นิทานอ้ายจำเรียนตอนยักษ์

แต่งนิทานยักษ์ตัวน้อยขยันไปโรงเรียนแต่เช้ามีนามว่าอ้ายจำเรียน
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กชายตัวเล็กๆ ชื่ออ้ายจำเรียน เขาเป็นเด็กขยันและตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อไปโรงเรียน

เช้าวันหนึ่ง อ้ายจำเรียนตื่นแต่เช้าตรู่และเตรียมตัวไปโรงเรียน เขาแปรงฟัน ล้างหน้า และสวมชุดนักเรียนที่สะอาด เมื่อเขาเตรียมตัวเสร็จแล้ว เขาก็ออกจากบ้านและเดินไปโรงเรียน

ระหว่างทางไปโรงเรียน อ้ายจำเรียนพบกับเพื่อนๆ ของเขาที่กำลังเดินไปโรงเรียนเช่นกัน พวกเขาคุยกันและหัวเราะอย่างสนุกสนาน พวกเขาเดินไปโรงเรียนด้วยกันและมาถึงตรงเวลา

เมื่ออ้ายจำเรียนมาถึงโรงเรียน เขาก็เข้าแถวกับเพื่อนๆ ของเขาและรอให้ครูมา ครูเข้ามาและเริ่มสอนบทเรียน อ้ายจำเรียนตั้งใจฟังและจดบันทึกอย่างขยันขันแข็ง

หลังจากเรียนเสร็จ อ้ายจำเรียนก็กลับบ้าน เขาเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในวันนั้น เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาก็เล่าให้พ่อแม่ฟังว่าเขาเรียนอะไรในวันนั้น

พ่อแม่ของอ้ายจำเรียนภูมิใจในตัวเขามาก พวกเขาบอกเขาว่าเขาเป็นเด็กดีและขยันมาก อ้ายจำเรียนยิ้มและมีความสุขที่ได้ทำให้พ่อแม่ของเขาภูมิใจ
-----
Q45

แต่งนิทานยักษ์ขยันทำงาน
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อาศัยอยู่โดยยักษ์ใจดีและขยันขันแข็งชื่อว่า "ยักษ์ยอร์ก"

ยักษ์ยอร์กแตกต่างจากยักษ์ทั่วไปที่มักจะเกียจคร้านและโลภ เขากลับเป็นยักษ์ที่ขยันขันแข็งและมักจะช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้าน

ทุกเช้า ยักษ์ยอร์กจะออกไปทำงานในป่า เขาจะตัดไม้เพื่อสร้างบ้านให้ชาวบ้าน และยังช่วยชาวนาไถนาด้วย

ชาวบ้านต่างก็รักและเคารพยักษ์ยอร์ก พวกเขาจะนำอาหารและของขวัญมาให้เขาเป็นการตอบแทน

วันหนึ่ง ขณะที่ยักษ์ยอร์กกำลังตัดไม้ในป่า เขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เขาจึงรีบวิ่งไปตามเสียงนั้น

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เขาก็พบว่ามีหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังลำบากอยู่กับการขนฟืนกลับบ้าน

ยักษ์ยอร์กไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือเขา เขาแบกฟืนทั้งหมดไว้บนหลังและพาหญิงชราไปส่งที่บ้าน

หญิงชราขอบคุณยักษ์ยอร์กอย่างซาบซึ้งใจ และเล่าให้เขาฟังว่าเธอเป็นแม่มดที่อาศัยอยู่ในป่า

เพื่อเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือของยักษ์ยอร์ก แม่มดจึงมอบคาถาให้แก่เขา ซึ่งจะทำให้เขาสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีพลังมากขึ้น

ยักษ์ยอร์กใช้คาถานี้เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านมากยิ่งขึ้น เขาสร้างบ้านหลังใหญ่ให้พวกเขา และยังช่วยพวกเขาไถนาได้อย่างรวดเร็ว

ชาวบ้านต่างก็มีความสุขและขอบคุณยักษ์ยอร์กที่คอยช่วยเหลือพวกเขาอยู่เสมอ

และนับจากนั้นเป็นต้นมา ยักษ์ยอร์กก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "ยักษ์ผู้ขยันทำงาน" และเป็นที่รักของชาวบ้านในหมู่บ้านตลอดไป
-----
Q46

แต่งนิทานยักษ์ตัวใหญ่พิทักษ์ป่าไม้
ในดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล มีป่าไม้เขียวชอุ่มที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมาย แต่แล้ววันหนึ่ง ความชั่วร้ายก็คืบคลานเข้ามาในรูปของกลุ่มคนโลภที่ต้องการโค่นต้นไม้เพื่อแสวงหาผลกำไร

ขณะที่ความมืดมิดแผ่ขยายไปทั่วป่าไม้ ยักษ์ตัวใหญ่ใจดีนามว่า "อาร์บอร์" ก็ปรากฏตัวขึ้น อาร์บอร์เป็นผู้พิทักษ์ป่าไม้มาช้านาน ด้วยพละกำลังมหาศาลและความรักในธรรมชาติอย่างสุดซึ้ง เขาจึงสาบานว่าจะปกป้องบ้านของเขาจากอันตรายใดๆ

เมื่อกลุ่มคนโลภเริ่มโค่นต้นไม้ อาร์บอร์ก็ก้าวออกมาจากเงามืด ร่างกายอันใหญ่โตของเขาสั่นสะเทือนไปทั่วป่าไม้ เขาระเบิดเสียงคำรามที่ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน คนโลภตกใจกลัวและหยุดการกระทำของตนในทันที

อาร์บอร์ยืนขวางหน้าพวกเขา แขนกางกว้างราวกับจะปกป้องป่าไม้ไว้ด้วยชีวิตของเขา "ถอยไป" เขากล่าวด้วยเสียงอันดังกึกก้อง "ที่นี่คือบ้านของฉัน และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายมัน"

คนโลภลังเล พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่มีพลังและความกล้าหาญเช่นนี้มาก่อน ในที่สุด ความกลัวก็ครอบงำพวกเขา และพวกเขาก็ถอยหนีไป

ด้วยการกระทำอันกล้าหาญของอาร์บอร์ ป่าไม้จึงได้รับการปกป้อง และสัตว์ป่าก็ปลอดภัยอีกครั้ง อาร์บอร์กลายเป็นตำนานในหมู่ชาวป่า และเรื่องราวของเขาถูกเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

และนับจากนั้นเป็นต้นมา อาร์บอร์ก็ยังคงยืนหยัดเป็นผู้พิทักษ์ป่าไม้ คอยปกป้องบ้านของเขาจากทุกสิ่งที่อาจเป็นอันตราย และรับรองว่าความงามและความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้จะคงอยู่ชั่วกาลนาน
-----
Q47

แต่งนิทานยักษ์ตัวใหญ่มีแสดงมายากล
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีป่าลึกลับที่อาศัยอยู่ด้วยยักษ์ตัวใหญ่ใจดีชื่อว่า "ยักษ์โยโย่" ยักษ์โยโย่มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีเขียว และมีหนวดเครายาวสีขาว

วันหนึ่ง ยักษ์โยโย่ตัดสินใจออกจากป่าเพื่อแสดงมายากลให้กับผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียง เมื่อเขาไปถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างตกใจและตื่นเต้นกับรูปร่างของเขา แต่ยักษ์โยโย่กลับยิ้มอย่างใจดีและบอกว่าเขาไม่ได้มาเพื่อทำร้ายใคร

ยักษ์โยโย่เริ่มการแสดงของเขาด้วยการเสกเชือกเส้นยาวออกมาจากหมวกของเขา เชือกเส้นนั้นยาวและแข็งแรงมาก ยักษ์โยโย่ใช้เชือกผูกมัดตัวเองและเหวี่ยงตัวขึ้นไปในอากาศ ชาวบ้านต่างปรบมือและร้องว้าวกันอย่างตื่นเต้น

จากนั้น ยักษ์โยโย่ก็เสกดอกไม้หลากสีสันออกมาจากปลายนิ้วของเขา ดอกไม้เหล่านั้นลอยอยู่ในอากาศและหมุนวนไปมาอย่างสวยงาม ชาวบ้านต่างชื่นชมความงามของดอกไม้และความสามารถของยักษ์โยโย่

สุดท้าย ยักษ์โยโย่เสกโต๊ะและเก้าอี้ออกมาจากพื้นดิน แล้วเขาก็เชิญชาวบ้านมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน ยักษ์โยโย่เสกอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อยออกมาจากโต๊ะ ชาวบ้านต่างกินและดื่มอย่างมีความสุข

เมื่อการแสดงจบลง ชาวบ้านต่างปรบมือและขอบคุณยักษ์โยโย่สำหรับการแสดงที่สนุกสนาน ยักษ์โยโย่ยิ้มอย่างมีความสุขและบอกว่าเขายินดีที่จะกลับมาแสดงให้พวกเขาอีกครั้งในอนาคต

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ยักษ์โยโย่ก็กลายเป็นที่รักของชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น เขาใช้ความสามารถในการแสดงมายากลเพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน
-----
Q48

แต่งนิทานยักษ์ตัวตลกน่ารักมาก
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีป่าลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่จากสายตาของมนุษย์ ที่นั่นอาศัยยักษ์ตัวตลกชื่อ "จิ๊กเกิ้ล"

จิ๊กเกิ้ลไม่เหมือนยักษ์ตัวอื่นๆ เขาตัวเล็กและอ้วนท้วน ใบหน้ากลมโตมีรอยยิ้มกว้าง และดวงตาสีฟ้าที่เปล่งประกายด้วยความสนุกสนาน เขาชอบเล่นตลกและทำให้ผู้อื่นหัวเราะ

วันหนึ่ง จิ๊กเกิ้ลกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องไห้ เขาตามเสียงนั้นไปจนพบกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ นั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้

"ทำไมเจ้าถึงร้องไห้ล่ะหนู" จิ๊กเกิ้ลถาม

"ฉัน... ฉันหลงทาง" เด็กหญิงสะอื้น "ฉันหาทางกลับบ้านไม่เจอ"

"ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะช่วยเจ้า" จิ๊กเกิ้ลกล่าว เขาจับมือเด็กหญิงและพาเธอเดินไปตามเส้นทาง

ขณะที่พวกเขากำลังเดิน จิ๊กเกิ้ลก็เล่าเรื่องตลกและทำท่าตลกๆ เพื่อทำให้เด็กหญิงหัวเราะ เธอลืมความกลัวไปชั่วขณะและเริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข

ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านของเด็กหญิง เธอขอบคุณจิ๊กเกิ้ลสำหรับความช่วยเหลือและวิ่งกลับบ้านไป

จากวันนั้นเป็นต้นมา จิ๊กเกิ้ลก็เป็นที่รู้จักในฐานะยักษ์ตัวตลกที่น่ารักและใจดี เขาใช้เวลาของเขาในการทำให้ผู้อื่นมีความสุขและสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่เขาพบ
-----
Q49

แต่งนิทานยักษ์อารมณ์ดีฮาๆๆ
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ใต้เงาของยักษ์ใจดีชื่อจัมโบ้ จัมโบ้เป็นยักษ์ที่สูงใหญ่และแข็งแรง แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่ายักษ์อื่นๆ คืออารมณ์ขันที่ติดตัวมาตลอด

วันหนึ่ง ขณะที่จัมโบ้กำลังเดินผ่านหมู่บ้าน เขาได้ยินเสียงเด็กๆ หัวเราะคิกคักอยู่ที่จัตุรัสเมือง จัมโบ้เดินเข้าไปหาและพบว่าเด็กๆ กำลังเล่นเกมซ่อนหา เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมด้วย

จัมโบ้ซ่อนตัวอยู่หลังกองฟางขนาดใหญ่ เด็กๆ วิ่งไปทั่วจัตุรัส พยายามหาเขา แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ในที่สุด เด็กคนหนึ่งก็ตะโกนว่า "เจอแล้ว!"

เด็กๆ วิ่งไปยังกองฟางและพบจัมโบ้ซ่อนตัวอยู่ข้างใน พวกเขาหัวเราะอย่างมีความสุขเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นยักษ์เล่นซ่อนหากับพวกเขามาก่อน

จัมโบ้ก็หัวเราะไปด้วย เขาชอบที่ได้เห็นเด็กๆ มีความสุข ในวันนั้น จัมโบ้ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเด็กๆ ในหมู่บ้าน และพวกเขาก็มีช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานร่วมกันมากมาย

ในอีกวันหนึ่ง จัมโบ้กำลังเดินไปตามป่าเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องไห้ เขาเดินตามเสียงไปและพบกับหญิงสาวคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ริมลำธาร

จัมโบ้ถามหญิงสาวว่าเกิดอะไรขึ้น เธอบอกว่าเธอทำสร้อยคออันมีค่าของเธอหายไป จัมโบ้จึงเสนอตัวช่วยหา

จัมโบ้ใช้ขนาดตัวที่ใหญ่ของเขาเพื่อมองข้ามต้นไม้และพุ่มไม้ เขาเห็นสร้อยคอของหญิงสาวแขวนอยู่บนกิ่งไม้สูง จัมโบ้เอื้อมมือขึ้นไปและหยิบสร้อยคอมาให้เธอ

หญิงสาวดีใจมากและขอบคุณจัมโบ้ จัมโบ้ก็ดีใจเช่นกันที่ได้ช่วยเธอ ในวันนั้น จัมโบ้ได้กลายเป็นฮีโร่ของหญิงสาว และพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

จัมโบ้เป็นยักษ์ที่พิเศษมาก เขาไม่เพียงแต่ใจดีและแข็งแรงเท่านั้น แต่เขายังมีอารมณ์ขันที่ทำให้ทุกคนรอบข้างมีความสุข เขาเป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้าน และพวกเขาก็รู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนอย่างจัมโบ้
-----
Q50

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม