นิทานมงคลที่21_25
มงคลที่21 ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนเป็นคนไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่ออ้ายจำเรียน เป็นคนเกียจคร้าน ไม่ชอบทำงาน ชอบเที่ยวเล่นไปวันๆ วันหนึ่งขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังนอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ ได้ยินเสียงนกร้องอยู่บนต้นไม้ จึงปีนขึ้นไปดู เห็นลูกนกตัวเล็กๆ หล่นจากรัง จึงเก็บมาเลี้ยงไว้
อ้ายจำเรียนเลี้ยงลูกนกตัวนั้นเป็นอย่างดี คอยหาหนอนและแมลงมาให้กินทุกวัน ลูกนกตัวนั้นจึงเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง วันหนึ่งลูกนกได้บินออกจากรังไปหาอาหารเองได้แล้ว อ้ายจำเรียนรู้สึกดีใจมากที่ได้เลี้ยงลูกนกตัวนั้นจนเติบใหญ่
หลังจากนั้นไม่นาน อ้ายจำเรียนก็ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งไปดู เห็นมีคนกำลังจมน้ำอยู่กลางแม่น้ำ อ้ายจำเรียนจึงรีบกระโดดลงไปช่วย คนที่จมน้ำขึ้นมาได้สำเร็จ คนที่จมน้ำได้ขอบคุณอ้ายจำเรียนเป็นการใหญ่
อ้ายจำเรียนรู้สึกดีใจมากที่ได้ช่วยชีวิตคนได้ จึงคิดได้ว่าการที่ตนเองไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่ดี จึงตั้งใจที่จะเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน และไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายอีกต่อไป
ตั้งแต่นั้นมา อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นคนดี ขยันทำงาน และไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายอีกต่อไป และได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป
๒๑.ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ธรรมในที่นี้ก็คือหลักปฏิบัติที่ทำแล้วมีผลในทางดีและเป็นจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงโปรดแนะทางไว้
คนที่ประมาทในธรรมนั้นมีลักษณะที่สรุปได้ดังนี้คือ
๑.ไม่ทำเหตุดี แต่จะเอาผลดี
๒.ทำตัวเลว แต่จะเอาผลดี
๓.ทำย่อหย่อน แต่จะเอาผลมาก
สิ่งที่ไม่ควรประมาทได้แก่
๑.การประมาทในเวลา คือการปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ หรือผลัดวันประกันพรุ่งเป็นต้น
๒.การประมาทในวัย คือคิดว่าอายุยังน้อย ไม่ต้องทำความเพียรก็ได้เพราะยังต้องมีชีวิตอยู่อีกนานเป็นต้น
๓.การประมาทในความไม่มีโรค คือคิดว่าตัวเองแข็งแรงไม่ตายง่ายๆ ก็ปล่อยปละละเลยเป็นต้น
๔.การประมาทในชีวิต คือการไม่กำหนดวางแผนถึงอนาคต คิดอยู่แต่ว่ายังมีชีวิตอยู่อีกนานเป็นต้น
๕.การประมาทในการงาน คือไม่ขยันตั้งใจทำให้สำเร็จ ปล่อยตามเรื่องตามราว หรือปล่อยให้ดินพอกหางหมูเป็นต้น
๖.การประมาทในการศึกษา คือการไม่คิดศึกษาเล่าเรียนในวัยที่ควรเรียน หรือขาดความเอาใจใส่ที่เพียงพอ
๗.การประมาทในการปฏิบัติธรรม คือการไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนาหรือศึกษาหลักธรรมให้ถ่องแท้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวเป็นต้น
Q255
มงคลที่22 มีความเคารพนอบน้อม
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียน ไม่มีความเคารพนอบน้อม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นเด็กที่ฉลาด แต่หยิ่งยโสและไม่เคารพใคร
วันหนึ่ง ขณะที่จำเรียนกำลังเดินไปโรงเรียน เขาได้พบกับชายชราคนหนึ่ง ชายชรากำลังแบกของหนักอยู่ จำเรียนจึงเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ
"หนุ่มน้อย ช่วยฉันถือของหน่อยเถอะ" ชายชรากล่าว
แต่จำเรียนกลับตอบว่า "ไม่ล่ะ ฉันไม่มีเวลา" แล้วก็เดินจากไป
ชายชราส่ายหัวอย่างผิดหวัง แล้วเดินต่อไปด้วยความยากลำบาก
เมื่อจำเรียนมาถึงโรงเรียน เขาก็เล่าเรื่องที่เขาพบชายชราให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนๆ ต่างก็ตำหนิจำเรียนที่ไม่เคารพผู้สูงอายุ
"นายไม่ควรทำแบบนั้นจำเรียน" เพื่อนคนหนึ่งกล่าว "ชายชราเป็นผู้ใหญ่ที่ควรได้รับการเคารพ"
แต่จำเรียนไม่สนใจคำพูดของเพื่อน เขาคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นและไม่จำเป็นต้องเคารพใคร
วันต่อมา ขณะที่จำเรียนกำลังเดินกลับบ้านจากโรงเรียน เขาได้พบกับชายชราคนเดิมอีกครั้ง ชายชรากำลังนั่งอยู่ข้างถนนและดูเหมือนจะไม่สบาย
จำเรียนเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงชายชราเรียกเขา
"หนุ่มน้อย ช่วยฉันหน่อยเถอะ" ชายชรากล่าว "ฉันไม่สบาย"
จำเรียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็เดินเข้าไปหาชายชรา เขาช่วยชายชราลุกขึ้นและพาไปที่บ้านของเขา
ภรรยาของชายชราขอบคุณจำเรียนเป็นอย่างมาก เธอเล่าให้จำเรียนฟังว่าสามีของเธอเป็นคนดีและใจดีมาตลอด แต่ตอนนี้เขาแก่และป่วยแล้ว
จำเรียนรู้สึกละอายใจที่เขาเคยไม่เคารพชายชรา เขาตระหนักว่าความฉลาดไม่สำคัญเท่าความเคารพและความเมตตา
ตั้งแต่นั้นมา จำเรียนก็กลายเป็นคนใหม่ เขาเคารพผู้สูงอายุและช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ เขาเรียนรู้ว่าความเคารพนอบน้อมเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่คนเราควรมี
๒๒.มีความเคารพ
ท่านได้กล่าวว่าสิ่งที่ควรเคารพมีอยู่ดังนี้
๑.พระพุทธเจ้า
๒.พระธรรม
๓.พระสงฆ์
๔.การศึกษา
๕.ความไม่ประมาท คือการดำเนินตามหลักธรรมคำสอนพระพุทธศาสนาอื่นๆ ด้วยความเคารพ
๖.การสนทนาปราศรัย คือการต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนด้วยความเคารพ
Q256
มงคลที่23 มีความถ่อมตน
นิทานเรื่องเด็กชายอ้ายจำเรียนเป็นคนไม่มีความถ่อมตนเย่อหยิ่งจอง ภาค1
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน เขาเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก แต่ก็มีความหยิ่งยโสและไม่ถ่อมตน เขาชอบโอ้อวดความรู้ของตนเองและดูถูกผู้อื่นที่ไม่รู้เท่าเขา
วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้ไปเที่ยวงานวัด เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นเกมปาลูกดอก เขาจึงเดินเข้าไปดูและเริ่มโอ้อวดความสามารถของตนเอง
"ข้าเก่งปาลูกดอกนักแล" อ้ายจำเรียนกล่าว "ข้าสามารถปาลูกดอกโดนเป้าได้ทุกครั้ง"
คนกลุ่มนั้นหัวเราะเยาะอ้ายจำเรียน "เจ้าโอ้อวดเกินไปแล้ว" คนหนึ่งกล่าว "เจ้าไม่เก่งอย่างที่เจ้าพูดหรอก"
อ้ายจำเรียนโกรธมาก เขาหยิบลูกดอกขึ้นมาและปาไปที่เป้า แต่ลูกดอกกลับไม่โดนเป้า มันปักลงบนพื้นข้างๆ
คนกลุ่มนั้นหัวเราะกันลั่น "เห็นไหม เจ้าโอ้อวดเกินไปแล้ว"
อ้ายจำเรียนอับอายมาก เขาเดินหนีไปจากงานวัดด้วยความโกรธ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนก็เริ่มเรียนรู้ที่จะถ่อมตน เขาเลิกโอ้อวดความรู้ของตนเองและเริ่มเคารพผู้อื่นมากขึ้น
และนับแต่นั้นมา อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นคนที่มีความรู้และความสามารถที่แท้จริง และเป็นที่เคารพนับถือของทุกๆ คน
-----
นิทานเรื่องเด็กชายอ้ายจำเรียนเป็นคนไม่มีความถ่อมตนเย่อหยิ่งจอง ภาค2
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน เขาเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก แต่ก็มีความหยิ่งยโสและไม่ถ่อมตน เขาชอบโอ้อวดความรู้ของตนเองและดูถูกผู้อื่นที่ไม่รู้เท่าเขา
วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้ไปเที่ยวงานวัด เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นเกมปาลูกดอก เขาจึงเดินเข้าไปดูและเริ่มโอ้อวดความสามารถของตนเอง
"ข้าเก่งปาลูกดอกนักแล" อ้ายจำเรียนกล่าว "ข้าสามารถปาลูกดอกโดนเป้าได้ทุกครั้ง"
คนกลุ่มนั้นหัวเราะเยาะอ้ายจำเรียน "เจ้าโอ้อวดเกินไปแล้ว" คนหนึ่งกล่าว "เจ้าไม่เก่งอย่างที่เจ้าพูดหรอก"
อ้ายจำเรียนโกรธมาก เขาหยิบลูกดอกขึ้นมาและปาไปที่เป้า แต่ลูกดอกกลับไม่โดนเป้า มันปักลงบนพื้นข้างๆ
คนกลุ่มนั้นหัวเราะกันลั่น "เห็นไหม เจ้าโอ้อวดเกินไปแล้ว"
อ้ายจำเรียนอับอายมาก เขาเดินหนีไปจากงานวัดด้วยความโกรธ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนก็เริ่มเรียนรู้ที่จะถ่อมตน เขาเลิกโอ้อวดความรู้ของตนเองและเริ่มเคารพผู้อื่นมากขึ้น
และนับแต่นั้นมา อ้ายจำเรียนก็กลายเป็นคนที่มีความรู้และความสามารถที่แท้จริง และเป็นที่เคารพนับถือของทุกๆ คน
๒๓.มีความถ่อมตน
ความอ่อนน้อมถ่อมตน คือ การไม่แสดงออกถึงความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ให้ผู้อื่นทราบเพื่อข่มผู้อื่น หรือเพื่อโอ้อวด การไม่อวดดี เย่อหยิ่งจองหอง แต่แสดงตนอย่างสงบเสงี่ยม
ท่านว่าไว้ว่าโทษของการอวดดีนั้นมีอยู่ดังนี้คือ
๑.ทำให้เสียคน คือไม่สามารถกลับมาอยู่ในร่องในรอยได้เหมือนเดิม เสียอนาคต
๒.ทำให้เสียมิตร คือไม่มีใครคบหาเป็นเพื่อนด้วย ถึงจะมีก็ไม่ใช่เพื่อนแท้
๓.ทำให้เสียหมู่คณะ คือถ้าต่างคนต่างถือดี ก็ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ ในที่สุดก็ไม่ถึงจุดหมาย หรือทำให้เป็นที่เบื่อหน่ายของคนอื่น
การทำตัวให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นมีหลักดังนี้คือ
๑.ต้องคบกัลยาณมิตร คือเพื่อนที่ดีมีศีลมีธรรม คอยตักเตือนหรือชักนำไปในทางที่ดีที่ถูกที่ควร
๒.ต้องรู้จักคิดไตร่ตรอง คือการรู้จักคิดหาเหตุผลอยู่ตลอดถึงความเป็นไปในธรรมชาติของมนุษย์ ต่างคนย่อมต่างจิดต่างใจ และรวมทั้งหลักธรรมอื่นๆ
๓.ต้องมีความสามัคคี คือการมีความสามัคคีในหมู่คณะ อลุ่มอล่วยในหลักการ ตักเตือน รับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างมีเหตุผล
ท่านว่าลักษณะของคนถ่อมตนนั้นมีดังนี้
๑.มีกิริยาที่นอบน้อม
๒.มีวาจาที่อ่อนหวาน
๓.มีจิตใจที่อ่อนโยน
สรุปแล้วก็คือ สมบูรณ์พร้อมด้วยกาย วาจา และใจนั่นเอง
Q258
มงคลที่24 มีความสันโดษ
นิทานเรื่องความพอเพียง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีเด็กชายชื่ออ้ายจำเรียน อ้ายจำเรียนเป็นเด็กที่ขยันเรียนและใฝ่รู้ แต่ครอบครัวของเขายากจนมาก พวกเขาอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ และมีอาหารเพียงพอแค่ประทังชีวิตไปวันๆ
วันหนึ่ง ขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ เขาได้ยินเสียงคนกำลังพูดคุยกันอยู่ใกล้ๆ เขาแอบฟังและได้ยินชายคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ชื่อว่าพอเพียง ชายหนุ่มผู้นี้มีชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข เขามีอาหารเพียงพอที่จะกิน มีเสื้อผ้าเพียงพอที่จะสวมใส่ และมีบ้านที่อบอุ่นพอที่จะอาศัย
อ้ายจำเรียนรู้สึกประทับใจในเรื่องราวของพอเพียงมาก เขาคิดว่าถ้าเขาสามารถใช้ชีวิตแบบพอเพียงได้ ชีวิตของเขาก็คงจะมีความสุขเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปหาพอเพียง
อ้ายจำเรียนเดินทางไปหลายวันหลายคืน ในที่สุดเขาก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาถามชาวบ้านว่าพอเพียงอาศัยอยู่ที่ไหน ชาวบ้านบอกว่าพอเพียงอาศัยอยู่ที่กระท่อมเล็กๆ หลังหนึ่งที่ปลายหมู่บ้าน
อ้ายจำเรียนเดินไปที่กระท่อมและเคาะประตู ชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูออกมา ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดวงตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตา อ้ายจำเรียนรู้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้นี้คือพอเพียง
อ้ายจำเรียนเล่าเรื่องราวของเขาให้พอเพียงฟัง พอเพียงฟังอย่างตั้งใจและเมื่ออ้ายจำเรียนเล่าจบ พอเพียงก็ยิ้มและพูดว่า "ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน อ้ายจำเรียน เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ"
อ้ายจำเรียนอยู่กับพอเพียงเป็นเวลาหลายเดือน เขาเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตแบบพอเพียงจากพอเพียง เขาเรียนรู้ที่จะปลูกผักของตัวเอง เลี้ยงสัตว์ของตัวเอง และสร้างบ้านของตัวเอง
เมื่ออ้ายจำเรียนเรียนรู้ทุกอย่างที่เขาต้องการแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะกลับบ้าน เขาขอบคุณพอเพียงสำหรับทุกสิ่งที่เขาได้สอนและสัญญาว่าจะใช้ชีวิตแบบพอเพียงตลอดไป
อ้ายจำเรียนกลับมาที่หมู่บ้านของเขาและเริ่มใช้ชีวิตแบบพอเพียง เขาปลูกผักของตัวเอง เลี้ยงสัตว์ของตัวเอง และสร้างบ้านของตัวเอง ชาวบ้านเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวอ้ายจำเรียนและพวกเขาก็เริ่มใช้ชีวิตแบบพอเพียงเช่นกัน
ในไม่ช้า หมู่บ้านของอ้ายจำเรียนก็กลายเป็นหมู่บ้านที่เจริญรุ่งเรืองและมีความสุข ชาวบ้านมีอาหารเพียงพอที่จะกิน มีเสื้อผ้าเพียงพอที่จะสวมใส่ และมีบ้านที่อบอุ่นพอที่จะอาศัย ทุกคนในหมู่บ้านมีความสุขและพอใจกับชีวิตของตนเอง
และนั่นคือเรื่องราวของอ้ายจำเรียน เด็กชายที่เรียนรู้ความสำคัญของความพอเพียงและนำความสุขมาสู่หมู่บ้านของเขา
๒๔.มีความสันโดษ
คำว่าสันโดษไม่ได้หมายถึงการอยู่ลำพังคนเดียวอย่างเดียวก็หาไม่ แต่หมายถึงการพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ในของของตัว ซึ่งท่านได้ให้นิยามที่เป็นลักษณะของความสันโดษเป็นดังนี้ คือ
๑.ยถาลาภสันโดษ หมายถึงความยินดีตามมีตามเกิด คือมีแค่ไหนก็พอใจเท่านั้น เป็นอยู่อย่างไรก็ควรจะพอใจ ไม่คิดน้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่
๒.ยถาพลสันโดษ หมายถึงความยินดีตามกำลัง เรามีกำลังแค่ไหนก็พอใจเท่านั้น ตั้งแต่กำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังบารมี หรือกำลังความสามารถเป็นต้น
๓.ยถาสารูปสันโดษ หมายถึงความยินดีตามควร ซึ่งโยงใยไปถึงความพอเหมาะพอควรในหลายๆเรื่อง เช่นรูปลักษณ์ของตนเอง และรวมทั้งฐานะที่เราเป็นอยู่
มงคลที่25 มีความกตัญญูรู้คุณ
นิทานเรื่องดาวลูกไก่
ณ บ้านเชิงเขา มีสองตายายอาศัยอยู่กับแม่ไก่ 1 ตัว และลูกไก่อีก 7 ตัว ตายายเลี้ยงดูพวกมันเป็นอย่างดี วันหนึ่งมีพระธุดงค์มาปักกลด ตากับยายจึงพากันไปกราบไหว้ และกลัมาคุยกันว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารอะไรไปถวายพระกันดี "พืชผักที่ปลูกไว้ก็ขายหมดแล้ว" ตาจึงบอกว่า "สงสัยเราคงจะต้องฆ่าแม่ไก่ไปทำแกงแล้วล่ะ" แม่ไก่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจจึงรีบกลับไปบอกลาลูก ๆ ทั้ง 7 ตัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทั้งหมดจะโผเข้ากอดกันร่ำไห้
เช้าวันรุ่งขึ้น ตากับยายก็ฆ่าแม่ไก่ไปทำแกงถวาย ลูกไก่ทั้ง 7 ตัว จึงปรึกษากันว่า เมื่อไม่มีแม่แล้วพวกตนจะอยู่กันอย่างไร ขอตายตามแม่ไก่ไปจะดีกว่า จากนั้นลูกไก่ทั้ง 7 ตัวก็พร้อมใจกันกระโดดเข้ากองไฟตายตามแม่ไปทันที ด้วยอานิสงส์ผลบุญของแม่ไก่และความกตัญญูของลูกทั้ง 7 ตัว ส่งผลให้บรรดาลูกไก่ไปเกิดเป็นกลุ่มดาว 7 ดวง ที่เราเรียกว่า "ดาวลูกไก่" นั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ::ความกตัญญูรู้คุณเป็นเครื่องหมายของคนดี
๒๕.มีความกตัญญู
คือการรู้คุณ และตอบแทนท่านผู้นั้น บุญคุณที่ว่านี้มิใช่ว่าตอบแทนกันแล้วก็หายกัน แต่หมายถึงการรำลึกถึงพระคุณที่เคยให้ความอุปการะแก่เราด้วยความเคารพยิ่ง ท่านว่าสิ่งของหรือผู้ที่ควรกตัญญูนั้นมีดังนี้
๑.กตัญญูต่อบุคคล บุคคลที่ควรกตัญญูก็คือใครก็ตามที่มีบุญคุณควรระลึกถึงและตอบแทนพระคุณ เช่น บิดา มารดา อาจารย์เป็นต้น
๒.กตัญญูต่อสัตว์ ได้แก่สัตว์ที่มีคุณต่อเราช่วยทำงานให้เรา เราก็ควรเลี้ยงดูให้ดีเช่นช้าง ม้า วัว ควาย หรือสุนัขที่ช่วยเฝ้าบ้านเป็นต้น
๓.กตัญญูต่อสิ่งของ ได้แก่สิ่งของทุกอย่างที่มีคุณต่อเราเช่น หนังสือที่ให้ความรู้แก่เรา อุปกรณ์ทำมาหากินต่างๆ เราไม่ควรทิ้งคว้าง หรือทำลายโดยไม่เห็นคุณค่า
อ่านต่อนิทานมงคลที่26-30กด👇🏽http://idjumrian.blogspot.com/2024/05/26-30.html
สวัสดีครับเพื่อนๆอยากจะสนับสนุนนิทานและคำกลอนของอ้ายจำเรียน แต่งโดยใช้เอไอช่วยแต่งให้บางเรื่องอ่านจะขวิดจะขัด อ้ายจำเรียนต้องโทษด้วยนะครับ อยากให้กำลังเล็กๆน้อยๆด้วยการโอนเงินได้ที่
พร้อมเพย์เบอร์👉0892718015
ทรูมันนี่วอเลทเบอร์👉0892718015
นาย จำเรียน จันทร์รักษา
ขอบคุณมากครับ
สุดท้ายนี้อ้ายจำเรียนไม่มีอะไรให้นอกจากอวยพรให้
อ้ายจำเรียนขอให้น้องๆคนที่ใจดีกับอ้ายจำเรียนและใจดีมีความแมตตาต่อผู้อื่นทุกคนสุขสันต์ทุกวันไม่เจ็บไม่ป่วย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้พระคุ้มครองคุณและครอบครัว ขอให้สุขสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา ขอให้การเรียนการงานการซื้อขายและธุรกิจ ราบรื่นสดใสปราศจากอุปสรรคทั้งปวง ขอให้สวยหล่อกันทุกคน ขอให้มีความสุขในการตอกกับแฟนราบรื่น จนถึงสวรรค์วิมานกันทุกคนนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น