นิทานอ้ายจำเรียนตอนยักษ์


นิทานยักษ์ผู้ปราบผู้ฉ้อราษฎร์บังหลวง
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ถูกปกครองโดยผู้ฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ชื่อว่า "เจ้าเมืองทุจริต" เขาเก็บภาษีอย่างหนักหน่วงจากชาวบ้าน และใช้เงินที่ได้ไปสร้างความสุขให้กับตนเอง

ชาวบ้านทุกข์ทรมานจากการกระทำของเจ้าเมืองทุจริต พวกเขาไม่สามารถทนทานกับการกดขี่ได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจไปหา "ยักษ์ปราบโกง" ซึ่งเป็นยักษ์ใจดีที่อาศัยอยู่ในป่าใกล้หมู่บ้าน

ยักษ์ปราบโกงรับฟังเรื่องราวของชาวบ้านด้วยความโกรธ เขาตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพวกเขาและลงโทษเจ้าเมืองทุจริต

ยักษ์ปราบโกงเดินไปที่วังของเจ้าเมืองทุจริต และเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว เจ้าเมืองทุจริตตกใจกลัวเมื่อเห็นยักษ์ใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาพยายามจะวิ่งหนี แต่ยักษ์ปราบโกงก็จับเขาไว้ได้

ยักษ์ปราบโกงนำเจ้าเมืองทุจริตกลับไปที่หมู่บ้าน และให้ชาวบ้านตัดสินความผิดของเขา ชาวบ้านตัดสินให้เจ้าเมืองทุจริตมีความผิด และให้ยักษ์ปราบโกงลงโทษเขา

ยักษ์ปราบโกงโยนเจ้าเมืองทุจริตลงไปในคุก และล็อกประตูอย่างแน่นหนา ชาวบ้านดีใจมากที่ได้กำจัดเจ้าเมืองทุจริตออกไปจากหมู่บ้านของพวกเขา

ตั้งแต่นั้นมา ยักษ์ปราบโกงก็กลายเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน ชาวบ้านเคารพและยกย่องเขาในฐานะผู้พิทักษ์ความยุติธรรม และหมู่บ้านก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
-----
Q347

แต่งนิทานยักษ์ใจดีลงโทษเด็กนักเรียน
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เด็กๆ ไม่ชอบเรียนหนังสือ พวกเขาชอบเล่นซนและเกเรมากกว่า

วันหนึ่ง ยักษ์ใจดีตนหนึ่งได้ยินเรื่องราวของเด็กๆ เหล่านี้ ยักษ์ใจดีจึงตัดสินใจไปเยี่ยมหมู่บ้านเพื่อสอนบทเรียนให้เด็กๆ

เมื่อยักษ์ใจดีมาถึงหมู่บ้าน เด็กๆ ต่างก็ตกใจกลัวและวิ่งหนีไปซ่อน แต่ยักษ์ใจดีไม่โกรธ เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า "อย่ากลัวเลยเด็กๆ ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยพวกหนู"

เด็กๆ ค่อยๆ ออกมาจากที่ซ่อนและฟังยักษ์ใจดีพูด ยักษ์ใจดีบอกเด็กๆ ว่าการเรียนหนังสือเป็นสิ่งสำคัญมาก มันจะช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในชีวิตและทำให้โลกใบนี้เป็นสถานที่ที่ดีกว่า

เด็กๆ ฟังยักษ์ใจดีพูดแล้วก็เริ่มเข้าใจ พวกเขาสัญญากับยักษ์ใจดีว่าจะตั้งใจเรียนหนังสือและจะไม่เกเรอีกต่อไป

ยักษ์ใจดีดีใจมากที่เด็กๆ เข้าใจ เขาจึงให้รางวัลเป็นของเล่นและขนมแก่เด็กๆ ทุกคน เด็กๆ ต่างก็มีความสุขและขอบคุณยักษ์ใจดี

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เด็กๆ ในหมู่บ้านก็ตั้งใจเรียนหนังสือกันมากขึ้น พวกเขาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมายและเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดและมีคุณค่า
-----
Q349


แต่งนิทานยักษ์พาไปปีนเขาเอเวอร์เรส
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันเขียวขจี หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "หมู่บ้านแห่งความฝัน" เพราะชาวบ้านมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก

ทว่าความฝันของชาวบ้านดูจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการปีนเขา และไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็น แต่แล้ววันหนึ่ง ยักษ์ใจดีตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้าน ยักษ์ตนนี้มีชื่อว่า "ยักษ์อลิซ" และได้ยินเรื่องราวความฝันของชาวบ้าน

ยักษ์อลิซรู้สึกประทับใจในความมุ่งมั่นของชาวบ้าน จึงตัดสินใจช่วยเหลือพวกเขา ยักษ์อลิซใช้เวทมนตร์ของตนสร้างอุปกรณ์ปีนเขาที่ทันสมัยที่สุดให้กับชาวบ้าน และยังฝึกฝนให้พวกเขามีความแข็งแกร่งและทักษะในการปีนเขา

หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน ชาวบ้านก็พร้อมสำหรับการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาออกเดินทางจากหมู่บ้านแห่งความฝันพร้อมกับยักษ์อลิซเป็นผู้นำทาง

การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตราย ชาวบ้านต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย หิมะถล่ม และสัตว์ป่าที่ดุร้าย แต่ด้วยความช่วยเหลือของยักษ์อลิซ พวกเขาก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้

ในที่สุด หลังจากหลายสัปดาห์ของการเดินทาง ชาวบ้านก็มาถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ พวกเขายืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก มองเห็นทิวทัศน์อันงดงามที่อยู่เบื้องล่าง

ชาวบ้านรู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างที่สุดที่ได้พิชิตความฝันของตนเอง พวกเขาขอบคุณยักษ์อลิซสำหรับความช่วยเหลือและการสนับสนุน

ยักษ์อลิซยิ้มอย่างภาคภูมิใจและกล่าวว่า "ฉันดีใจที่ได้ช่วยพวกเจ้าให้บรรลุความฝัน ขอให้พวกเจ้าจงมีความสุขและจงอย่าลืมว่าทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้หากมีความมุ่งมั่นและความช่วยเหลือจากผู้อื่น"

ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านแห่งความฝันก็กลายเป็นนักปีนเขาที่เก่งกาจ และพวกเขาก็ยังคงเล่าขานเรื่องราวของยักษ์ใจดีที่ช่วยให้พวกเขาพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จในปี 2024
-----
Q350

นิทานยักษ์สอนหนังสือ
ในหมู่บ้านอันแสนสงบสุขแห่งหนึ่ง มีโรงเรียนเล็กๆ ที่มีคุณครูใจดีชื่อว่าครูรินทร์ วันหนึ่ง ครูรินทร์ต้องเดินทางไปธุระด่วน จึงไม่สามารถมาสอนหนังสือได้

นักเรียนในห้องต่างเศร้าโศก เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหากไม่มีคุณครู แต่แล้ว ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังกึกก้องมาจากนอกห้อง

"ใครต้องการให้ฉันสอนหนังสือแทนคุณครูไหมล่ะ?"

นักเรียนต่างหันไปมองที่ประตู และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นยักษ์ตัวใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น ยักษ์ตัวนั้นมีผิวสีเขียว ผมยาวสีดำ และดวงตาสีแดงก่ำ

"ไม่ต้องกลัว" ยักษ์กล่าว "ฉันชื่อยักษ์เขียว ฉันจะมาสอนหนังสือให้พวกเธอเอง"

นักเรียนต่างลังเล แต่ก็ยอมให้ยักษ์เขียวเข้ามาในห้องเรียน ยักษ์เขียวเริ่มต้นสอนโดยการเล่าเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการผจญภัยของเขาในป่า

นักเรียนฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ายักษ์จะสามารถสอนหนังสือได้ดีขนาดนี้ ยักษ์เขียวสอนเรื่องต่างๆ มากมาย เช่น การอ่าน การเขียน และคณิตศาสตร์

เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน ยักษ์เขียวก็พานักเรียนไปเล่นเกมในป่า พวกเขาเล่นซ่อนหาและวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน เมื่อถึงเวลากลับเข้าห้องเรียน นักเรียนต่างก็รู้สึกสดชื่นและกระตือรือร้น

ยักษ์เขียวสอนหนังสือให้นักเรียนจนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน นักเรียนต่างขอบคุณยักษ์เขียวสำหรับการสอนที่สนุกและมีประโยชน์

"ฉันหวังว่าพวกเธอจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมายในวันนี้" ยักษ์เขียวกล่าว "และฉันหวังว่าพวกเธอจะไม่กลัวฉันอีกต่อไป"

นักเรียนต่างส่ายหัวและยิ้มให้ยักษ์เขียว "เราไม่กลัวคุณแล้วล่ะยักษ์เขียว" พวกเขากล่าว "คุณเป็นครูที่ดีที่สุดเลย"

ยักษ์เขียวโบกมือลาและเดินออกจากห้องเรียน นักเรียนต่างโบกมือกลับและตะโกนว่า "ขอบคุณยักษ์เขียว!"

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ยักษ์เขียวก็กลายมาเป็นครูประจำของโรงเรียนแห่งนั้น เขาเป็นครูที่ใจดีและมีประสิทธิภาพ นักเรียนทุกคนรักและเคารพเขา
-----
Q351

นิทานยักษ์หัวหน้าห้องคนใหม่
มีนักคนหนึ
เป็นหัวหน้าห้องชั้นเรียนประถมศึกษาปีที่๓คนใหม่มีนามว่าอ้ายจำเรียน
ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง มีการเลือกตั้งหัวหน้าห้องชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เลือกหัวหน้าห้องคนใหม่

หลังจากการนับคะแนนอย่างดุเดือด ผลปรากฏว่า "อ้ายจำเรียน" ยักษ์ใจดีตัวเขียวได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องคนใหม่

อ้ายจำเรียนเป็นยักษ์ที่แตกต่างจากยักษ์ตนอื่นๆ เขาไม่ดุร้ายหรือชอบกินเด็ก แต่กลับเป็นยักษ์ที่อ่อนโยนและฉลาด

เมื่ออ้ายจำเรียนเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าห้อง เขาได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักเรียนทุกคนด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ของเขา

วันหนึ่ง มีนักเรียนสองคนทะเลาะกันอย่างรุนแรง อ้ายจำเรียนไม่ดุหรือลงโทษพวกเขา แต่กลับพาพวกเขาไปที่มุมสงบและช่วยให้พวกเขาพูดคุยกันอย่างใจเย็น

ด้วยความอดทนและความเข้าใจของอ้ายจำเรียน นักเรียนทั้งสองก็สามารถตกลงกันได้และกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีกครั้ง

นอกจากนี้ อ้ายจำเรียนยังคิดกิจกรรมสนุกๆ มากมายให้กับเพื่อนๆ ในห้อง เช่น การเล่นเกมกระดาน การเล่านิทาน และการจัดการแสดงละคร

ด้วยความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมและความใจดีของอ้ายจำเรียน ห้องเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 จึงกลายเป็นสถานที่ที่สนุกสนานและอบอุ่นสำหรับนักเรียนทุกคน
-----
Q352

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม