นิทานวันที่13/05/2567

แต่งนิทานเรื่องเจ้าหญิงนิทรา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีอาณาจักรอันรุ่งเรืองปกครองโดยกษัตริย์และราชินีผู้เมตตา พวกเขามีความสุขอย่างมาก แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อราชินีประสูติเจ้าหญิงน้อยผู้แสนงดงาม แต่โชคร้ายที่ในวันนั้น แม่มดชั่วร้ายที่ไม่ได้รับเชิญมายังปราสาทเพื่อสาปแช่งเจ้าหญิง

"เจ้าหญิงน้อยผู้นี้จะต้องหลับใหลไปตลอดกาล เมื่ออายุครบ 16 ปี จากการถูกเข็มปั่นด้ายแทงที่นิ้ว" แม่มดชั่วร้ายประกาศ

กษัตริย์และราชินีสิ้นหวัง แต่โชคดีที่นางฟ้าใจดีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น "ข้าไม่สามารถลบล้างคำสาปได้" นางฟ้ากล่าว "แต่ข้าสามารถแก้ไขได้ เจ้าหญิงจะไม่หลับใหลไปตลอดกาล แต่จะตื่นขึ้นเมื่อเจ้าชายที่แท้จริงมาจุมพิตนาง"

เพื่อป้องกันไม่ให้คำสาปเป็นจริง กษัตริย์จึงสั่งให้รวบรวมเข็มปั่นด้ายทั้งหมดในอาณาจักรและเผาทิ้ง และห้ามไม่ให้มีใครพูดถึงเรื่องนี้กับเจ้าหญิง

ปีแล้วปีเล่า เจ้าหญิงเติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและฉลาด แต่โชคชะตาก็ยังคงเล่นตลก ในวันเกิดปีที่ 16 ของนาง ขณะที่นางสำรวจหอคอยเก่าแก่ในปราสาท นางก็พบกับเข็มปั่นด้ายเก่าแก่ซ่อนอยู่หลังตู้เสื้อผ้า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางจึงหยิบมันขึ้นมาและแทงนิ้วของนางเอง

ทันใดนั้น คำสาปก็เป็นจริง เจ้าหญิงหลับใหลไปทันที ทุกคนในปราสาทก็หลับใหลตามไปด้วย ต้นไม้ในสวนหยุดเติบโต และอาณาจักรทั้งมวกล้อมรอบไปด้วยหนามแหลมหนาทึบ

เวลาผ่านไปหลายร้อยปี เจ้าชายจากดินแดนไกลได้ยินเรื่องราวของเจ้าหญิงนิทรา เขาเดินทางมาที่อาณาจักรและฝ่าหนามแหลมเข้าไปในปราสาท เมื่อเขาพบเจ้าหญิงที่หลับใหลอยู่ เขาจำได้ทันทีว่านางคือเจ้าหญิงที่แท้จริง

เจ้าชายค่อยๆ ก้มลงและจุมพิตเจ้าหญิง เบาและอ่อนโยน ทันใดนั้น เจ้าหญิงก็ลืมตาตื่นขึ้น ราวกับว่านางเพิ่งจะหลับไปเมื่อวานนี้เอง

ทุกคนในปราสาทก็ตื่นขึ้น พร้อมกับต้นไม้ในสวนที่กลับมาเขียวขจีอีกครั้ง หนามแหลมหนาทึบก็หายไป และอาณาจักรก็กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

เจ้าชายและเจ้าหญิงแต่งงานกันและครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป และพวกเขาก็ไม่เคยลืมคำสาปของแม่มดชั่วร้าย แต่พวกเขารู้ว่าความรักที่แท้จริงสามารถเอาชนะความชั่วร้ายใดๆ ได้เสมอ
-----
Q287
แต่งนิทานเรื่องเจ้าหญิงโฉมงามกับเจ้าขายสูร
ในดินแดนอันไกลโพ้น มีเจ้าหญิงโฉมงามนามว่า "เบลล่า" ผู้มีดวงตาสีน้ำตาลแสนหวานและเส้นผมสีดำขลับราวกับปีกกา เธออาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่อ่ากับพ่อของเธอ ผู้เป็นนักประดิษฐ์ผู้เก่งกาจ

วันหนึ่ง ขณะที่พ่อของเบลล่าออกเดินทางไปยังงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ เบลล่าก็ถูกสัตว์ประหลาดรูปร่างน่าเกลียดนามว่า "เจ้าชายอสูร" จับตัวไปขังไว้ในปราสาทของเขา เจ้าชายอสูรมีรูปร่างใหญ่โต มีขนดกหนาสีดำและเขาแหลมคมบนหัวของเขา

เบลล่ากลัวเจ้าชายอสูรมากในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็เริ่มเห็นความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ที่น่ากลัวของเขา เจ้าชายอสูรมีใจดีและสุภาพ และเขาก็ตกหลุมรักเบลล่าอย่างเงียบๆ

ในขณะเดียวกัน พ่อของเบลล่าก็ออกตามหาลูกสาวของเขาอย่างสิ้นหวัง เขาเดินทางไปถึงปราสาทของเจ้าชายอสูร และเมื่อเจ้าชายอสูรเห็นเขา เขาก็โกรธมากและขังเขาไว้ในคุกใต้ดิน

เบลล่าขอร้องให้เจ้าชายอสูรปล่อยพ่อของเธอไป และเพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อ เธอจะยอมอยู่กับเจ้าชายอสูรตลอดไป เจ้าชายอสูรตกลงและปล่อยพ่อของเบลล่าไป

เบลล่าและเจ้าชายอสูรใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น และยิ่งนานวันเข้า เบลลาก็ยิ่งรักเจ้าชายอสูรมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเห็นความงามที่แท้จริงของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของเขา

วันหนึ่ง เจ้าชายอสูรขอเบลล่าแต่งงานกับเขา และเบลลาก็ตอบตกลง ในคืนวันแต่งงานของพวกเขา มีนางฟ้าใจดีปรากฏตัวขึ้นและเสกให้เจ้าชายอสูรกลับคืนสู่ร่างเดิมของเขา

เจ้าชายอสูรกลายเป็นเจ้าชายรูปงามนามว่า "เจ้าชายอดัม" และเขากับเบลล่าก็ครองชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไปในปราสาทอันโอ่อ่าของพวกเขา
-----
Q288
แต่งนิทานเรื่องเจ้าหญิงจัสมิน
ในดินแดนอันไกลโพ้นแห่งอาหรับราตรี มีเจ้าหญิงผู้เลอโฉมนามว่าจัสมิน เธอเป็นธิดาของสุลต่านแห่งเมืองอัคราบาห์ ผู้มีดวงตาสีมรกตอันลึกลับและเส้นผมสีดำดุจปีกกา

จัสมินเป็นเจ้าหญิงที่ฉลาดหลักแหลมและกล้าหาญ เธอไม่พอใจที่จะถูกจำกัดอยู่ในวัง เธอใฝ่ฝันที่จะสำรวจโลกและพบกับผู้คนจากทุกชนชั้น

วันหนึ่ง ขณะที่จัสมินกำลังเดินเล่นอยู่ในตลาด เธอได้พบกับชายหนุ่มรูปงามนามว่าอะลาดิน อะลาดินเป็นนักผจญภัยผู้ยากไร้ แต่เขามีหัวใจที่กล้าหาญและจิตใจที่อ่อนโยน

จัสมินและอะลาดินตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของพวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย สุลต่านไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของพวกเขา และจาฟาร์ เสนาบดีผู้ชั่วร้ายก็วางแผนที่จะยึดบัลลังก์

จัสมินและอะลาดินต้องต่อสู้เพื่อความรักของพวกเขา พวกเขาต้องเผชิญกับอันตรายและการทรยศ แต่ในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนๆ และพลังแห่งความรัก พวกเขาก็เอาชนะอุปสรรคและได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข
-----
Q289
แต่งนิทานเรื่องเจ้าหญิงเอลซ่า
ในดินแดนหิมะอันหนาวเหน็บและงดงาม อาศัยเจ้าหญิงผู้มีพลังพิเศษนามว่าเอลซ่า เธอสามารถควบคุมน้ำแข็งและหิมะได้ตามใจปรารถนา

เอลซ่าเป็นเจ้าหญิงที่สง่างามและมีเสน่ห์ แต่เธอก็เก็บซ่อนความลับไว้ในใจ เธอไม่สามารถควบคุมพลังของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเธอกลัวว่าจะทำร้ายคนที่เธอรัก

วันหนึ่ง ขณะที่เอลซ่ากำลังเล่นสนุกกับน้องสาวของเธอ แอนนา พลังของเธอได้หลุดออกจากการควบคุมและทำให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ

เอลซ่าตกใจและกลัว เธอวิ่งหนีออกจากเมืองไปยังภูเขาที่ห่างไกล เพื่อซ่อนตัวจากทุกคน

แอนนาตัดสินใจตามหาพี่สาวของเธอ และออกเดินทางไปยังภูเขาอันหนาวเหน็บ เธอเผชิญกับอันตรายมากมาย แต่ก็ไม่ย่อท้อ

ในที่สุด แอนนาก็พบเอลซ่าและพยายามโน้มน้าวให้เธอกลับบ้าน แต่เอลซ่ากลัวเกินกว่าจะควบคุมพลังของเธอได้

แอนนาไม่ยอมแพ้ เธอใช้ความรักและความกล้าหาญของเธอเพื่อช่วยเอลซ่าเอาชนะความกลัวของเธอ

ในที่สุด เอลซ่าก็เรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของเธอได้ และเธอก็กลับบ้านพร้อมกับแอนนา พวกเธอทั้งสองได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักและความกล้าหาญสามารถเอาชนะความกลัวใดๆ ก็ได้
-----
Q290
แต่งนิทานเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อย
ในอาณาจักรใต้น้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล อาศัยเจ้าหญิงเงือกน้อยนามว่ามารินา เธอเป็นเงือกสาวที่งดงามที่สุดในแดนสมุทร ด้วยเกล็ดสีมรกตแวววาวและดวงตาสีฟ้าใสดุจท้องทะเล

มารินาใฝ่ฝันที่จะได้ขึ้นไปยังโลกมนุษย์ เธอแอบขึ้นไปบนผิวน้ำบ่อยครั้งเพื่อแอบมองมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนบก วันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังแอบมองอยู่บนผิวน้ำ เธอก็ได้เห็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามกำลังประสบอุบัติเหตุเรือล่ม มารินาไม่รอช้า รีบว่ายน้ำไปช่วยเจ้าชายขึ้นมาจากน้ำ

เจ้าชายหนุ่มรู้สึกขอบคุณมารินาเป็นอย่างมาก เขาถามชื่อเธอและสัญญาว่าจะกลับมาหาเธออีกครั้ง มารินาดีใจมากที่ได้ช่วยเจ้าชาย แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอเป็นเงือกและไม่สามารถอยู่บนบกได้นาน

มารินาจึงตัดสินใจไปหาแม่มดทะเลเพื่อขอให้ช่วยเปลี่ยนหางของเธอให้เป็นขา เพื่อที่เธอจะได้ขึ้นไปบนบกและพบกับเจ้าชายอีกครั้ง แม่มดทะเลตกลงที่จะช่วยเธอ แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องแลกด้วยเสียงของเธอ

มารินาไม่ลังเลที่จะยอมแลกเสียงของเธอเพื่อที่จะได้ขึ้นไปบนบก เธอว่ายน้ำไปยังผิวน้ำและพบกับเจ้าชายอีกครั้ง เจ้าชายดีใจมากที่ได้พบเธออีกครั้งและขอให้เธอแต่งงานกับเขา มารินาตกลงและทั้งคู่ก็แต่งงานกันอย่างมีความสุข

แต่แล้ววันหนึ่ง มารินาได้พบกับแม่มดทะเลอีกครั้ง แม่มดทะเลบอกกับเธอว่าหากเธอต้องการให้เสียงของเธอกลับคืนมา เธอจะต้องฆ่าเจ้าชายและนำหัวใจของเขามาให้เธอ มารินาตกใจมาก เธอไม่สามารถฆ่าเจ้าชายที่เธอรักได้

มารินาตัดสินใจที่จะไม่ฆ่าเจ้าชาย เธอเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ตลอดไปและใช้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับเจ้าชายและคนอื่นๆ เจ้าชายและมารินาก็ยังคงครองรักกันอย่างมีความสุข แม้ว่ามารินาจะไม่มีเสียงพูดก็ตาม
-----
Q291

นิทานเรื่องถังน้ำ2ใบ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ เขาเป็นคนขยันและทำงานหนัก แต่โชคร้ายที่เขามีถังน้ำเพียง 2 ใบที่รั่วทั้งคู่ ทุกๆ วันเขาต้องตื่นแต่เช้าและเดินไปที่แม่น้ำเพื่อตักน้ำใส่ถังของเขา แต่กว่าจะกลับถึงบ้าน น้ำก็รั่วไหลออกจากถังเกือบหมดแล้ว

ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดและท้อแท้กับถังน้ำที่รั่วของเขามาก เขาพยายามซ่อมแซมหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับถังน้ำที่เกือบจะว่างเปล่า เขาได้พบกับชายชราคนหนึ่ง

ชายชราสังเกตเห็นความเศร้าโศกบนใบหน้าของชายหนุ่ม จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มก็เล่าเรื่องถังน้ำที่รั่วของเขาให้ชายชราฟัง

ชายชราฟังเรื่องราวของชายหนุ่มอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า "หนุ่มน้อย เจ้าจดจ่ออยู่กับน้ำที่รั่วไหลออกจากถังมากเกินไป จนลืมมองดูน้ำที่ยังเหลืออยู่ในถัง"

ชายหนุ่มประหลาดใจกับคำพูดของชายชรา เขามองลงไปในถังน้ำของเขาและตระหนักว่าถึงแม้ว่าน้ำจะรั่วไหลออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีน้ำเหลืออยู่มากมายที่เขาสามารถใช้ได้

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชายหนุ่มก็เปลี่ยนวิธีคิดของเขา เขาหยุดกังวลเกี่ยวกับน้ำที่รั่วไหลออกจากถัง และเริ่มขอบคุณสำหรับน้ำที่เขายังมีอยู่ เขายังคงทำงานหนักและตักน้ำจากแม่น้ำทุกวัน แต่ตอนนี้เขามีความสุขและมองโลกในแง่ดีมากขึ้น

และนั่นคือเรื่องราวของถังน้ำ 2 ใบที่สอนให้เราเห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราก็ยังสามารถหาเหตุผลที่จะขอบคุณและมีความสุขได้
-----
Q284
นิทานจีนเรื่องเรื่องราวของภาพนางในวัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในพระราชวังอันโอ่อ่าของจักรพรรดิแห่งแดนมังกร มีภาพวาดอันงดงามของนางในวังแขวนอยู่บนผนังห้องโถงใหญ่ ภาพวาดนั้นงดงามราวกับมีชีวิต นางในภาพมีดวงตาที่เปล่งประกายราวกับดวงดาว ผิวพรรณขาวราวหิมะ และริมฝีปากที่แดงระเรื่อราวกับกลีบกุหลาบ

ผู้คนต่างพากันชื่นชมความงามของภาพวาดนั้น แต่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของภาพวาดนี้ บางคนเล่าลือกันว่าเป็นฝีมือของจิตรกรเอกที่ได้วาดภาพนางในวังที่ตนเองแอบหลงรัก บางคนก็ว่าเป็นภาพวาดของนางในวังที่ได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน และได้สิงอยู่ในภาพวาดนั้น

คืนหนึ่ง ขณะที่พระราชวังเงียบสงัด มีเสียงดนตรีแว่วมาจากห้องโถงใหญ่ เมื่อเหล่าข้าราชบริพารเปิดประตูเข้าไป พวกเขาก็พบว่าภาพวาดของนางในวังได้หายไป และมีนางในวังที่งดงามราวกับในภาพวาดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

นางในวังผู้นั้นแนะนำตัวว่าชื่อ "หลิวหยาง" และเล่าว่าตนเป็นนางในวังที่ถูกกักขังอยู่ในภาพวาดมานานหลายปี เธอได้หลบหนีออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือของวิญญาณจิตรกรที่วาดภาพเธอ

หลิวหยางกลายเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว ด้วยความงามและความฉลาดของเธอ เธอได้เลื่อนขั้นเป็นพระสนมในเวลาอันรวดเร็ว แต่ความสุขของหลิวหยางก็อยู่ได้ไม่นาน

คืนหนึ่ง ขณะที่หลิวหยางกำลังนอนหลับ เธอได้ยินเสียงแว่วมาจากภาพวาดบนผนังห้องของเธอ ภาพวาดนั้นเป็นภาพของเธอเอง แต่ดวงตาของนางในภาพวาดนั้นกลับเปล่งประกายด้วยความโกรธและริษยา

หลิวหยางตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ และพบว่าภาพวาดนั้นได้หายไปอีกครั้ง และมีนางในวังที่หน้าตาเหมือนกับเธอเป๊ะยืนอยู่ตรงหน้าเธอ นางในวังผู้นั้นแนะนำตัวว่าชื่อ "หลิวซิน" และบอกว่าเธอคือวิญญาณของนางในวังที่ถูกกักขังอยู่ในภาพวาด

หลิวซินอิจฉาความงามและความสุขของหลิวหยาง เธอจึงได้หลบหนีออกมาจากภาพวาดเพื่อมาแก้แค้นหลิวหยาง หลิวซินใช้เวทมนตร์ของเธอเพื่อสลับร่างกับหลิวหยาง และกักขังหลิวหยางไว้ในภาพวาดแทนที่เธอ

หลิวซินปลอมตัวเป็นหลิวหยางและเข้าไปหาจักรพรรดิ เธอใช้เวทมนตร์ของเธอเพื่อทำให้จักรพรรดิหลงใหลในตัวเธอ และในที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นพระสนมเอกของจักรพรรดิ

ในขณะเดียวกัน หลิวหยางที่ถูกกักขังอยู่ในภาพวาดได้พยายามหาทางหนีออกมา เธอได้พบกับวิญญาณจิตรกรที่วาดภาพเธอ และวิญญาณจิตรกรได้ช่วยเธอหลบหนีออกมาจากภาพวาด

หลิวหยางกลับไปที่พระราชวังและเผชิญหน้ากับหลิวซิน เธอใช้เวทมนตร์ของเธอเพื่อต่อสู้กับหลิวซิน และในที่สุดเธอก็สามารถเอาชนะหลิวซินได้ หลิวซินถูกกักขังไว้ในภาพวาดอีกครั้ง และหลิวหยางก็ได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของเธอ

จักรพรรดิรู้สึกผิดต่อหลิวหยางที่เขาหลงเชื่อหลิวซิน เขาขอโทษหลิวหยางและแต่งตั้งให้เธอเป็นพระสนมเอกของเขา หลิวหยางและจักรพรรดิครองรักกันอย่างมีความสุข และเรื่องราวของภาพนางในวังก็กลายเป็นตำนานเล่าขานสืบมา
-----
Q285
นิทานเรื่องเจ้าชายกบ
เรื่องราวของ "เจ้าชายกบ" เป็นนิทานคลาสสิกที่สอนเด็กๆ เกี่ยวกับความสำคัญของการไม่ตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก เรื่องราวเริ่มต้นด้วยเจ้าหญิงแสนสวยที่อาศัยอยู่ในปราสาทขนาดใหญ่กับพระบิดาของเธอซึ่งเป็นกษัตริย์ ในวันเกิดของเธอ กษัตริย์นำลูกบอลทองคำมาให้เธอเป็นของขวัญ ซึ่งเธอชอบเล่นกับมันทุกวัน อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งเธอโยนลูกบอลสูงเกินไปและมันก็ตกลงไปในสระน้ำ ซึ่งมันก็จมลงไป กบตัวน้อยเสนอตัวช่วยเธอเอากลับคืนมา แต่เธอต้องสัญญาว่าจะให้มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ให้มันนั่งที่โต๊ะอาหารของเธอ และนอนข้างๆ เธอ เจ้าหญิงที่อยากได้ลูกบอลคืนมาโดยไม่คิดอะไรก็ตกลง กบเอากลับคืนมาได้สำเร็จและนำกลับมาให้เจ้าหญิง จากนั้นเธอก็เพิกเฉยและเดินจากไป

เย็นวันนั้น เจ้าหญิงนั่งทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเธอ และพวกเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากนอกประตู เมื่อพวกเขาเปิดประตู พวกเขาก็พบกบยืนอยู่ที่นั่น อ้างว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้าหญิง กษัตริย์รู้สึกประหลาดใจและขอให้เจ้าหญิงอธิบายสถานการณ์ เธอเล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับคำสัญญาของเธอกับกบและวิธีที่มันช่วยเธอเอากลับคืนมา กษัตริย์สั่งให้คนรับใช้ปล่อยกบเข้ามา และกบก็มาร่วมทานอาหารเย็นกับพวกเขา หลังอาหารเย็น เจ้าหญิงขอตัวไปที่ห้องนอนของเธอ แต่กบยืนกรานที่จะนอนข้างๆ เธอ ซึ่งเธอจำใจตกลง

เช้าวันรุ่งขึ้น กบปลุกเจ้าหญิง เธอรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรกแต่สุดท้ายก็หลับไปเพราะความเหนื่อยล้า เรื่องราวจบลงด้วยเจ้าหญิงที่ได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับการไม่ตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกและการรักษาสัญญา แม้ว่าจะทำได้ยากก็ตาม

------
References:
- https://www.enfababy.com/bedtime-story-thefrogprince
- https://www.youtube.com/watch?v=vRWiGh8CQ_0
- https://folktales.sac.or.th/folktale-details.php?id=208

-----
Q266
นิทานเรื่องเจ้าหญิงชันเดอรเรลล่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีหญิงสาวแสนสวยนามว่า ชันเดอรเรลล่า นางอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายและลูกเลี้ยงสองคนของนาง ชันเดอรเรลล่าถูกบังคับให้ทำงานบ้านทุกอย่างตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นางไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือสนุกสนานเหมือนคนอื่นๆ

วันหนึ่ง ราชวังได้ประกาศว่าจะมีงานเต้นรำเพื่อหาเจ้าสาวให้กับเจ้าชายหนุ่ม ชันเดอรเรลล่าอยากไปงานเต้นรำมาก แต่แม่เลี้ยงของนางไม่ยอมให้ไป นางบอกว่าชันเดอรเรลล่าไม่สวยพอและไม่มีชุดสวยๆ ที่จะใส่ไปงาน

ชันเดอรเรลล่าเสียใจมาก นางร้องไห้จนหลับไป ขณะที่นางหลับอยู่นั้น นางฟ้าแม่ทูนหัวก็ปรากฏตัวขึ้น นางฟ้าแม่ทูนหัวเสกให้ชันเดอรเรลล่ามีชุดราตรีสีฟ้าแสนสวย รองเท้าแก้ว และรถม้าฟักทองพร้อมม้าสีขาว

นางฟ้าแม่ทูนหัวเตือนชันเดอรเรลล่าว่า เวทมนตร์ของนางจะเสื่อมลงเมื่อถึงเที่ยงคืน ชันเดอรเรลล่าต้องรีบกลับมาให้ทันก่อนเวลานั้น

ชันเดอรเรลล่าไปถึงงานเต้นรำ นางสวยงามราวกับเจ้าหญิง เจ้าชายหนุ่มตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็น ทั้งสองเต้นรำด้วยกันตลอดทั้งคืน ชันเดอรเรลล่ามีความสุขมาก นางลืมไปเลยว่าเวทมนตร์ของนางฟ้าแม่ทูนหัวจะเสื่อมลง

เมื่อใกล้ถึงเที่ยงคืน ชันเดอรเรลล่ารีบวิ่งออกจากงานเต้นรำ นางวิ่งจนรองเท้าแก้วข้างหนึ่งหลุดหายไป เจ้าชายหนุ่มเก็บรองเท้าแก้วไว้และประกาศว่าจะตามหาเจ้าของรองเท้าแก้วคนนี้จนกว่าจะเจอ

เจ้าชายหนุ่มเดินทางไปทั่วราชอาณาจักรเพื่อตามหาเจ้าของรองเท้าแก้ว จนกระทั่งมาถึงบ้านของชันเดอรเรลล่า ลูกเลี้ยงทั้งสองของแม่เลี้ยงพยายามสวมรองเท้าแก้ว แต่ก็ใส่ไม่ได้ แม่เลี้ยงจึงขังชันเดอรเรลล่าไว้ในห้อง

เจ้าชายหนุ่มได้ยินเสียงชันเดอรเรลล่าร้องเพลงอยู่จึงตามเสียงไป นางสวมรองเท้าแก้วพอดี เจ้าชายหนุ่มจำชันเดอรเรลล่าได้ทันที ทั้งสองแต่งงานกันและครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป
-----
Q267
นิทานเรื่องเจ้าหญิงดอกไม้กับเจ้าชายดวงตะวัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีอาณาจักรที่ปกครองโดยกษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถและพระราชินีผู้แสนงดงาม พวกพระองค์มีพระราชธิดาที่งดงามราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง พระนางทรงพระนามว่า "เจ้าหญิงดอกไม้"

ในอาณาจักรใกล้เคียง มีเจ้าชายหนุ่มผู้กล้าหาญและหล่อเหลาพระนามว่า "เจ้าชายดวงตะวัน" พระองค์ทรงมีพระทัยเมตตาและทรงรักในความยุติธรรม

วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าหญิงดอกไม้ทรงเดินเล่นอยู่ในสวนหลวง พระนางได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะ พระนางทรงเดินตามเสียงเพลงไปจนถึงริมน้ำ และพบเจ้าชายดวงตะวันกำลังทรงบรรเลงพิณอยู่

เจ้าหญิงดอกไม้ทรงตกหลุมรักเจ้าชายดวงตะวันทันทีที่ได้เห็นพระองค์ ส่วนเจ้าชายดวงตะวันก็ทรงตกหลุมรักเจ้าหญิงดอกไม้เช่นกัน ทั้งสองพระองค์ทรงพบกันอีกหลายครั้งในสวนหลวง และทรงตกหลุมรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ความรักของทั้งสองพระองค์ไม่เป็นที่ยอมรับจากพระราชบิดาของเจ้าหญิงดอกไม้ พระราชาทรงต้องการให้พระราชธิดาของพระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าชายจากอาณาจักรอื่นที่ทรงอำนาจกว่า

เจ้าหญิงดอกไม้ทรงเสียพระทัยมากที่พระราชบิดาทรงไม่ยอมรับความรักของพระนางกับเจ้าชายดวงตะวัน พระนางทรงร้องไห้ทุกวันจนพระเนตรบวมแดง

เจ้าชายดวงตะวันทรงทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะลักพาตัวเจ้าหญิงดอกไม้หนีไป ทั้งสองพระองค์ทรงวางแผนที่จะพบกันที่ริมน้ำในยามค่ำคืน

ในคืนที่กำหนด เจ้าชายดวงตะวันทรงพายเรือมารับเจ้าหญิงดอกไม้ที่ริมน้ำ ทั้งสองพระองค์ทรงหนีไปด้วยกัน และทรงอภิเษกสมรสกันในอาณาจักรที่อยู่ไกลโพ้น

พระราชบิดาของเจ้าหญิงดอกไม้ทรงกริ้วมากที่พระราชธิดาของพระองค์ทรงหนีไปกับเจ้าชายดวงตะวัน พระองค์ทรงส่งทหารออกตามหาทั้งสองพระองค์ แต่ก็ไม่พบ

เจ้าหญิงดอกไม้และเจ้าชายดวงตะวันทรงครองชีวิตอย่างมีความสุขในอาณาจักรใหม่ของพระองค์ ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาหลายพระองค์ และทรงปกครองอาณาจักรด้วยความยุติธรรมและเมตตา

และนับจากนั้นมา ก็มีการเล่าขานเรื่องราวความรักของเจ้าหญิงดอกไม้กับเจ้าชายดวงตะวันไปทั่วทั้งดินแดน เป็นเรื่องราวของความรักที่เอาชนะอุปสรรคทั้งปวง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย
-----
Q268

นิทานเรื่องเจ้าหญิงโสนน้อยเรือนงาม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งนามว่า "โสนน้อย" เธอเป็นธิดาของพระราชาและพระราชินีแห่งเมืองไกลโพ้น โสนน้อยเป็นเจ้าหญิงที่งดงามมาก ผิวพรรณผ่องใสดั่งหยก ผมยาวสลวยดั่งไหม และดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้า

โสนน้อยอาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่อ่าหรูหรา แต่เธอกลับไม่ชอบความหรูหราฟุ่มเฟือย เธอชอบที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่า

วันหนึ่ง โสนน้อยตัดสินใจออกจากปราสาทเพื่อไปเที่ยวเล่นในป่า เธอเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงกระท่อมหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง กระท่อมหลังนี้ดูเก่าและทรุดโทรมมาก โสนน้อยจึงเข้าไปดูข้างใน

ภายในกระท่อม โสนน้อยพบหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก หญิงชราผู้นี้ดูยากจนและน่าสงสารมาก โสนน้อยจึงถามหญิงชราว่า "คุณยายคะ คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่า"

หญิงชราตอบว่า "ยายไม่เป็นอะไรหรอกลูก เพียงแต่ยายแก่แล้ว ไม่มีแรงจะทำงานอะไรแล้ว"

โสนน้อยรู้สึกสงสารหญิงชรา จึงอาสาช่วยหญิงชราทำงานบ้าน หญิงชราดีใจมาก จึงให้โสนน้อยช่วยกวาดบ้าน ถูบ้าน และหุงข้าว

โสนน้อยทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็ง หญิงชราจึงถามโสนน้อยว่า "ลูกชื่ออะไรมาจากไหน"

โสนน้อยตอบว่า "ชื่อโสนน้อยค่ะ เป็นเจ้าหญิงมาจากเมืองไกลโพ้น"

หญิงชราประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเจ้าหญิงจะมาช่วยทำงานบ้านให้ตนเอง จึงถามโสนน้อยว่า "แล้วทำไมเจ้าหญิงถึงมาช่วยยายทำงานบ้านล่ะ"

โสนน้อยตอบว่า "โสนน้อยชอบที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่าค่ะ"

หญิงชราฟังแล้วก็ยิ้ม "เจ้าหญิงช่างเป็นคนดีจริงๆ"

โสนน้อยช่วยหญิงชราทำงานบ้านจนเสร็จ แล้วก็กลับเข้าปราสาท พระราชาและพระราชินีดีใจมากที่เห็นโสนน้อยกลับมาอย่างปลอดภัย และเมื่อทรงทราบว่าโสนน้อยไปช่วยหญิงชราทำงานบ้าน ก็ทรงชื่นชมโสนน้อยมาก

ตั้งแต่นั้นมา โสนน้อยก็มักจะออกจากปราสาทไปช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้เสมอ เธอเป็นที่รักของทั้งชาวบ้านและพระราชาพระราชินี
-----
Q269

นิทานเรื่องพญากาเผือก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพญานาคตนหนึ่งชื่อว่า "พญากาเผือก" อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลใต้แม่น้ำโขง พญากาเผือกนั้นมีรูปร่างใหญ่โต งดงาม มีเกล็ดสีขาวบริสุทธิ์แวววาวดุจดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า และมีดวงแก้ววิเศษประจำกายที่ส่องแสงเจิดจ้าไปทั่วทั้งเมืองบาดาล

วันหนึ่ง พญากาเผือกได้ว่ายขึ้นมาบนโลกมนุษย์เพื่อหาอาหาร เมื่อพญากาเผือกขึ้นมาถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง ก็ได้พบกับหญิงสาวสวยคนหนึ่งชื่อว่า "นางบุษบา" นางบุษบากำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ พญากาเผือกเห็นนางบุษบาก็เกิดหลงใหลในความงาม จึงแปลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงามแล้วเดินเข้าไปหา

พญากาเผือกในร่างชายหนุ่มได้ทำทีเป็นช่วยนางบุษบาซักผ้าและพูดคุยกับนางอย่างไพเราะ นางบุษบาเองก็รู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มผู้นี้ จึงได้พูดคุยตอบโต้อย่างเป็นกันเอง ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอกันจนลืมเวลาไป

เมื่อถึงเวลาเย็น ชายหนุ่มจึงขอตัวกลับ พญากาเผือกในร่างชายหนุ่มได้บอกกับนางบุษบาว่าตนชื่อ "อาทิตย์" และนัดหมายว่าจะกลับมาหาอีกในวันพรุ่งนี้ นางบุษบาตกลงและรอคอยการมาของอาทิตย์ด้วยใจจดใจจ่อ

วันต่อมา อาทิตย์ก็กลับมาหาบุษบาอีกครั้ง ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างมีความสุขเหมือนเช่นเคย จนกระทั่งถึงเวลาเย็น อาทิตย์ก็ขอตัวกลับอีกครั้ง แต่คราวนี้ อาทิตย์ได้ขอให้นางบุษบารอคอยตนที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงในวันพรุ่งนี้ นางบุษบาตกลงและรอคอยการมาของอาทิตย์ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง

แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น อาทิตย์ก็ไม่ปรากฏตัว นางบุษบารอคอยจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินก็ยังไม่เห็นวี่แววของอาทิตย์ นางบุษบาเสียใจมาก จึงตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำโขงเพื่อตามหาอาทิตย์

เมื่อนางบุษบากระโดดลงไปในแม่น้ำโขง พญากาเผือกก็ได้แปลงกายกลับเป็นร่างเดิมและโอบกอดนางบุษบาไว้ พญากาเผือกบอกกับนางบุษบาว่าตนเองคือพญากาเผือกและที่ตนไม่มาหาในวันนั้นก็เพราะว่าตนต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนในเมืองบาดาล

นางบุษบาเข้าใจและยอมรับความจริง พญากาเผือกได้พานางบุษบากลับไปยังเมืองบาดาลและทั้งสองก็ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป
-----
Q271

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม