รววมนิทาน

ค่ะ นี่คือ นิทานเรื่องมานะชวนอ้ายจำเรียนไปทำการบ้านที่บ้าน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายสองคนชื่อ มานะ และ อ้ายจำ มานะเป็นเด็กที่ขยันและตั้งใจเรียน ส่วนอ้ายจำเป็นเด็กที่เกียจคร้านและไม่ชอบเรียนหนังสือ

วันหนึ่ง ครูสั่งการบ้านให้เด็กๆ ไปทำที่บ้าน มานะรีบกลับบ้านไปทำการบ้านทันที ส่วนอ้ายจำกลับบ้านไปนอนเล่น

มานะทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยและทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในวันนั้นอีกครั้ง ส่วนอ้ายจำตื่นขึ้นมาตอนเย็นและเพิ่งจะเริ่มทำการบ้าน

มานะทำการบ้านเสร็จก่อนและได้ทบทวนบทเรียนไปหลายรอบแล้ว ส่วนอ้ายจำทำการบ้านไม่เสร็จและไม่เข้าใจบทเรียนเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ครูถามการบ้านเด็กๆ มานะตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมด ส่วนอ้ายจำตอบคำถามไม่ได้เลย ครูจึงดุอ้ายจำและสั่งให้ไปทำการบ้านให้เสร็จ

อ้ายจำรู้สึกละอายใจมากที่ทำการบ้านไม่เสร็จและตอบคำถามไม่ได้ เขาจึงตั้งใจว่าจะขยันเรียนและทำการบ้านให้เสร็จทุกวัน

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำก็กลายเป็นเด็กที่ขยันและตั้งใจเรียนเหมือนมานะ และทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
-----
Q367

นิทานเรื่อง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า "อ้าย" อ้ายเป็นเด็กที่ขยันและซื่อสัตย์มาก วันหนึ่งขณะที่อ้ายกำลังเดินอยู่ในป่า เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงคนหนึ่ง อ้ายรีบวิ่งไปดูและพบว่าเด็กหญิงคนนั้นกำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ อ้ายจึงถามเด็กหญิงว่าเกิดอะไรขึ้น

เด็กหญิงเล่าให้อ้ายฟังว่า เธอชื่อ "จำเรียน" และเธอกำลังตามหาพ่อของเธอที่หายตัวไป จำเรียนบอกว่าพ่อของเธอเป็นนักล่าสัตว์ และเมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อของเธอได้ออกไปล่าสัตว์ในป่าแล้วก็หายตัวไปตั้งแต่นั้นมา อ้ายสงสารจำเรียนมาก จึงอาสารับช่วยตามหาพ่อของเธอ

อ้ายและจำเรียนเดินตามรอยเท้าของพ่อจำเรียนเข้าไปในป่าลึก พวกเขาเดินไปได้ไม่นานก็พบกับดวงแก้ววิเศษดวงหนึ่งวางอยู่บนพื้น ดวงแก้วดวงนี้เปล่งประกายสว่างไสวมาก อ้ายหยิบดวงแก้วขึ้นมาดูและพบว่ามีข้อความเขียนอยู่บนดวงแก้วว่า "ดวงแก้วชูใจ"

อ้ายและจำเรียนไม่รู้ว่าดวงแก้วนี้คืออะไร แต่พวกเขาก็เก็บดวงแก้วไว้กับตัวและเดินทางต่อไป พวกเขาเดินไปได้อีกไม่นานก็พบกับกระท่อมหลังหนึ่ง อ้ายและจำเรียนจึงเข้าไปในกระท่อมเพื่อขอความช่วยเหลือ

ในกระท่อมนั้นมีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ ชายชราเล่าให้อ้ายและจำเรียนฟังว่า พ่อของจำเรียนถูกปีศาจในป่าจับตัวไป ชายชราบอกว่าปีศาจตนนี้มีพลังวิเศษมาก และไม่มีใครสามารถเอาชนะปีศาจตนนี้ได้ อ้ายและจำเรียนตกใจมาก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาตัดสินใจที่จะช่วยพ่อของจำเรียนให้ได้

อ้ายและจำเรียนออกจากกระท่อมและเดินทางต่อไป พวกเขาเดินไปได้ไม่นานก็พบกับปีศาจตนนั้น ปีศาจตนนั้นตัวใหญ่และน่ากลัวมาก อ้ายและจำเรียนกลัวมาก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมหนี พวกเขาหยิบดวงแก้วชูใจขึ้นมาและส่องไปที่ปีศาจ

ทันใดนั้นแสงสว่างจากดวงแก้วก็แผ่กระจายไปทั่วป่า ปีศาจร้องด้วยความเจ็บปวดและหายตัวไปในที่สุด อ้ายและจำเรียนดีใจมาก พวกเขารีบวิ่งไปที่กระท่อมของชายชราและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชายชราฟัง

ชายชราดีใจมากที่รู้ว่าอ้ายและจำเรียนสามารถเอาชนะปีศาจได้ ชายชราพาอ้ายและจำเรียนไปหาพ่อของจำเรียนที่ถูกปีศาจจับตัวไป พ่อของจำเรียนดีใจมากที่ได้เจอลูกสาวอีกครั้ง อ้ายและจำเรียนได้ลาชายชราและเดินทางกลับบ้าน

หลังจากนั้นอ้ายและจำเรียนก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเขาเล่าเรื่องราวการผจญภัยของพวกเขาให้ทุกคนฟัง และทุกคนก็ชื่นชมในความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ของพวกเขา
-----
Q371.1

นิทานชาดกเรื่องชูชก
"ชูชกเป็นพราหมณ์อยู่ในเมืองกลิงคราษฎร์ เที่ยวท่องขอทานไปทั่ว และด้วยนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักอดออม เงินที่ขอเขามาเก็บไว้จึงมากมายเข้าขั้นเศรษฐี ชูชกนำไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้

ครั้นเมื่อกลับไปทวงถาม  ปรากฎว่าเพื่อนได้ใช้เงินหมดไปแล้ว
เลยยกลูกสาวคือนางอมิตดาวัยแรกรุ่นสวยงามให้แทน




ทั้งที่ชูชกมีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่นางอมิตดาก็ขยันปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดีนางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง  ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนางอมิตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดา พราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตนที่มิได้ประพฤติตนเป็น แม่บ้านแม่เรือนอย่างนางอมิตดา

ทำให้พวกภรรยาพราหมณ์อิจฉาริษยามาคอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวัน

นางอมิตดามาเล่าให้ชูชกฟัง ชูชกจึงบอกว่าต่อไปนี้นางไม่ต้องทำการงานสิ่งใด
ชูชกจะเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่าง นางอมิตดาจึงว่า ..


"ภรรยาที่ดีจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร จะปล่อยให้สามีมาปรนนิบัติรับใช้ เราทำไม่ได้หรอก ลูกหญิงที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาดี ย่อมจะไม่นั่งนอนอยู่เฉยๆ ดีแต่ชี้นิ้วให้ผู้อื่นปรนนิบัติตน นี่แน่ะ ชูชก ถ้าท่านรักเราจริง ท่านจงไปหาบริวารมาปรนนิบัติรับใช้เราดีกว่า"

 

ชูชกได้ฟังดังนั้นก็อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะไปหาข้าทาสหญิงชายมาจากไหน นางอมิตดา จึงแนะว่า

"ขณะนี้ พระเวสสันดรเสด็จออกมาจากเมืองสีพี มาทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า พระองค์เป็นผู้ใฝ่ในการบริจาคทาน

ท่านจงเดินทางไปขอบริจาคพระชาลีกัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสของเราเถิด"

ชูชกจึงไปทูลขอ พระโอรสธิดาเพื่อเป็นข้าช่วงใช้ของตน พระเวสสันดรทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำบุตรทาน

คือ การบริจาคบุตรเป็นทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น

เมื่อได้ตัวพระชาลี กัณหา แล้วระหว่างเดินทางกลับบังเอิญผ่านไปหน้าที่ประทับพระเจ้าสญชัยทรงทอด พระเนตรเห็นพระนัดดาทั้งสองก็ทรงจำได้ จึงให้เสนาไปพาเข้ามาเฝ้า ชูชกทูลว่า พระเวสสันดรทรงบริจาคพระชาลีกัณหาให้เป็นข้าทาสของตนแล้ว

พระเจ้าสญชัยก็โปรดให้เบิกสมบัติท้องพระคลังมาไถ่ตัวพระนัดดาจากชูชก และโปรดให้จัดข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูชูชก 

ชูชกพราหมณ์เฒ่าขอทาน ไม่เคยได้บริโภคอาหารดีๆ ก็ไม่รู้จักยับยั้ง บริโภคมาจนทนไม่ไหว ถึงแก่ความตายในที่สุด"
 

นิทานเจ้าหญิงลิลลี่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีนางฟ้าสาวน้อยนามว่าลิลลี่ นางมีปีกสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ และดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าในยามเช้า ลิลลี่เป็นนางฟ้าที่แสนใจดีและมีเมตตา นางมักจะช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังเดือดร้อนอยู่เสมอ

วันหนึ่ง ลิลลี่กำลังบินอยู่เหนือป่าใหญ่ นางสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลิลลี่จึงบินลงไปหาเด็กชายและถามว่า "เจ้าหนูน้อย มีอะไรทำให้เจ้าเศร้าใจเช่นนี้"

เด็กชายบอกกับลิลลี่ว่า นกแก้วตัวโปรดของเขาได้บินหนีไป เขาตามหามันทั่วทั้งป่าแต่ก็ไม่พบ ลิลลี่รู้สึกสงสารเด็กชาย นางจึงใช้เวทมนตร์ของนางเพื่อช่วยตามหานกแก้ว

ลิลลี่บินวนไปรอบๆ ป่าพร้อมกับสอดส่องหาเบาะแสของนกแก้ว ในที่สุด นางก็พบร่องรอยของนกแก้วที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้สูง ลิลลี่จึงบินขึ้นไปบนกิ่งไม้และพบว่านกแก้วตัวนั้นติดอยู่ในกับดัก

ลิลลี่ใช้เวทมนตร์ของนางเพื่อปลดกับดักและช่วยนกแก้วให้ออกมาได้ เด็กชายดีใจมากที่ได้นกแก้วของเขากลับคืนมา เขาขอบคุณลิลลี่เป็นการใหญ่

ลิลลี่บินกลับไปยังบ้านของนางในป่าแห่งแสงดาว นางรู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือเด็กชายและนกแก้วของเขา ลิลลี่รู้ว่านางจะยังคงใช้เวทมนตร์ของนางเพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อนต่อไปตราบนานเท่านาน
-----
Q376


นิทานเจ้าหญิงราพันเซล
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีเจ้าหญิงผู้เลอโฉมนามว่าราพันเซล เธอมีผมยาวสลวยสีทองอร่ามราวกับแสงอาทิตย์

วันหนึ่ง แม่มดใจร้ายนามว่ากอเธลได้ลักพาตัวราพันเซลไปขังไว้ในหอคอยสูงกลางป่าลึก นางไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้หอคอยแห่งนั้นได้เลย เว้นแต่ตัวนางเอง

ราพันเซลอาศัยอยู่ในหอคอยมาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเจ้าชายรูปงามนามว่าฟลิน ไรเดอร์ได้หลงทางเข้ามาในป่า เขาได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะของราพันเซล จึงปีนขึ้นไปยังหอคอย

ฟลินและราพันเซลได้ตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว แต่กอเธลไม่ยอมให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน นางจึงวางแผนที่จะฆ่าฟลิน

ราพันเซลรู้แผนการของกอเธล นางจึงตัดสินใจหนีออกจากหอคอยพร้อมกับฟลิน ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังอาณาจักรของฟลิน และได้แต่งงานกันอย่างมีความสุข

ในขณะเดียวกัน กอเธลได้ตามราพันเซลและฟลินไปจนพบ นางได้ต่อสู้กับฟลิน แต่ฟลินก็สามารถเอาชนะนางได้ กอเธลได้ตกลงมาจากหอคอยและเสียชีวิตในที่สุด

ราพันเซลและฟลินได้ครองอาณาจักรด้วยความสุขตลอดไป และผมยาวสีทองของราพันเซลก็กลายเป็นตำนานเล่าขานสืบไป
-----
Q372

นิทานเรื่องราชินีโพแดง
ในดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ที่ชื่อว่าวันเดอร์แลนด์ มีราชินีผู้โหดเหี้ยมและไร้ความเมตตาครองราชย์อยู่ นั่นคือราชินีโพแดง

ราชินีโพแดงมีนิสัยแปลกประหลาดและชอบตัดหัวผู้คน เธอมีคำขวัญประจำตัวว่า "ตัดหัวพวกมันซะ!" ซึ่งเธอมักจะพูดทุกครั้งที่ไม่พอใจใคร

วันหนึ่ง ราชินีโพแดงจัดงานเลี้ยงน้ำชาสุดอลังการในพระราชวังของเธอ เธอเชิญแขกมามากมาย รวมถึงอลิซ เด็กสาวผู้หลงเข้ามาในวันเดอร์แลนด์

อลิซเป็นเด็กที่ฉลาดและกล้าหาญ เธอไม่กลัวราชินีโพแดงเลยแม้แต่น้อย ในงานเลี้ยงน้ำชา อลิซได้พูดคุยกับแขกคนอื่นๆ และได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมของราชินีโพแดง

อลิซรู้สึกสงสารผู้คนที่ถูกราชินีโพแดงตัดหัว เธอจึงตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดยั้งราชินีโพแดง

อลิซวางแผนกับเพื่อนๆ ของเธอเพื่อลอบเข้าไปในพระราชวังของราชินีโพแดงและขโมยคทาแห่งอำนาจของเธอ คทาแห่งอำนาจเป็นสิ่งเดียวที่สามารถหยุดยั้งราชินีโพแดงได้

อลิซและเพื่อนๆ ของเธอประสบความสำเร็จในการลอบเข้าไปในพระราชวังและขโมยคทาแห่งอำนาจได้ ราชินีโพแดงโกรธมากเมื่อรู้ว่าคทาแห่งอำนาจของเธอหายไป เธอจึงสั่งให้ทหารของเธอออกตามหาอลิซและเพื่อนๆ ของเธอ

อลิซและเพื่อนๆ ของเธอต้องวิ่งหนีจากทหารของราชินีโพแดง พวกเขาหนีไปจนถึงเขาวงกตที่อยู่หลังพระราชวัง

ในเขาวงกต อลิซและเพื่อนๆ ของเธอได้พบกับเชสเชียร์แคท แมววิเศษที่สามารถหายตัวได้ เชสเชียร์แคทช่วยอลิซและเพื่อนๆ ของเธอหลบหนีจากเขาวงกต

อลิซและเพื่อนๆ ของเธอวิ่งหนีจนมาถึงชายแดนของวันเดอร์แลนด์ พวกเขาข้ามเขตแดนและกลับมายังโลกแห่งความจริงได้สำเร็จ

ราชินีโพแดงโกรธมากที่อลิซและเพื่อนๆ ของเธอหนีไปได้ เธอจึงสั่งให้ทหารของเธอปิดเขตแดนของวันเดอร์แลนด์และห้ามไม่ให้อลิซและเพื่อนๆ ของเธอเข้ามาอีก

อลิซและเพื่อนๆ ของเธอปลอดภัยแล้ว แต่พวกเขายังคงเป็นห่วงผู้คนที่อยู่ในวันเดอร์แลนด์ พวกเขารู้ว่าราชินีโพแดงจะยังคงปกครองวันเดอร์แลนด์ด้วยความโหดเหี้ยมต่อไป

อลิซและเพื่อนๆ ของเธอจึงตัดสินใจที่จะกลับไปยังวันเดอร์แลนด์และโค่นล้มราชินีโพแดง พวกเขารู้ว่ามันจะเป็นภารกิจที่ยากลำบาก แต่พวกเขาก็เต็มใจที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่พวกเขารัก
-----
Q373


นิทานเรื่องเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีเจ้าหญิงสาวแสนงามนามว่าซินเดอเรลล่า นางอาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่อ่ากับแม่เลี้ยงใจร้ายและพี่สาวต่างมารดาผู้ริษยาซินเดอเรลล่าเป็นอย่างมาก

ในหมู่บ้านใกล้เคียง มีหนุ่มน้อยรูปงามนามว่าจำเรียน เขาเป็นลูกชายของชาวนาผู้ยากจน แต่จำเรียนเป็นหนุ่มที่ขยันขันแข็งและมีจิตใจดีงาม

วันหนึ่ง เจ้าชายแห่งแคว้นใกล้เคียงได้จัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้นเพื่อหาเจ้าสาว ซินเดอเรลล่าปรารถนาที่จะไปงานเลี้ยง แต่แม่เลี้ยงใจร้ายไม่ยอมให้ไป นางสั่งให้ซินเดอเรลล่าทำงานบ้านและห้ามออกจากบ้าน

ขณะที่ซินเดอเรลล่ากำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจ นางฟ้าแม่ทูนหัวก็ปรากฏตัวขึ้น นางฟ้าแม่ทูนหัวเสกฟักทองให้กลายเป็นรถม้า เสกหนูให้กลายเป็นม้า และเสกชุดเก่าๆ ของซินเดอเรลล่าให้กลายเป็นชุดราตรีที่งดงาม

นางฟ้าแม่ทูนหัวเตือนซินเดอเรลล่าว่าเวทมนตร์จะเสื่อมลงในเวลาเที่ยงคืน ซินเดอเรลล่าจึงรีบไปงานเลี้ยง

ที่งานเลี้ยง เจ้าชายตกหลุมรักซินเดอเรลล่าในทันทีที่เห็น นางทั้งสองเต้นรำกันอย่างมีความสุขจนลืมเวลาไป

เมื่อนาฬิกาใกล้จะเที่ยงคืน ซินเดอเรลล่ารีบวิ่งออกจากงานเลี้ยง นางทำรองเท้าแก้วข้างหนึ่งหล่นไว้

เจ้าชายเก็บรองเท้าแก้วไว้และประกาศว่าจะตามหาเจ้าของรองเท้าแก้วจนกว่าจะพบ

เจ้าชายเดินทางไปทั่วอาณาจักรเพื่อตามหารองเท้าแก้ว จนกระทั่งมาถึงบ้านของซินเดอเรลล่า พี่สาวต่างมารดาของซินเดอเรลล่าพยายามสวมรองเท้าแก้ว แต่รองเท้าแก้วไม่พอดีกับเท้าของนาง

เมื่อถึงตาซินเดอเรลล่า นางสวมรองเท้าแก้วได้พอดีเป๊ะ เจ้าชายจึงรู้ว่าซินเดอเรลล่าคือเจ้าของรองเท้าแก้วและเป็นหญิงสาวที่เขาตกหลุมรัก

เจ้าชายและซินเดอเรลล่าแต่งงานกันอย่างมีความสุข และพวกเขาก็ครองรักกันตลอดไป

ส่วนจำเรียน เมื่อทราบข่าวว่าซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชายแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจ แต่จำเรียนก็ยังคงขยันขันแข็งและมีจิตใจดีงามเช่นเดิม

วันหนึ่ง จำเรียนได้ช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกลักพาตัว หญิงสาวคนนั้นคือเจ้าหญิงแห่งแคว้นใกล้เคียง เจ้าหญิงรู้สึกซาบซึ้งในความกล้าหาญของจำเรียน นางจึงขอให้พระราชบิดาของนางแต่งตั้งให้จำเรียนเป็นอัศวิน

จำเรียนและเจ้าหญิงแต่งงานกันอย่างมีความสุข และพวกเขาก็ครองรักกันตลอดไปเช่นกัน
-----
Q374
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าแนนชี่ หมู่บ้านนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความยากจนและความทุกข์ยาก ชาวบ้านต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงชีพ และแทบไม่มีเวลาพักผ่อน

วันหนึ่ง เจ้าชายอ้ายจำเรียนผู้สูงศักดิ์แห่งอาณาจักรใกล้เคียงได้เสด็จมาเยี่ยมหมู่บ้านแนนชี่ เจ้าชายเป็นที่รู้จักในเรื่องความหล่อเหลาและความเมตตาของพระองค์ และเมื่อพระองค์ได้เห็นความยากจนของชาวบ้าน พระองค์ก็ทรงรู้สึกสงสาร

เจ้าชายอ้ายจำเรียนทรงตัดสินพระทัยที่จะช่วยเหลือชาวบ้านแนนชี่ พระองค์ทรงบริจาคอาหารและเสื้อผ้า และทรงช่วยชาวบ้านสร้างบ้านใหม่ พระองค์ยังทรงสอนชาวบ้านให้เพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อที่พวกเขาจะได้เลี้ยงตัวเองได้

ชาวบ้านแนนชี่รู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของเจ้าชายอ้ายจำเรียน และพวกเขาก็เริ่มเรียกพระองค์ว่า "เจ้าชายแห่งความหวัง" พระองค์ทรงประทับอยู่ในหมู่บ้านเป็นเวลาหลายเดือน และในช่วงเวลานั้น พระองค์ได้ทรงตกหลุมรักหญิงสาวชาวบ้านที่ชื่อว่าแนนชี่

แนนชี่เป็นหญิงสาวที่สวยงามและใจดี นางทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และนางก็เป็นที่รักของชาวบ้านทุกคน เจ้าชายอ้ายจำเรียนทรงขอแนนชี่แต่งงาน และนางก็ทรงยินดี

ทั้งสองทรงแต่งงานกันในงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ และพวกเขาก็ทรงครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป ชาวบ้านแนนชี่ก็มีความสุขเช่นกัน เพราะพวกเขามีเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ทรงเมตตาและทรงดูแลพวกเขา
-----
Q375

นิทานเรื่องความรักอ้ายจำเรียนกับน้องซิน
ในไร่อ้อยอันเขียวขจีที่ทอดตัวสุดสายตา มีหญิงสาวนามว่าน้องชิน กนกนภา ผู้มีใบหน้าหวานละมุนดั่งดอกบัว และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แฝงไว้ด้วยความสดใส เธอเป็นสาวน้อยที่ขยันขันแข็งและจิตใจดีงาม

วันหนึ่ง ขณะที่น้องชินกำลังตัดอ้อยอยู่ริมคลอง เธอก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เธอเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน ดวงตาสีดำคมกล้า กำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ

โดยไม่รอช้า น้องชินรีบกระโดดลงไปในน้ำและว่ายไปช่วยชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาบนฝั่ง เมื่อชายหนุ่มฟื้นคืนสติ เขาก็ได้กล่าวคำขอบคุณน้องชินและแนะนำตัวว่าชื่ออ้ายจำเรียน

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนก็แวะเวียนมาหาและช่วยน้องชินตัดอ้อยอยู่เป็นประจำ ทั้งคู่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างถูกคอ จนความรู้สึกดีๆ ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของทั้งสอง

ในยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า อ้ายจำเรียนจะพาน้องชินไปนั่งเล่นริมคลอง ทั้งคู่จะนั่งคุยกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางเสียงลมพัดใบอ้อยที่พลิ้วไหวไปตามสายลม

วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้ตัดสินใจสารภาพรักกับน้องชิน และเธอก็ตอบตกลงด้วยความเต็มใจ ทั้งคู่สัญญากันว่าจะรักและดูแลกันตลอดไป

และแล้วความรักของน้องชินและอ้ายจำเรียนก็ได้เบ่งบานในไร่อ้อยแห่งนั้น ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตัดอ้อยไปด้วยกันในยามเช้า และนั่งคุยกันริมคลองในยามเย็น ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต
-----
Q377

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม