นิทานมงคลที่36-38
มงคลที่36 มีจิตไม่โศกเศร้า
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนเป็นผู้เศร้าโศก
ในหมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน ผู้มีจิตใจอ่อนไหวและโศกเศร้าอยู่เสมอ จำเรียนมักจะครุ่นคิดถึงอดีตที่ผ่านมาและกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เขาไม่สามารถปล่อยวางความโศกเศร้าและความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้
วันหนึ่ง จำเรียนได้พบกับพระภิกษุผู้มีปัญญาสูงส่ง พระภิกษุได้สอนจำเรียนเกี่ยวกับความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต และชี้ให้เห็นว่าการยึดติดในอดีตและอนาคตจะนำมาซึ่งความทุกข์ในที่สุด
จำเรียนได้ฟังคำสอนของพระภิกษุแล้วก็เกิดความสลดใจ เขาตระหนักว่าตนเองได้หลงทาง
มาตลอด จึงตัดสินใจละวางความยึดติดในอดีตและอนาคต และหันมาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง
หลังจากนั้น จำเรียนก็ได้ออกบวชและศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้ง จนกระทั่งบรรลุธรรมและกลายเป็นพระอรหันต์ในที่สุด เมื่อจำเรียนบรรลุธรรมแล้ว เขาก็กลับไปยังหมู่บ้านของตนและเทศนาธรรมให้แก่ชาวบ้าน ชาวบ้านต่างเลื่อมใสในคำสอนของจำเรียนและปฏิบัติตามคำสอนเหล่านั้น จนหมู่บ้านแห่งนั้นกลายเป็นหมู่บ้านที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง
ตั้งแต่นั้นมา จำเรียนก็เป็นที่รู้จักในนาม "อ้ายจำเรียน" ผู้เป็นพระอรหันต์ที่ละวางความโศกเศร้า และนำความสงบสุขมาสู่ชาวบ้าน
-----
Q239
๓๖.มีจิตไม่โศกเศร้า
ท่านว่ามีเหตุอยู่ ๒ ประการที่ทำให้จิตเราต้องโศกเศร้าคือ
๑.ความโศกเศร้าที่เกิดเนื่องมาจากความรัก รวมถึงรักสิ่งของ ทรัพย์สินเงินทองด้วย
๒.ความโศกเศร้าที่เกิดจากความใคร่
การทำให้จิตใจไม่โศกเศร้านั้น มีข้อแนะนำดังนี้
๑.ใช้ปัญญาพิจารณาอยู่เนืองๆ ถึงความไม่เที่ยงในสิ่งของทั้งหลาย และร่างกายของเรา
๒.ไม่ยึดมั่นในตัวตน หรือความจีรังยั่งยืน ในคนหรือสิ่งของว่าเป็นของเรา
๓.ทุกอย่างในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ แม้ร่างกายเราก็ใช้เป็นที่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น
มงคลที่37 มีจิตปราศจากกิเลส
นิทานเเรื่องเด็กชายอ้ายจำเรียนเป็นผู้มีจิตกิเลสครอบงำ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายคนหนึ่งชื่ออ้ายจำ เขาเป็นเด็กที่ฉลาดและขยันเรียน แต่ทว่าเขากลับมีจิตใจที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
วันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำกำลังเดินกลับบ้านจากโรงเรียน เขาได้พบกับชายชราคนหนึ่ง ชายชราผู้นั้นได้มอบลูกแก้ววิเศษให้กับอ้ายจำ พร้อมกับบอกว่า "ลูกแก้วนี้จะทำให้เจ้าได้ทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนา แต่จงจำไว้ว่าการใช้ลูกแก้วนี้มากเกินไปจะนำมาซึ่งหายนะ"
อ้ายจำดีใจมาก เขาใช้ลูกแก้ววิเศษเพื่อขอทุกสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นของเล่น อาหาร หรือแม้กระทั่งเงินทองมากมาย แต่ยิ่งเขาใช้ลูกแก้วมากเท่าไหร่ จิตใจของเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความโลภและความเห็นแก่ตัว
วันหนึ่ง อ้ายจำได้ใช้ลูกแก้ววิเศษเพื่อขอให้ตนเองกลายเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก ด้วยพลังอำนาจที่ได้มา เขาได้กดขี่ข่มเหงผู้คนและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ
แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกแก้ววิเศษก็หายไป อ้ายจำสูญเสียพลังอำนาจทั้งหมดของเขาไปในทันที เขาถูกผู้คนรุมประณามและขับไล่ออกจากเมือง
อ้ายจำได้เรียนรู้บทเรียนอันเจ็บปวดในวันนั้น เขาได้ตระหนักว่าการตามหาความสุขจากวัตถุและอำนาจจะนำมาซึ่งความหายนะเท่านั้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือการมีจิตใจที่บริสุทธิ์และเมตตา
-----
๓๗.มีจิตปราศจากกิเลส
กิเลส ก็คือสิ่งที่ทำให้เกิดความเศร้าหมอง ซึ่งได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ท่านได้แบ่งประเภทของกิเลสออกเป็นดังนี้ คือ
๑.ราคะ สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น
-ความโลภอย่างแรงจนแสดงออกมา เช่นการลักขโมย ปล้น จี้ ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นต้น (อภิชฌาวิสมโลภะ)
-ความเพ่งเล็งจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตัว มีใจอยากได้ของคนอื่นแต่ยังไม่ถึงกับแสดงออก (อภิชฌา)
-ความอยากได้ในทางไม่ชอบ เช่นการยอมรับสินบน การทุจริตเพื่อแลกกับการมีทรัพย์เป็นต้น (ปาปิจฉา)
-ความมักมากเห็นแก่ได้ ด้วยการเอามาเป็นของตนจนเกินพอดี เอาประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น (มหิจฉา)
-ความยินดีในกาม ก็คือยังไม่สามารถละกิจกรรมทางเพศได้ ยังมีความรู้สึก มีแรงกระตุ้น มีความพอใจในเรื่องเพศ (กามระคะ)
-ความยินดีในรูปธรรมอันปราณีต ก็คือติดอยู่ในอารมณ์ของรูปฌาณ ปรารถนาในรูปของภพเมื่อทำสมาธิขั้นสูงขึ้นไป (รูปราคะ)
-ความยินดีในอรูปฌาณ ก็คือติดอยู่ในอารมณ์ของอรูปฌาณเมื่อทำสมาธิถึงภพของอรูปพรหม (อรูปราคะ)
๒.โทสะ สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น
-พยาบาท คือการผูกใจอาฆาต มีใจที่ไม่หวังดี การจองเวร
-โทสะ คือการคิดประทุษร้าย เนื่องด้วยมีใจพยาบาทแล้วก็มีใจคิดหมายทำร้าย
-โกธะ คือความโกรธ ความเดือดร้อนใจ ซึ่งล้วนเป็นเหมือนไฟที่เผาตัวเอง
-ปฏิฆะ คือความขัดใจ ความไม่พอใจอันทำให้อารมณ์หงุดหงิด
๓.โมหะ สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น
-ความเห็นผิดเป็นชอบ เช่นการไม่เชื่อในเรื่องบาป เรื่องบุญเป็นต้น (มิจฉาทิฐิ)
-ความหลงผิด ไม่รู้ตามความเป็นจริง (โมหะ)
-การเห็นว่ามีตัวตน เช่นการเชื่อในสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น (สังกายทิฏฐิ)
-ความสงสัย คือสงสัยในพระธรรม คำสั่งสอนในเรื่องการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ (วิจิกิจฉา)
-การยึดถืออย่างงมงาย เช่นการไปกราบไหว้สัมพเวสีที่อยู่ตามต้นไม้ ขอลาภเป็นต้น (สีลัพพตปรามาส)
-ความถือตัว คือการสำคัญตัวเองผิดว่าเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ (มานะ)
-ความฟุ้งซ่าน คือการที่จิตใจว่อกแวก คิดไม่เป็นสาระ ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่มีสมาธิ หรือการทำสมาธิไม่นิ่ง (อุทธัจจะ)
-ความไม่รู้จริง คือการที่รู้แค่ผิวเผิน หรือการทึกทักเอาเอง ไม่ปฏิบัติตามหลักพระธรรม ยังไม่เกิดปัญญา (อวิชชา)
โทษของการมีกิเลสดังกล่าวข้างต้นพอสรุปได้สั้นๆ ดังนี้คือ
๑.ราคะ มีโทษน้อย แต่คลายช้า
๒.โทสะ มีโทษมาก แต่คลายเร็ว
๓.โมหะ มีโทษมาก แต่คลายช้า
มงคลที่38 มีจิตเกษม
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนเป็นคนไม่เบิกบานไม่ยิ้มไม่สนุกกับชีวิต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนไม่เบิกบาน ไม่ยิ้ม ไม่สนุกกับชีวิตเลย วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังเดินอยู่ในป่า เขาได้พบกับฤๅษีตนหนึ่ง ฤๅษีเห็นว่าจำเรียนมีสีหน้าเศร้าหมอง จึงถามว่า
"หนุ่มน้อย เหตุใดเจ้าจึงเศร้าโศกเช่นนี้"
จำเรียนตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้มีความสุข ข้าพเจ้าไม่เคยยิ้มหรือสนุกกับชีวิตเลย"
ฤๅษีจึงกล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะช่วยเจ้าได้"
ฤๅษีหยิบใบไม้มาหนึ่งใบแล้วมอบให้จำเรียน "เจ้าจงถือใบไม้นี้ไว้ แล้วเดินไปตามทางนี้" ฤๅษีกล่าว "เจ้าจะพบกับสิ่งที่ทำให้เจ้ามีความสุข"
จำเรียนรับใบไม้มาแล้วเดินไปตามทางที่ฤๅษีบอก เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาเห็นเด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน จำเรียนเฝ้ามองเด็กๆ ด้วยความอิจฉา เขาอยากจะมีความสุขเหมือนเด็กๆ เหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงวัดแห่งหนึ่ง เขาเห็นพระสงฆ์กำลังสวดมนต์อย่างสงบ จำเรียนเฝ้ามองพระสงฆ์ด้วยความสงบ เขาอยากจะมีความสงบเหมือนพระสงฆ์เหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงปราสาทแห่งหนึ่ง เขาเห็นเจ้าหญิงกำลังเต้นรำอย่างงดงาม จำเรียนเฝ้ามองเจ้าหญิงด้วยความหลงใหล เขาอยากจะมีความสุขเหมือนเจ้าหญิงเหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงป่าแห่งหนึ่ง เขาเห็นสัตว์ป่ากำลังวิ่งเล่นอย่างอิสระ จำเรียนเฝ้ามองสัตว์ป่าด้วยความอิจฉา เขาอยากจะมีความอิสระเหมือนสัตว์ป่าเหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงทะเลแห่งหนึ่ง เขาเห็นคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งอย่างสงบ จำเรียนเฝ้ามองทะเลด้วยความสงบ เขาอยากจะมีความสงบเหมือนทะเลเหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงภูเขาแห่งหนึ่ง เขาเห็นยอดเขาที่สูงตระหง่าน จำเรียนเฝ้ามองยอดเขาด้วยความท้าทาย เขาอยากจะมีความท้าทายเหมือนยอดเขาเหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงท้องฟ้าแห่งหนึ่ง เขาเห็นดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ จำเรียนเฝ้ามองดวงดาวด้วยความสงบ เขาอยากจะมีความสงบเหมือนดวงดาวเหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจักรวาลแห่งหนึ่ง เขาเห็นดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอย่างเจิดจ้า จำเรียนเฝ้ามองดวงอาทิตย์ด้วยความสงบ เขาอยากจะมีความสงบเหมือนดวงอาทิตย์เหล่านั้น
จำเรียนเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจุดสิ้นสุดของโลก เขาเห็นความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย จำเรียนเฝ้ามองความว่างเปล่าด้วยความสงบ เขาอยากจะมีความสงบเหมือนความว่างเปล่าเหล่านั้น
ในที่สุด จำเรียนก็พบว่าความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่สิ่งภายนอก แต่มาจากภายในจิตใจของตนเอง เขาเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความทุกข์และความกังวล และยอมรับความเป็นจริงของชีวิต เขาเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และชื่นชมความงามของโลกใบนี้
จำเรียนกลับไปยังหมู่บ้านของตนเองและเล่าเรื่องราวของเขาให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านต่างก็ดีใจที่จำเรียนได้พบกับความสุขที่แท้จริง และพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิตของตนเองเช่นกัน
๓๘.มีจิตเกษม
เกษม หมายถึงมีความสุข สบาย หรือสภาพที่มีจิตใจที่เป็นสุข มีจิดเกษมก็คือว่ามีจิตที่เป็นสุขในที่นี้หมายถึงการละแล้วซึ่งกิเลส ที่ท่านว่าไว้ว่าเป็นเครื่องผูกอยู่ ๔ ประการคือ
๑.การละกามโยคะ คือการละความยินดีในวัตถุ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเรียกว่ากามคุณซึ่งประกอบด้วย รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
๒.การละภวโยคะ คือการละความยินดีในภพ โดยให้เห็นว่าสิ่งใดๆในโลกล้วนไม่เที่ยงแท้ หรือคงอยู่ตลอดไป
๓.การละทิฏฐิโยคะ คือการละความยินดีในความเห็นผิดเป็นชอบ โดยให้ดำเนินตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กล่าวมาแล้ว
๔.การละอวิชชาโยคะ คือการละความยินดีในอวิชชาทั้งหลาย ความไม่รู้ทั้งหลาย โดยให้มุ่งปฏิบัติเพื่อปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง
สวัสดีครับเพื่อนๆอยากจะสนับสนุนนิทานและคำกลอนของอ้ายจำเรียน แต่งโดยใช้เอไอช่วยแต่งให้บางเรื่องอ่านจะขวิดจะขัด อ้ายจำเรียนต้องโทษด้วยนะครับ อยากให้กำลังเล็กๆน้อยๆด้วยการโอนเงินได้ที่
พร้อมเพย์เบอร์👉0892718015
ทรูมันนี่วอเลทเบอร์👉0892718015
นาย จำเรียน จันทร์รักษา
ขอบคุณมากครับ
สุดท้ายนี้อ้ายจำเรียนไม่มีอะไรให้นอกจากอวยพรให้
อ้ายจำเรียนขอให้น้องๆคนที่ใจดีกับอ้ายจำเรียนและใจดีมีความแมตตาต่อผู้อื่นทุกคนสุขสันต์ทุกวันไม่เจ็บไม่ป่วย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้พระคุ้มครองคุณและครอบครัว ขอให้สุขสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา ขอให้การเรียนการงานการซื้อขายและธุรกิจ ราบรื่นสดใสปราศจากอุปสรรคทั้งปวง ขอให้สวยหล่อกันทุกคน ขอให้มีความสุขในการตอกกับแฟนราบรื่น จนถึงสวรรค์วิมานกันทุกคนนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น