รวมนิทานอ้ายจำเรียน

นิทานเรื่อง "อ้ายจำเรียน หัวหน้าห้องดีเด่น"
ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชื่อ "อ้ายจำเรียน" อ้ายจำเรียนเป็นเด็กที่เรียนเก่งและชอบช่วยเหลือเพื่อนๆ อยู่มาวันหนึ่ง ครูประจำชั้นประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งหัวหน้าห้องใหม่

อ้ายจำเรียนตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะอยากเป็นหัวหน้าห้องที่ดีและนำพาเพื่อนๆ ไปในทางที่ดี ครูประจำชั้นได้กำหนดให้มีการหาเสียง โดยให้นักเรียนแต่ละคนนำเสนอนโยบายของตนเองต่อหน้าเพื่อนๆ

อ้ายจำเรียนหาเสียงด้วยการนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ เช่น จัดกิจกรรมสนุกๆ ในห้องเรียน ช่วยเพื่อนๆ ที่เรียนไม่ทัน และเป็นตัวแทนเพื่อนๆ ในการพูดคุยกับครู

ในวันเลือกตั้ง เพื่อนๆ ต่างก็ลงคะแนนให้อ้ายจำเรียนด้วยความเต็มใจ เพราะเชื่อว่าอ้ายจำเรียนจะเป็นหัวหน้าห้องที่ดีได้

หลังจากการนับคะแนนเสร็จสิ้น ปรากฏว่าอ้ายจำเรียนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้องด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น อ้ายจำเรียนดีใจมากและสัญญาว่าจะทำหน้าที่หัวหน้าห้องให้ดีที่สุด

อ้ายจำเรียนได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ทุกประการ ห้องเรียนของอ้ายจำเรียนจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสามัคคี เพื่อนๆ ต่างก็รักและเคารพอ้ายจำเรียนในฐานะหัวหน้าห้อง

และนี่คือเรื่องราวของ "อ้ายจำเรียน หัวหน้าห้องดีเด่น" ที่แสดงให้เห็นว่าการเป็นหัวหน้าห้องที่ดีนั้น ไม่เพียงแต่ต้องเรียนเก่งเท่านั้น แต่ยังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความรับผิดชอบ ความมีน้ำใจ และความเป็นผู้นำ
-----
Q312
นิทานอ้ายจำเรียนตอนในวัดร้าง
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน เป็นเด็กหัวหน้าห้องที่เรียนเก่งและฉลาดมาก วันหนึ่ง ครูประจำชั้นได้มอบหมายให้อ้ายจำเรียนพานักเรียนในห้องไปทัศนศึกษาที่วัดร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ชานเมือง

อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ตื่นเต้นมากที่จะได้ไปผจญภัยในวัดร้าง พวกเขาเตรียมเสบียงและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบครัน แล้วออกเดินทางไปยังวัดร้างด้วยกัน

เมื่อมาถึงวัดร้าง พวกเขาก็พบว่าวัดนี้เก่าและทรุดโทรมมาก มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ เริ่มสำรวจวัดร้างอย่างระมัดระวัง

ขณะที่กำลังเดินสำรวจอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากด้านหลังโบสถ์ พวกเขาเดินตามเสียงไปและพบว่ามีประตูเล็กๆ อยู่ด้านหลังโบสถ์ อ้ายจำเรียนใช้กุญแจที่ครูให้มาไขประตูและเปิดเข้าไป

เมื่อประตูเปิดออก พวกเขาก็พบว่ามีบันไดวนอยู่ด้านใน อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ตัดสินใจลงไปสำรวจด้านล่าง

เมื่อลงไปถึงด้านล่าง พวกเขาก็พบว่าเป็นห้องใต้ดินที่กว้างขวาง มีหีบสมบัติเก่าๆ วางอยู่หลายใบ อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ตื่นเต้นมาก รีบวิ่งเข้าไปเปิดหีบสมบัติแต่ละใบ

ในหีบสมบัติใบแรก พวกเขาพบเครื่องประดับทองคำมากมาย ในหีบสมบัติใบที่สอง พวกเขาพบอัญมณีล้ำค่ามากมาย และในหีบสมบัติใบสุดท้าย พวกเขาพบแผนที่สมบัติที่บอกว่ามีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่ในวัดร้างแห่งนี้

อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ดีใจมาก รีบตามแผนที่สมบัติไปและพบว่าสมบัติที่ซ่อนอยู่นั้นเป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ พวกเขานำพระพุทธรูปทองคำกลับไปที่หมู่บ้านและมอบให้กับวัดในหมู่บ้าน

ตั้งแต่นั้นมา วัดร้างแห่งนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของหมู่บ้าน และอ้ายจำเรียนก็กลายเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้านที่พานักเรียนผจญภัยในวัดร้างและค้นพบสมบัติล้ำค่า
-----
Q313

นิทานอ้ายจำเรียนตอนบ้านร้าง
ในหมู่บ้านอันเงียบสงบ มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน เขาเป็นหัวหน้าห้องที่ฉลาดและกล้าหาญ วันหนึ่ง ขณะที่กำลังเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ อ้ายจำเรียนได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากบ้านร้างหลังหนึ่ง

ความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำ อ้ายจำเรียนจึงชวนเพื่อนๆ ผจญภัยเข้าไปในบ้านร้างนั้น บ้านหลังนั้นมืดและเต็มไปด้วยฝุ่น พวกเขาเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงห้องใต้หลังคา

ในห้องใต้หลังคา พวกเขาพบกับกล่องไม้เก่าๆ ใบหนึ่ง อ้ายจำเรียนเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง ภายในกล่องมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง เขารีบหยิบขึ้นมาอ่าน

สมุดบันทึกเล่มนั้นเล่าเรื่องราวของเด็กหญิงชื่อลินดา ผู้ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในบ้านร้างหลังนี้เมื่อนานมาแล้ว ลินดาเขียนว่าเธอได้ซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้ในบ้านหลังนี้

อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ตื่นเต้นมาก พวกเขาเริ่มค้นหาสมบัติตามคำใบ้ในสมุดบันทึก จนในที่สุดก็พบหีบสมบัติใบหนึ่งซ่อนอยู่ใต้บันได

พวกเขาเปิดหีบสมบัติออกและพบกับของมีค่ามากมาย เช่น ทองคำ เพชร และเครื่องประดับ อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ดีใจมาก พวกเขานำสมบัติกลับไปยังหมู่บ้านและแบ่งปันให้กับทุกคน

ตั้งแต่นั้นมา อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ก็กลายเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน และบ้านร้างหลังนั้นก็กลายเป็นสถานที่แห่งความลึกลับและการผจญภัยที่เล่าขานกันมาชั่วลูกชั่วหลาน
-----
Q314

นิทานอ้ายจำเรียนตอนป่าช้า
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน เป็นเด็กเรียนดีและเป็นหัวหน้าห้องของโรงเรียนประถมในหมู่บ้านนั้น วันหนึ่ง ครูประจำชั้นได้มอบหมายให้อ้ายจำเรียนพานักเรียนในห้องไปทัศนศึกษาที่ป่าช้าใกล้ๆ หมู่บ้าน

อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆ ตื่นเต้นมากที่จะได้ไปผจญภัยในป่าช้า พวกเขาเตรียมเสบียงและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบครัน เมื่อไปถึงป่าช้า พวกเขาก็พบกับความมืดและเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดผ่านต้นไม้และเสียงนกร้องประปราย

ขณะที่พวกเขากำลังเดินสำรวจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากพุ่มไม้ข้างทาง ทุกคนตกใจและหยุดชะงัก อ้ายจำเรียนค่อยๆ เดินเข้าไปดูอย่างระมัดระวัง และพบว่าเป็นเพียงแมวตัวหนึ่งที่กำลังเล่นอยู่

พวกเขาก็โล่งใจและเดินต่อไป จนกระทั่งมาถึงสุสานแห่งหนึ่ง พวกเขาเห็นหลุมศพที่ถูกขุดไว้ใหม่ๆ และมีโลงศพตั้งอยู่ข้างๆ หลุม

เด็กๆ ต่างพากันกลัวและอยากกลับบ้าน แต่หัวหน้าห้องอ้ายจำเรียนกลับบอกให้ทุกคนใจเย็นๆ และพาพวกเขาเข้าไปดูใกล้ๆ พวกเขาพบว่าในโลงศพนั้นมีร่างของชายชราคนหนึ่งนอนอยู่

อ้ายจำเรียนเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า ชายชราคนนี้เป็นคนดีของหมู่บ้านที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ และการที่พวกเขามาพบร่างของชายชราในวันนี้ก็เป็นเหมือนการแสดงความเคารพครั้งสุดท้าย

เด็กๆ ต่างพากันนิ่งเงียบและก้มหัวลงเพื่อแสดงความเคารพ จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกจากสุสานและกลับไปที่โรงเรียน

การผจญภัยในป่าช้าครั้งนี้ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งความกล้าหาญ ความเคารพ และความไม่ประมาท และพวกเขาก็จะจดจำประสบการณ์ครั้งนี้ไปตลอดชีวิต
-----
Q315

นิทานอ้ายจำเรียนตอนแม่น้ำ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน เป็นเด็กเรียนดีมากจนได้เป็นหัวหน้าห้อง วันหนึ่งครูให้การบ้านให้นักเรียนไปสำรวจแม่น้ำที่อยู่หลังหมู่บ้าน

อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆจึงชวนกันไปสำรวจแม่น้ำหลังหมู่บ้าน แต่พอไปถึงกลับพบว่าแม่น้ำนั้นกว้างมากและไหลเชี่ยวมาก จนไม่สามารถข้ามไปได้

อ้ายจำเรียนจึงคิดหาวิธีที่จะข้ามแม่น้ำไปให้ได้ เขาคิดอยู่นานจนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่า เขาเคยเห็นชาวบ้านใช้เรือข้ามฟาก จึงชวนเพื่อนๆไปหาเรือมาข้ามแม่น้ำ

เมื่อได้เรือมาแล้ว อ้ายจำเรียนก็พายเรือข้ามแม่น้ำไปพร้อมกับเพื่อนๆ แต่ระหว่างทางเรือกลับล่มลง ทำให้อ้ายจำเรียนและเพื่อนๆตกน้ำ

อ้ายจำเรียนพยายามว่ายน้ำไปเกาะกิ่งไม้ที่อยู่ริมฝั่ง แต่กระแสน้ำไหลเชี่ยวมากจนทำให้เขาเกือบจะจมน้ำ แต่โชคดีที่มีชาวบ้านมาเห็นและช่วยไว้ได้ทัน

เมื่อชาวบ้านช่วยอ้ายจำเรียนและเพื่อนๆขึ้นมาได้แล้ว ก็พาไปส่งที่บ้าน และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองของเด็กๆฟัง

ผู้ปกครองของเด็กๆจึงขอบคุณชาวบ้านที่ช่วยเหลือลูกหลานของตน และสอนลูกหลานของตนให้รู้จักคิดและแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ และไม่ประมาทในการทำสิ่งต่างๆ
-----
Q316

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม