากป่าข้างทาง ด้วยความกลัว เขาจึงรีบวิ่งหนีสุดชีวิต

แต่แล้วเขาก็สะดุดก้อนหินและล้มลง เสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากพุ่มไม้ใกล้ๆ อ้ายจำเรียนตัวสั่นด้วยความกลัว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและหันไปมอง

ทันใดนั้น เขาก็เห็นร่างสีขาวลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาของมันแดงก่ำและมีเขี้ยวแหลมคม อ้ายจำเรียนกรีดร้องด้วยความตกใจและวิ่งหนีอีกครั้ง

แต่ผีตนนั้นกลับลอยตามเขาไปอย่างรวดเร็ว อ้ายจำเรียนวิ่งจนเหนื่อยหอบ แต่ก็ไม่สามารถหนีรอดได้ ในที่สุด ผีตนนั้นก็ตามทันเขาและยืนอยู่ตรงหน้า

อ้ายจำเรียนตัวสั่นด้วยความกลัว เขาคิดว่าตัวเองคงจะต้องตายแน่ๆ แต่แล้วผีตนนั้นกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

"อย่ากลัวเลยหนุ่มน้อย ฉันไม่ใช่ผีร้าย ฉันแค่หลงทางเท่านั้น"

อ้ายจำเรียนตกใจมาก เขาไม่คิดว่าผีจะพูดได้ เขาจึงถามผีตนนั้นว่า "แล้วท่านเป็นใครกัน"

"ฉันชื่อผีบุญ ฉันเป็นผีที่ใจดี แต่ฉันหลงทางในป่าแห่งนี้ ฉันหาทางกลับบ้านไม่เจอ" ผีบุญตอบ

อ้ายจำเรียนสงสารผีบุญ เขาจึงตัดสินใจช่วยเหลือ "ไม่เป็นไรครับ ท่านผีบุญ ผมจะพาท่านกลับบ้านเอง"

อ้ายจำเรียนจึงพาผีบุญเดินไปตามทางจนถึงหมู่บ้าน ผีบุญขอบคุณอ้ายจำเรียนและบอกว่า "ขอบคุณมากหนุ่มน้อย ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของเธอ"

จากนั้น ผีบุญก็ลอยหายไปในอากาศ อ้ายจำเรียนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ครอบครัวฟัง ครอบครัวของเขาต่างก็แปลกใจและภูมิใจในตัวเขา

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนก็ไม่กลัวผีอีกต่อไป เขาได้เรียนรู้ว่าแม้แต่ผีก็มีทั้งดีและร้าย และการช่วยเหลือผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
-----
Q40

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม