นิทานพื้นบ้านไทย

แต่งนิทานท้าวคันธนาม
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีอาณาจักรอันรุ่งเรืองชื่อว่า "สุวรรณภูมิ" ปกครองโดยพระราชาผู้ทรงพระนามว่า "ท้าวคันธนาม"

ท้าวคันธนามทรงเป็นกษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยพระปัญญาและเมตตาธรรม พระองค์ปกครองอาณาจักรด้วยความยุติธรรมและความเจริญรุ่งเรือง แต่แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อพระองค์ประชวรหนักและไม่สามารถทรงงานได้อีกต่อไป

พระราชาทรงกังวลเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ไม่มีโอรสหรือธิดาที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ พระองค์จึงตรัสเรียกเหล่าเสนาบดีและข้าราชบริพารมาประชุมเพื่อหาทางออก

หลังจากการประชุมอันยาวนาน เหล่าเสนาบดีก็ได้เสนอให้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุดมาเป็นรัชทายาท ท้าวคันธนามทรงเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ และทรงกำหนดให้มีการแข่งขันสามอย่าง ได้แก่ การแข่งขันปัญญา การแข่งขันความกล้าหาญ และการแข่งขันความเมตตา

ข่าวการแข่งขันแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มและหญิงสาวจากทุกสารทิศต่างเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด มีชายหนุ่มสามคนที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ

คนแรกชื่อ "ปัญญา" เป็นชายหนุ่มผู้เฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ เขาสามารถตอบคำถามที่ยากที่สุดได้อย่างง่ายดาย คนที่สองชื่อ "กล้าหาญ" เป็นนักรบผู้กล้าแกร่งและไม่กลัวอันตรายใดๆ เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างง่ายดาย คนสุดท้ายชื่อ "เมตตา" เป็นชายหนุ่มผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาสามารถช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

การแข่งขันทั้งสามอย่างดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่ในที่สุด ผู้ที่ชนะเลิศก็คือ "ปัญญา" ด้วยปัญญาอันเฉียบแหลมของเขา ปัญญาสามารถตอบคำถามที่ยากที่สุดได้ทั้งหมดและได้รับการยกย่องจากเหล่าเสนาบดีและข้าราชบริพาร

ท้าวคันธนามทรงพอพระทัยในผลการแข่งขันเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงแต่งตั้งปัญญาให้เป็นรัชทายาทและเตรียมการให้ปัญญาขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระองค์

เมื่อท้าวคันธนามเสด็จสวรรคต ปัญญาก็ขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาแห่งสุวรรณภูมิ พระองค์ปกครองอาณาจักรด้วยความยุติธรรมและเมตตาธรรม เช่นเดียวกับพระราชบิดาของพระองค์ และนำพาอาณาจักรสุวรรณภูมิไปสู่ความรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม
-----
Q359

แต่งนิทานจรเข้ไม่มีลิ้น
ในหนองน้ำอันกว้างใหญ่ มีจระเข้ตัวหนึ่งชื่อ "จอร์จ" แตกต่างจากจระเข้ตัวอื่นๆ ตรงที่จอร์จไม่มีลิ้น

จอร์จรู้สึกอับอายกับความแตกต่างของตนเอง เขาไม่สามารถพูดคุยกับจระเข้ตัวอื่นๆ ได้ และมักถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน

วันหนึ่ง ขณะที่จอร์จกำลังนอนอาบแดดอยู่ริมหนองน้ำ เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงคนหนึ่งที่หลงทาง

จอร์จรีบว่ายน้ำไปหาเด็กหญิงและพยายามปลอบโยนเธอ แต่เมื่อเขาพยายามพูด เด็กหญิงก็ตกใจและวิ่งหนีไป

จอร์จรู้สึกเศร้าและสิ้นหวัง เขาตระหนักว่าความแตกต่างของตนเองทำให้เขาไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้

ขณะที่จอร์จกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นนกกระสาตัวหนึ่งบินลงมาเกาะใกล้ๆ

"เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่" นกกระสาถาม

จอร์จเล่าเรื่องความแตกต่างของตนเองให้นกกระสาฟัง นกกระสาฟังอย่างตั้งใจ

"เจ้าไม่จำเป็นต้องมีลิ้นเพื่อสื่อสาร" นกกระสาพูด "เจ้าสามารถใช้ภาษามือหรือการแสดงออกทางสีหน้าได้"

จอร์จรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวิธีอื่นในการสื่อสาร

นกกระสาเริ่มสอนภาษามือให้จอร์จ จอร์จเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและไม่นานเขาก็สามารถสื่อสารกับจระเข้ตัวอื่นๆ ได้

จระเข้ตัวอื่นๆ ต่างประหลาดใจและชื่นชมความพยายามของจอร์จ พวกเขาตระหนักว่าความแตกต่างของจอร์จไม่ได้ทำให้เขาน้อยลง แต่กลับทำให้เขาพิเศษ

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จอร์จก็ไม่เคยรู้สึกอับอายกับความแตกต่างของตนเองอีกเลย เขาใช้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับเพื่อนๆ และเป็นที่รักของทุกคนในหนองน้ำ
-----
Q361

แต่งนิทานท้าวกำพร้า ผีน้อย
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกำพร้าชื่อว่า "ท้าวกำพร้า" ที่อาศัยอยู่ในวัดร้างเก่าแก่ เด็กน้อยผู้นี้มีชีวิตที่ยากลำบาก เขาถูกเด็กคนอื่นๆ รังแกและไม่มีใครสนใจไยดี

คืนหนึ่ง ขณะที่ท้าวกำพร้ากำลังนอนหลับอยู่ที่มุมวัด เขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากห้องเก็บของเก่า เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูห้องอย่างระมัดระวัง

เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบกับผีน้อยตัวเล็กๆ นั่งอยู่บนหีบสมบัติ ผีน้อยตัวนี้มีใบหน้าซีดเซียวและดวงตาที่เศร้าหมอง

"เจ้าเป็นใคร" ท้าวกำพร้าถามด้วยเสียงสั่น

"ข้าคือผีน้อย" ผีน้อยตอบ "ข้าถูกขังอยู่ในหีบนี้มานานแสนนาน"

ท้าวกำพร้ารู้สึกสงสารผีน้อย เขาจึงถามว่า "แล้วเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไร"

"เจ้าต้องเปิดหีบนี้และปล่อยข้าออกไป" ผีน้อยกล่าว "แต่จงระวังไว้ หากเจ้าเปิดหีบผิดวิธี ข้าจะกลายเป็นปีศาจร้าย"

ท้าวกำพร้าคิดหนัก เขาไม่รู้ว่าจะเปิดหีบอย่างไรโดยไม่ให้ผีน้อยกลายเป็นปีศาจร้าย แต่ด้วยความสงสาร เขาจึงตัดสินใจเสี่ยง

เขาค่อยๆ เปิดหีบสมบัติออกอย่างระมัดระวัง และในทันใดนั้น ผีน้อยก็พุ่งออกมาจากหีบและหายวับไปในอากาศ

ท้าวกำพร้าโล่งใจที่ผีน้อยไม่ได้กลายเป็นปีศาจร้าย เขาคิดว่าผีน้อยคงจะไปสู่สุขคติแล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ท้าวกำพร้าก็ไม่เคยเห็นผีน้อยอีกเลย แต่เขาก็ไม่เคยลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น และเขาก็เชื่อว่าผีน้อยได้ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าแล้ว
-----
Q362

นิทานท้าวพญายมราช
ณ แดนไกลแสนไกล มีดินแดนแห่งหนึ่งชื่อว่า "ยมโลก" ซึ่งปกครองโดยท้าวพญายมราช ผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่เหนือดวงวิญญาณทั้งมวล

ท้าวพญายมราชทรงมีรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขาม พระวรกายสีดำสนิท พระพักตร์ดุจอสูร พระเนตรสีแดงก่ำดุจไฟที่แผดเผาทุกสิ่ง พระหัตถ์ทรงคทาแห่งความยุติธรรม และพระบาททรงรองเท้าหนังเสืออันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ

พระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์อันโอ่อ่าในพระราชวังแห่งยมโลก ซึ่งรายล้อมไปด้วยเหล่าภูตผีปีศาจและยมทูตผู้รับใช้ พระองค์ทรงทำหน้าที่ตัดสินดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้วว่าจะต้องรับโทษทัณฑ์ใดตามกรรมที่ได้กระทำไว้ในโลกมนุษย์

ในวันหนึ่ง ขณะที่ท้าวพญายมราชทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ ก็มีดวงวิญญาณดวงหนึ่งล่องลอยเข้ามาในพระราชวัง ดวงวิญญาณนั้นเป็นของหญิงสาวนามว่า "บุษบา"

บุษบาเป็นหญิงสาวที่สวยงามและใจดี แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับเธอ เมื่อเธอถูกฆาตกรรมโดยสามีของตนเองอย่างโหดเหี้ยม ท้าวพญายมราชทรงรับฟังเรื่องราวของบุษบาด้วยพระพักตร์ที่เคร่งขรึม

"เจ้าสามีของเจ้ากระทำผิดร้ายแรงนัก" ท้าวพญายมราชตรัส "เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสม"

ท้าวพญายมราชทรงสั่งให้ยมทูตนำวิญญาณของสามีบุษบามาเฝ้าพระองค์ เมื่อสามีบุษบามาถึง พระองค์ทรงพิพากษาลงโทษให้เขาต้องตกนรกอเวจิเป็นเวลาหลายพันปี

บุษบาซาบซึ้งใจในความยุติธรรมของท้าวพญายมราช พระองค์ทรงประทานพรให้เธอไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่า และทรงรับรองว่าเธอจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป

ตั้งแต่นั้นมา ท้าวพญายมราชก็ทรงเป็นที่เคารพและยำเกรงของทั้งมนุษย์และภูตผีปีศาจ พระองค์ทรงเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและผู้ลงโทษผู้กระทำผิดทั้งปวง
-----
Q363
นิทานเรื่องพยายามบาล
ในห้วงมหาสมุทรแห่งความมืดมิดและความสิ้นหวัง มีดินแดนแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัวที่ปกครองโดยท้าวยมบาลผู้ทรงเกรงขาม

ท้าวยมบาลเป็นผู้พิพากษาแห่งวิญญาณ ผู้ตัดสินชะตากรรมของผู้ล่วงลับด้วยคทาแห่งความยุติธรรมที่เย็นชาของพระองค์ พระองค์ทรงครองบัลลังก์กระดูกในห้องโถงอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยควันและไฟที่ลุกโชน

ผู้ที่กระทำความชั่วในชีวิตจะถูกส่งไปยังขุมนรกอันทรมานของท้าวยมบาล ที่ซึ่งพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดกาลจากปีศาจและสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว แต่ผู้ที่กระทำความดีจะได้รับการต้อนรับสู่สวรรค์อันสงบสุข ที่ซึ่งพวกเขาจะได้รับความสุขและความสงบตลอดไป

วันหนึ่ง มีวิญญาณของหญิงสาวชื่อว่าลินดาปรากฏตัวต่อหน้าท้าวยมบาล เธอเป็นหญิงสาวที่ใจดีและมีเมตตา แต่เธอได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุที่น่าสลดใจ

ท้าวยมบาลทรงมองลินดาด้วยดวงตาที่ปราศจากอารมณ์ "เจ้าได้กระทำความชั่วใดในชีวิตของเจ้าหรือไม่" พระองค์ตรัสถาม

"ข้ามิได้กระทำความชั่วใดเลย ท่านผู้ยิ่งใหญ่" ลินดากล่าว "ข้าใช้ชีวิตด้วยความเมตตาและความกรุณาต่อผู้อื่น"

ท้าวยมบาลทรงพยักพระเศียร "เช่นนั้น เจ้าก็สมควรได้รับสวรรค์" พระองค์ตรัส "เจ้าจะได้อยู่ท่ามกลางความสุขและความสงบตลอดไป"

ลินดาโขกศีรษะด้วยความขอบคุณ "ขอบพระคุณ ท่านผู้ยิ่งใหญ่" เธอกล่าว "ข้าจะไม่ลืมความเมตตาของท่าน"

และด้วยคำพูดเหล่านั้น ลินดาก็หายตัวไปในแสงสว่างอันเจิดจ้า เธอได้ไปสู่สวรรค์ที่เธอสมควรได้รับ
ท้าวยมบาลทรงมองตามลินดาไปด้วยความพึงพอพระทัย พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาที่ยุติธรรมและเมตตา และพระองค์ก็ทรงยินดีที่จะให้รางวัลแก่ผู้ที่กระทำความดี
-----


Q364
นิทานพยายมบาลแห่งนรก

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม