นิทานอ้ายจำเรียน


สวัสดีครับFCอ้ายจำเรียนทุกคน อยากจะสนับสนุนเนื้อหาบทความ และนิทาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจทำเนื้อหาเรื่องราวต่างๆต่อไปได้ที่ พร้อมเพลย์/ทรูมันนี่วอเลท เบอร์👇🏽
กดค้างไว้เพื่อคัดลอก👇🏽
                      0892718015
นายจำเรียน จันทร์รักษา
จะติชมเนื้อหาแอดไลน์ไอดี
กดค้างไว้เพื่อคัดลอก👇🏽
             tel0892718015


นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีตายท้องกลมมีนามว่าปอย
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเรื่องเล่าขานกันมาช้านานเกี่ยวกับวิญญาณผีสาวที่ชื่อ "ปอย" ซึ่งเล่ากันว่าเธอตายท้องกลมอย่างน่าเวทนา

ปอยเป็นหญิงสาวแสนสวยและมีจิตใจดี เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านกับพ่อแม่และน้องชาย เธอมีนิสัยร่าเริงและเป็นที่รักของทุกคน

วันหนึ่ง ปอยได้พบรักกับชายหนุ่มรูปงามจากหมู่บ้านข้างเคียง ชื่อว่า "คำ" ทั้งสองตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วและหมั้นหมายกันในเวลาไม่นานนัก

แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อคำต้องจากไปทำงานในเมืองหลวง ปอยเฝ้ารอคอยการกลับมาของคนรักอย่างใจจดใจจ่อ

เวลาผ่านไปหลายเดือน คำก็ยังไม่กลับมา ปอยเริ่มเป็นกังวลและคิดถึงคำมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รับจดหมายจากคำที่บอกเลิกการหมั้นหมาย

ปอยหัวใจสลาย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคำถึงทำเช่นนี้ เธอเสียใจและร้องไห้จนแทบขาดใจ

ในความโศกเศร้า ปอยตั้งท้องลูกของคำ เธอพยายามปกปิดความจริงนี้จากพ่อแม่และน้องชาย แต่ก็ไม่สามารถทำได้นานนัก

เมื่อพ่อแม่ของปอยรู้เรื่องก็โกรธมาก พวกเขาไล่ปอยออกจากบ้าน ปอยจึงต้องพเนจรไปตามลำพัง เธอเร่ร่อนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ขอทานเลี้ยงชีพ

วันหนึ่ง ปอยคลอดลูกสาว แต่โชคชะตากลับโหดร้ายอีกครั้ง เมื่อลูกสาวของเธอเสียชีวิตหลังคลอดไม่นาน ปอยเสียใจจนแทบขาดใจ เธออุ้มร่างไร้วิญญาณของลูกสาวไว้แน่นและร้องไห้จนหมดแรง

ในที่สุด ปอยก็สิ้นใจตายด้วยความโศกเศร้าและแค้นใจ วิญญาณของเธอเฝ้าเร่ร่อนไปตามหมู่บ้านแห่งนั้น กลายเป็นผีตายท้องกลมที่น่ากลัว

เล่ากันว่าวิญญาณของปอยจะปรากฏตัวในคืนเดือนหงาย เธอจะร้องไห้โหยหวนและตามหาลูกสาวของเธอ ผู้ใดที่ได้ยินเสียงร้องของเธอจะต้องขนลุกขนพองไปทั้งตัว

ชาวบ้านต่างหวาดกลัววิญญาณของปอย พวกเขาจะปิดประตูหน้าต่างบ้านแน่นหนาในคืนเดือนหงาย และจะไม่กล้าออกจากบ้านในเวลานั้น

แต่ก็มีบางคนที่กล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับวิญญาณของปอย พวกเขาจะจุดธูปและสวดมนต์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเธอ เพื่อให้เธอได้ไปสู่สุคติ

และนั่นคือเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีตายท้องกลมนามว่าปอย วิญญาณที่น่าเวทนาและน่ากลัวในหมู่บ้านแห่งนั้น
-----
Q64

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีแมวดำ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนขี้เกียจและไม่ชอบทำงานใดๆ วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงแมวดำร้องเหมียวๆ อยู่หน้าบ้าน

จำเรียนลุกขึ้นมาเปิดประตู และพบกับแมวดำตัวใหญ่ที่มีดวงตาสีเขียวแวววาว แมวดำตัวนั้นเดินเข้ามาในบ้านและนั่งลงข้างๆ จำเรียน

"เจ้าเป็นใคร" จำเรียนถาม

"ข้าคือผีแมวดำ" แมวดำตอบ "ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้เจ้าช่วยเหลือข้า"

"ช่วยเหลืออะไร" จำเรียนถาม

"ข้าถูกฆ่าตายโดยนายพรานใจร้าย" ผีแมวดำกล่าว "วิญญาณของข้าไม่สามารถไปสู่สุคติได้จนกว่าเจ้าจะช่วยข้าล้างแค้น"

จำเรียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตกลงที่จะช่วยผีแมวดำ เขาออกเดินทางไปยังป่าพร้อมกับผีแมวดำ และตามหานายพรานใจร้ายที่ฆ่ามัน

หลังจากเดินไปได้ไม่นาน พวกเขาก็พบกับนายพรานกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ จำเรียนตรงเข้าไปหาและต่อสู้กับนายพรานอย่างดุเดือด

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน ในที่สุด จำเรียนก็สามารถเอาชนะนายพรานได้ ผีแมวดำดีใจมากและขอบคุณจำเรียนที่ช่วยเหลือมัน

"เจ้าได้ช่วยข้าล้างแค้นสำเร็จแล้ว" ผีแมวดำกล่าว "วิญญาณของข้าจะไปสู่สุคติได้แล้ว"

ผีแมวดำหายตัวไป และจำเรียนก็กลับไปยังหมู่บ้านของเขา ตั้งแต่นั้นมา จำเรียนก็เลิกเป็นคนขี้เกียจและกลายเป็นคนที่ขยันขันแข็ง และเรื่องราวของเขาและผีแมวดำก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่บ้านสืบมา
-----
Q65


นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีเปรตปราน
ณ หมู่บ้านอันห่างไกล ในคืนเดือนหงายสว่างไสว มีชายหนุ่มชื่ออ้ายจำเรียน กำลังนั่งเล่าเรื่องราวชวนขนหัวลุกให้เพื่อนบ้านฟัง

"เล่าเรื่องผีเปรตปรานให้ฟังหน่อยสิ" ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขอ

อ้ายจำเรียนยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัว

"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวชื่อปราน นางเป็นคนสวยและร่ำรวย แต่กลับใจร้ายและเห็นแก่ตัว นางไม่เคยช่วยเหลือผู้ใดแม้แต่น้อย"

"เมื่อปรานสิ้นชีวิต นางกลับกลายเป็นเปรตปราน เนื่องจากกรรมที่นางก่อไว้ เปรตปรานมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ผิวหนังเหี่ยวย่น ริมฝีปากแห้งผาก และมีลิ้นยาวห้อยออกมาจากปาก"

"เปรตปรานทรมานจากความหิวโหยตลอดเวลา นางจะออกหากินในตอนกลางคืน โดยไล่ล่าผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อกินเลือดและเนื้อของพวกเขา"

ชาวบ้านต่างนั่งฟังด้วยความกลัวและขนลุกซู่

"มีอยู่คืนหนึ่ง เปรตปรานได้เข้าไปในบ้านของชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มตกใจกลัวจนวิ่งหนีออกจากบ้าน แต่เปรตปรานก็ตามไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ"

"ชายหนุ่มวิ่งไปจนถึงวัด และวิ่งเข้าไปหลบในโบสถ์ เปรตปรานไม่สามารถเข้าไปในโบสถ์ได้ นางจึงรออยู่ข้างนอกด้วยความหิวโหย"

"เมื่อรุ่งเช้า ชายหนุ่มได้ออกมาจากโบสถ์ เปรตปรานก็พุ่งเข้ามาหาเขา แต่จู่ๆ ก็มีพระสงฆ์รูปหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พระสงฆ์ได้สวดมนต์และร่ายเวทมนตร์ เปรตปรานก็หายวับไปในทันที"

ชาวบ้านต่างปรบมือแสดงความดีใจที่ชายหนุ่มปลอดภัย

"ตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครเคยเห็นเปรตปรานอีกเลย" อ้ายจำเรียนกล่าวสรุป

ชาวบ้านต่างขอบคุณอ้ายจำเรียนสำหรับเรื่องเล่าชวนขนหัวลุก และต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปในคืนอันมืดมิด
-----
Q66


นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีน้อยแต่น่ารักดี
ในหมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีผีน้อยตนหนึ่งชื่อ "แต๋ว" แต๋วเป็นผีน้อยที่น่ารักและขี้เล่น แตกต่างจากผีทั่วไปที่มักจะน่ากลัวและน่าขนลุก แต๋วกลับมีดวงตาที่เป็นประกายและรอยยิ้มที่สดใส

วันหนึ่ง ขณะที่แต๋วล่องลอยไปมาอยู่ในหมู่บ้าน เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่ใต้ต้นไม้คนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นมีนามว่า "จำเรียน" จำเรียนเป็นหนุ่มขยันและมีน้ำใจ เขาชอบอ่านหนังสือและมักจะนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เพื่ออ่านหนังสือในยามว่าง

แต๋วรู้สึกสนใจจำเรียนเป็นอย่างมาก เธอจึงลอยเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ และแอบมองเขาอยู่ห่างๆ จำเรียนไม่รู้ตัวว่ามีผีน้อยแอบมองเขาอยู่ เขาจึงอ่านหนังสือไปอย่างเพลิดเพลิน

แต๋วเฝ้ามองจำเรียนอยู่นาน จนกระทั่งเธอรู้สึกชอบเขาเข้าเสียแล้ว เธออยากจะเข้าไปคุยกับเขา แต่ก็กลัวว่าเขาจะตกใจกลัว เธอจึงตัดสินใจแกล้งเขาเล็กน้อย

แต๋วลอยเข้าไปใกล้จำเรียน แล้วจู่ๆ ก็ทำเสียง "อู้ววว" ใส่เขา จำเรียนตกใจจนเผลอทำหนังสือหล่น แต๋วรีบเข้าไปช่วยเก็บหนังสือให้เขา และในขณะที่เธอยื่นหนังสือให้เขา เธอก็แอบยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก

จำเรียนมองหน้าแต๋วด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นผีที่น่ารักและขี้เล่นแบบนี้มาก่อน เขาจึงถามเธอว่า "เธอเป็นใคร"

แต๋วตอบด้วยเสียงหวานว่า "ฉันชื่อแต๋วค่ะ ฉันเป็นผีน้อยที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้"

จำเรียนรู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่คิดว่าผีจะสามารถพูดคุยกับเขาได้ แต๋วก็พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเธอไม่ใช่ผีธรรมดา เธอสามารถพูดคุยและหัวเราะได้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป

จำเรียนและแต๋วเริ่มพูดคุยกันอย่างถูกคอ พวกเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กันฟัง แต๋วเล่าเรื่องราวในหมู่บ้านผีให้จำเรียนฟัง ส่วนจำเรียนก็เล่าเรื่องราวในโลกมนุษย์ให้แต๋วฟัง

ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไหร่ จำเรียนก็ยิ่งรู้สึกชอบแต๋วมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยเจอผีที่น่ารักและมีเสน่ห์แบบนี้มาก่อน ในขณะเดียวกัน แต๋วก็รู้สึกชอบจำเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เคยเจอมนุษย์ที่ใจดีและมีน้ำใจแบบนี้มาก่อน

พวกเขาเริ่มพบกันบ่อยขึ้นที่ใต้ต้นไม้แห่งนั้น พวกเขาจะนั่งคุยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน และหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข

แต่ความลับของแต๋วก็เก็บไว้ได้ไม่นาน ในที่สุด ชาวบ้านก็เริ่มสงสัยว่าทำไมจำเรียนถึงชอบไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียวบ่อยๆ ชาวบ้านจึงแอบตามจำเรียนไป และก็ได้เห็นแต๋วล่องลอยอยู่ข้างๆ เขา

ชาวบ้านตกใจกลัวมาก พวกเขาไม่เคยเห็นผีที่น่ารักแบบนี้มาก่อน ชาวบ้านจึงรีบวิ่งไปบอกผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงสั่งให้คนไปจับแต๋วมา

แต๋วถูกจับไปขังไว้ในวัด จำเรียนเสียใจมาก เขาพยายามหาทางช่วยแต๋ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จำเรียนจึงไปหาหลวงพ่อที่วัดเพื่อขอร้องให้ช่วยแต๋ว

หลวงพ่อเป็นพระที่ใจดี ท่านรู้ว่าแต๋วไม่ใช่ผีร้าย ท่านจึงยอมปล่อยตัวแต๋ว แต่ท่านก็สั่งให้แต๋วสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมนุษย์

แต๋วสัญญากับหลวงพ่อ และเธอก็ได้กลับมาพบกับจำเรียนอีกครั้ง จำเรียนและแต๋วยังคงพบกันที่ใต้ต้นไม้แห่งนั้น พวกเขายังคงคุยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน และหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข

และนั่นก็คือเรื่องราวของผีน้อยแต๋ว ผีน้อยที่น่ารักและขี้เล่น และจำเรียน ชายหนุ่มรูปงามที่ใจดีและมีน้ำใจ พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และพวกเขาก็จะยังคงเป็นเพื่อนกันตลอดไป
-----
Q67

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีนางตะเคียนทองใจดี
ในหมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีต้นตะเคียนทองขนาดใหญ่ยืนต้นตระหง่านอยู่ริมหนองน้ำ ชาวบ้านเล่าขานกันว่าต้นตะเคียนทองนี้มีนางตะเคียนทองใจดีสิงสถิตอยู่

วันหนึ่ง ขณะที่เด็กหนุ่มชื่อจำเรียนกำลังเล่นซนอยู่ริมหนองน้ำ เขาก็เผลอทำลูกบอลหล่นลงไปในน้ำ จำเรียนพยายามเอื้อมหยิบแต่ก็ไม่ถึง เขาจึงนั่งลงร้องไห้ด้วยความเสียดาย

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอันไพเราะดังขึ้นจากต้นตะเคียนทอง "อย่าร้องไห้เลยลูกเอ๋ย ฉันจะช่วยเจ้าเอง"

จำเรียนหันไปมองต้นตะเคียนทองด้วยความตกใจ เขาเห็นเงาตะเคียนทองค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้น ใบหน้างดงาม

นางตะเคียนทองเอื้อมมือลงไปในน้ำ แล้วหยิบลูกบอลของจำเรียนขึ้นมาส่งให้ "นี่ ลูกบอลของเจ้า"

จำเรียนรับลูกบอลมาด้วยความดีใจ เขาขอบคุณนางตะเคียนทองแล้วก็วิ่งกลับบ้านไป

หลังจากนั้น จำเรียนก็แวะเวียนไปหาต้นตะเคียนทองเป็นประจำ เขาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง และนางตะเคียนทองก็คอยรับฟังด้วยความเมตตา

วันหนึ่ง จำเรียนเล่าให้นางตะเคียนทองฟังว่าครอบครัวของเขากำลังประสบปัญหาทางการเงิน นางตะเคียนทองจึงบอกให้จำเรียนกลับไปขุดดินใต้โคนต้นตะเคียนทอง

จำเรียนทำตามคำบอกของนางตะเคียนทอง เขาขุดดินใต้โคนต้นตะเคียนทองก็พบหม้อทองคำใบใหญ่ จำเรียนนำหม้อทองคำกลับไปให้ครอบครัว ครอบครัวของจำเรียนจึงพ้นจากความยากจน

ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านก็ยิ่งเคารพนางตะเคียนทองมากขึ้น พวกเขาสร้างศาลเพียงตาให้แก่นาง และมาขอพรจากนางเป็นประจำ

และนางตะเคียนทองใจดีก็ยังคงสิงสถิตอยู่ที่ต้นตะเคียนทองริมหนองน้ำแห่งนั้น คอยช่วยเหลือและปกป้องชาวบ้านที่เคารพนับถือเธอ
-----
Q68

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องเปรตใจดีและตลก
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเปรตตนหนึ่งชื่อ "เปรตใจดี" เปรตตนนี้ไม่เหมือนเปรตทั่วไปที่น่ากลัวหรือโหดร้าย แต่กลับเป็นเปรตที่ใจดีและชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้อื่น

วันหนึ่ง เปรตใจดีได้พบกับอ้ายจำเรียน ชายหนุ่มผู้ขี้เกียจและชอบนอนหลับ เปรตใจดีจึงตัดสินใจที่จะสอนบทเรียนให้กับอ้ายจำเรียน

เปรตใจดีแอบเข้าไปในบ้านของอ้ายจำเรียนขณะที่เขากำลังนอนหลับสนิท เปรตใจดีใช้ผ้าขาวม้าผูกอ้ายจำเรียนไว้กับเสาบ้านแล้วก็เริ่มร้องเพลงอย่างสนุกสนาน

อ้ายจำเรียนตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากผ้าขาวม้าได้ เปรตใจดีร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ จนอ้ายจำเรียนเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา

"โอ๊ย... ฉันหิวแล้ว" อ้ายจำเรียนร้องโอดครวญ

"หิวก็หาน้ำกินสิ" เปรตใจดีพูดพร้อมกับหัวเราะ

อ้ายจำเรียนมองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นมีน้ำอยู่เลย

"ไม่มีน้ำเลย" อ้ายจำเรียนพูด

"ก็กินน้ำลายตัวเองสิ" เปรตใจดีพูด

อ้ายจำเรียนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องกินน้ำลายตัวเองเพื่อดับความหิว

"โอ๊ย... ขมจัง" อ้ายจำเรียนร้อง

เปรตใจดีหัวเราะจนท้องแข็ง

"นี่แหละบทเรียนสำหรับคนขี้เกียจอย่างเจ้า" เปรตใจดีพูด

หลังจากนั้น อ้ายจำเรียนก็เลิกขี้เกียจและเริ่มขยันทำงานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนเปรตใจดีก็ยังคงสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนในหมู่บ้านต่อไป
-----
Q69

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีอีหยิบใจดีขี้เล่น
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเรื่องเล่าขานกันถึงผีสาวใจดีขี้เล่นนามว่า อีหยิบ

อีหยิบเป็นผีสาวที่อาศัยอยู่ในต้นโพธิ์ใหญ่กลางหมู่บ้าน เธอมีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวซีด ผมยาวสลวยดั่งสาหร่าย และดวงตาสีดำสนิทที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น

แม้จะเป็นผี แต่อีหยิบกลับไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เธอชอบแกล้งคนเป็นเล่นๆ เช่น แอบย่องมาสะกิดหลัง หรือแอบหยิบของไปซ่อน แต่ไม่เคยทำร้ายใคร

คืนหนึ่ง ขณะที่ชาวบ้านกำลังนอนหลับ อ้ายจำเรียน หนุ่มน้อยในหมู่บ้านก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแปลกๆ เขาแอบมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นเงาสีขาวกำลังย่องเข้ามาในบ้าน

อ้ายจำเรียนตกใจมาก แต่แล้วเขาก็จำได้ว่าเป็นอีหยิบ จึงค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินตามเธอไป

อีหยิบพาอ้ายจำเรียนไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่ เธอชี้ไปที่โคนต้นไม้และบอกว่า "ข้าซ่อนของไว้ที่นั่น"

อ้ายจำเรียนขุดลงไปที่โคนต้นไม้และพบห่อผ้าผืนหนึ่ง เขาเปิดออกดูและพบว่าข้างในเป็นสร้อยเงินโบราณ

"นี่คือของขวัญจากข้า" อีหยิบกล่าว "ข้าชอบเจ้าที่ไม่กลัวข้า"

อ้ายจำเรียนขอบคุณอีหยิบและสวมสร้อยเงินนั้นไว้ที่คอ ตั้งแต่นั้นมา อีหยิบก็กลายเป็นเพื่อนลับของอ้ายจำเรียน เธอคอยช่วยเหลือเขาในยามยากและทำให้ชีวิตของเขามีสีสันมากขึ้น

และนั่นคือเรื่องเล่าของอีหยิบ ผีสาวใจดีขี้เล่นแห่งหมู่บ้านเล็กๆ ที่แม้จะเป็นผี แต่กลับเป็นที่รักของชาวบ้านทุกคน
-----
Q71

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องอสูรหน้าโหดเหี้ยมแต่ออกติ้งต้อง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีอสูรตนหนึ่งชื่อว่า "อ้ายจำเรียน" เขามีรูปร่างที่น่ากลัว ใบหน้าโหดเหี้ยม และเขี้ยวเล็บที่แหลมคม แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดเกี่ยวกับอ้ายจำเรียนก็คือความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมของเขา

วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้รับเชิญให้แสดงในละครเวที เขารู้สึกตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถของเขาให้คนอื่นเห็น ในระหว่างการซ้อม อ้ายจำเรียนทุ่มเทอย่างเต็มที่ เขาฝึกฝนท่าทาง การแสดงออก และบทพูดของเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เมื่อถึงวันแสดงจริง อ้ายจำเรียนก็ปรากฏตัวบนเวทีด้วยใบหน้าที่น่ากลัวและท่าทางที่ดุดัน แต่เมื่อเขาเริ่มพูดบทของเขา ผู้ชมก็ต้องประหลาดใจ เพราะเสียงของเขาไพเราะและอ่อนโยนราวกับนกไนติงเกล อ้ายจำเรียนแสดงบทบาทของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง จนผู้ชมต่างก็หลั่งน้ำตาและปรบมือให้กับการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขา

หลังจากการแสดงจบลง อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะอสูรที่มีความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์ที่ยอดเยี่ยม เขาได้รับคำเชิญให้แสดงในละครเวทีอีกหลายเรื่อง และทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวบนเวที ผู้ชมก็จะตื่นตาตื่นใจกับการแสดงอันน่าทึ่งของเขา

และนั่นก็คือเรื่องราวของอ้ายจำเรียน อสูรหน้าโหดเหี้ยมแต่ออกติ้งต้อง
-----
Q72

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีทะเลทราย
ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเรื่องเล่าขานของผีทะเลทรายที่น่าขนลุก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่ออ้ายจำเรียน เขาเดินทางข้ามทะเลทรายเพื่อไปยังเมืองที่อยู่ห่างไกล ในขณะที่เขากำลังเดินทาง เขาได้พบกับพายุทรายรุนแรงที่ทำให้เขาหลงทาง

เมื่อพายุซาลง อ้ายจำเรียนพบว่าตัวเองอยู่กลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เขาเดินเตร่ไปมาหลายชั่วโมงโดยไม่พบน้ำหรืออาหาร ในที่สุด ความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวังก็เข้าครอบงำเขา

ขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังจะหมดสติ เขาได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเงาสีขาวลอยอยู่เหนือพื้นทราย เงาค่อยๆ เข้ามาใกล้ และอ้ายจำเรียนก็ตระหนักว่ามันคือผีทะเลทราย

ผีทะเลทรายมีใบหน้าที่ซีดเซียวและดวงตาที่ว่างเปล่า มันลอยอยู่เหนือพื้นทรายราวกับวิญญาณที่ไม่มีตัวตน อ้ายจำเรียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ขณะที่ผีทะเลทรายเข้ามาใกล้

"เจ้าเป็นใคร" อ้ายจำเรียนถามด้วยเสียงสั่นเครือ

"ข้าคือผู้พิทักษ์ทะเลทราย" ผีทะเลทรายตอบด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก "ข้ามาเพื่อพาเจ้าไปยังที่ปลอดภัย"

อ้ายจำเรียนลังเล แต่ความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวังก็ทำให้เขาตัดสินใจ เขาคว้ามือผีทะเลทรายและพวกเขาก็หายตัวไปในความมืด

ผีทะเลทรายพาอ้ายจำเรียนไปยังโอเอซิสที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในทะเลทราย ที่นั่น อ้ายจำเรียนได้พักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายของเขา เมื่อเขาแข็งแรงดีแล้ว ผีทะเลทรายก็พาเขากลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง

ตั้งแต่นั้นมา อ้ายจำเรียนก็เล่าเรื่องผีทะเลทรายให้กับผู้คนที่มาเยือนทะเลทราย เพื่อเตือนพวกเขาถึงอันตรายที่แฝงตัวอยู่ และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเมตตาของผู้พิทักษ์ทะเลทราย
-----
Q73

นิทานอ้ายจำเรียนขอเล่าเรื่องผีแม่น้ำโขง
ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่ไพศาล มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งตั้งอยู่ ชาวบ้านต่างเล่าขานกันถึงเรื่องราวลึกลับของผีแม่น้ำโขงที่คอยเฝ้าปกป้องคุ้มครองหมู่บ้าน

วันหนึ่ง ขณะที่เด็กหนุ่มชื่ออ้ายจำเรียนกำลังเล่นน้ำอยู่ในแม่น้ำ เขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากกลางลำน้ำ อ้ายจำเรียนไม่รอช้า รีบว่ายน้ำไปช่วยเหลือหญิงสาวที่กำลังจมน้ำอยู่อย่างสุดชีวิต

อ้ายจำเรียนช่วยหญิงสาวขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ แต่เมื่อเขาหันกลับไปมอง ก็พบว่าหญิงสาวได้หายวับไปต่อหน้าต่อตา เขาจึงรีบกลับไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชาวบ้านฟัง

ชาวบ้านต่างตกใจกับเรื่องราวของอ้ายจำเรียน และเชื่อว่าหญิงสาวที่เขาช่วยขึ้นมาจากน้ำนั้นคือผีแม่น้ำโขงที่คอยปกป้องคุ้มครองหมู่บ้าน พวกเขาจึงจัดพิธีเซ่นไหว้เพื่อขอบคุณผีแม่น้ำโขงที่ช่วยชีวิตอ้ายจำเรียน

ตั้งแต่นั้นมา อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นคนสำคัญของหมู่บ้าน เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเมตตาจากผีแม่น้ำโขง และชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าผีแม่น้ำโขงจะคอยปกป้องคุ้มครองหมู่บ้านตราบชั่วนิรันดร์
-----
Q74

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม