นิทานวันที่11/05/2567
นิทานเรื่องเจ้าหญิงขี้อายกับเจ้าชายหูเพี้ยน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงขี้อายนามว่า "อลิซ" เธออาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่อ่าพร้อมกับบิดาและมารดาของเธอ เจ้าหญิงอลิซเป็นคนสวยมาก แต่เธอกลับขี้อายจนไม่กล้าสบตาใครเลย เวลามีคนมองมาที่เธอ เธอจะรีบหลบสายตาและหน้าแดงก่ำทันที
ในขณะเดียวกัน ในอาณาจักรใกล้เคียง มีเจ้าชายหูเพี้ยนนามว่า "เอริค" เจ้าชายเอริคเป็นคนรูปงาม แต่โชคร้ายที่หูของเขานั้นใหญ่และเพี้ยนมากจนผู้คนต่างพากันหัวเราะเยาะเขา เจ้าชายเอริคจึงกลายเป็นคนเก็บตัวและไม่กล้าออกไปไหน
วันหนึ่ง เจ้าหญิงอลิซและเจ้าชายเอริคได้พบกันโดยบังเอิญที่งานเลี้ยงในปราสาทของกษัตริย์แห่งอาณาจักรใกล้เคียง เจ้าหญิงอลิซรู้สึกประหม่ามากเมื่อเห็นเจ้าชายเอริค แต่เธอก็พยายามฝืนใจตัวเองให้มองสบตาเขา เจ้าชายเอริคก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน แต่เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าหญิงอลิซก็ขี้อายเหมือนกัน เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกันอย่างช้าๆ และค่อยๆ เปิดใจให้กันฟัง เจ้าหญิงอลิซเล่าให้เจ้าชายเอริคฟังถึงความขี้อายของเธอ ส่วนเจ้าชายเอริคก็เล่าให้เจ้าหญิงอลิซฟังถึงความหูเพี้ยนของเขา ทั้งสองคนต่างเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน
หลังจากงานเลี้ยงวันนั้น เจ้าหญิงอลิซและเจ้าชายเอริคก็เริ่มเขียนจดหมายหากันเป็นประจำ พวกเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กันฟัง แบ่งปันความรู้สึก และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ด้วยการเขียนจดหมาย พวกเขาสามารถเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้โดยไม่ต้องอาย
เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหญิงอลิซและเจ้าชายเอริคก็ตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้ง พวกเขาตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน และงานแต่งงานของพวกเขาก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรทั้งสอง
เจ้าหญิงอลิซและเจ้าชายเอริคครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความรักสามารถเอาชนะความแตกต่างทางรูปลักษณ์ได้ และความรักที่แท้จริงนั้นมาจากภายในจิตใจ
-----
Q279
นิทานเรื่องลิงกับเต่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าอันกว้างใหญ่ มีลิงตัวหนึ่งชื่อ "ลิงน้อย" และเต่าตัวหนึ่งชื่อ "เต่าช้า" ลิงน้อยเป็นสัตว์ที่ว่องไวและชอบกระโดดโลดเต้นไปมา ส่วนเต่าช้าเป็นสัตว์ที่เชื่องช้าและเคลื่อนไหวได้ช้ามาก
วันหนึ่ง ลิงน้อยและเต่าช้าได้ตัดสินใจที่จะแข่งขันกันว่าใครจะไปถึงยอดเขาได้ก่อน ลิงน้อยมั่นใจมากว่าจะต้องชนะ เพราะมันว่องไวและสามารถกระโดดได้ไกลกว่าเต่าช้ามาก
ลิงน้อยออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเต่าช้าไว้ข้างหลังอย่างไกล แต่ลิงน้อยก็หยุดพักเป็นระยะๆ เพื่อกินผลไม้และเล่นสนุกกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ในขณะที่เต่าช้าค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ แต่ไม่เคยหยุดพักเลย
เมื่อลิงน้อยมาถึงยอดเขา มันก็พบว่าเต่าช้าได้มาถึงยอดเขาก่อนแล้ว ลิงน้อยรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังมาก มันจึงถามเต่าช้าว่า "เจ้ามาถึงยอดเขาก่อนข้าได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ข้าเร็วกว่าเจ้ามากมาย"
เต่าช้าตอบว่า "ถึงแม้ว่าเจ้าจะเร็วกว่าข้า แต่เจ้าก็หยุดพักเป็นระยะๆ ส่วนข้าไม่เคยหยุดพักเลย แม้ว่าข้าจะช้า แต่ข้าก็มีความอดทนและความมุ่งมั่นมากกว่าเจ้า"
ลิงน้อยได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าในวันนั้นว่า ความเร็วไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญเสมอไป ความอดทนและความมุ่งมั่นต่างหากที่นำไปสู่ความสำเร็จ
-----
Q281
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มรูปงามนามว่า "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นหนุ่มขยันขันแข็งและมีจิตใจดีงาม ส่วนในหมู่บ้านใกล้เคียงกันนั้น มีหญิงสาวแสนสวยนามว่า "น้องบิ๋ม" เธอเป็นสาวงามที่มีจิตใจอ่อนโยนและชอบช่วยเหลือผู้อื่น
วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้ออกไปหาฟืนในป่าอ้อยใกล้หมู่บ้าน ขณะที่เขากำลังเดินไปตามทาง ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากพุ่มไม้ข้างทาง เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปดู และพบว่าน้องบิ๋มกำลังถูกงูร้ายเลื้อยเข้ามาทำร้าย
โดยไม่ลังเล อ้ายจำเรียนคว้าไม้ข้างทางแล้วฟาดไปที่งูร้ายจนมันหนีหายไป น้องบิ๋มปลอดภัยแล้ว เธอจึงรีบขอบคุณอ้ายจำเรียนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างถูกคอและรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ
หลังจากวันนั้น อ้ายจำเรียนและน้องบิ๋มก็ได้แอบไปพบกันที่ป่าอ้อยแห่งนั้นอยู่บ่อยๆ พวกเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กันฟังและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ จนความรักของทั้งคู่ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น
เมื่อความรักของทั้งคู่สุกงอม อ้ายจำเรียนจึงตัดสินใจไปสู่ขอน้องบิ๋มจากพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่ของน้องบิ๋มเห็นว่าอ้ายจำเรียนเป็นคนดีและรักลูกสาวของตนจริง จึงยินยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน
อ้ายจำเรียนและน้องบิ๋มได้แต่งงานกันอย่างมีความสุขและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป
-----
Q254
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนรักน้อง...เจอกันที่ป่าอ้อย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มรูปงามนามว่า "อ้ายจำเรียน" เขาเป็นหนุ่มขยันขันแข็งและมีจิตใจดีงาม ส่วนในหมู่บ้านใกล้เคียงกันนั้น มีหญิงสาวแสนสวยนามว่า "น้อง..." เธอเป็นสาวงามที่มีจิตใจอ่อนโยนและชอบช่วยเหลือผู้อื่น
วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนได้ออกไปหาฟืนในป่าอ้อยใกล้หมู่บ้าน ขณะที่เขากำลังเดินไปตามทาง ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากพุ่มไม้ข้างทาง เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปดู และพบว่าน้อง...กำลังถูกงูร้ายเลื้อยเข้ามาทำร้าย
โดยไม่ลังเล อ้ายจำเรียนคว้าไม้ข้างทางแล้วฟาดไปที่งูร้ายจนมันหนีหายไป น้อง...ปลอดภัยแล้ว เธอจึงรีบขอบคุณอ้ายจำเรียนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างถูกคอและรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ
หลังจากวันนั้น อ้ายจำเรียนและน้อง...ก็ได้แอบไปพบกันที่ป่าอ้อยแห่งนั้นอยู่บ่อยๆ พวกเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กันฟังและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ จนความรักของทั้งคู่ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น
เมื่อความรักของทั้งคู่สุกงอม อ้ายจำเรียนจึงตัดสินใจไปสู่ขอน้อง...จากพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่ของน้อง...เห็นว่าอ้ายจำเรียนเป็นคนดีและรักลูกสาวของตนจริง จึงยินยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน
อ้ายจำเรียนและน้อง...ได้แต่งงานกันอย่างมีความสุขและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป
-----
Q255
นิทานเรื่องความรักอ้ายจำเรียนกับเเอปเปิ้ล
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีชายหนุ่มรูปงามนามว่า อ้ายจำเรียน เขาเป็นคนขยันและฉลาด แต่ก็ขี้อายและไม่กล้าแสดงความรู้สึกต่อหญิงสาวที่ตนรัก นามว่า แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นหญิงสาวที่แสนสวยและใจดี เธอเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน แต่เธอกลับไม่สนใจใครเลย เพราะหัวใจของเธอได้มอบให้กับอ้ายจำเรียนไปแล้ว
วันหนึ่ง อ้ายจำเรียนตัดสินใจที่จะสารภาพความรู้สึกของตนเองกับแอปเปิ้ล แต่เขากลับไม่กล้าที่จะพูดต่อหน้า เขาจึงเขียนจดหมายแทน และฝากให้เพื่อนของเขาไปส่งให้แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลดีใจมากเมื่อได้รับจดหมายจากอ้ายจำเรียน เธอรีบอ่านจดหมายนั้นทันที และเมื่อเธออ่านจบ เธอก็รู้สึกมีความสุขที่สุดในโลก เธอตอบจดหมายกลับไปหาอ้ายจำเรียนทันที และนัดพบเขาที่สวนสาธารณะในวันรุ่งขึ้น
อ้ายจำเรียนและแอปเปิ้ลได้พบกันที่สวนสาธารณะตามที่นัดหมายไว้ ทั้งคู่ต่างก็ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง พวกเขาได้พูดคุยกันอย่างมีความสุข และในที่สุด อ้ายจำเรียนก็ได้สารภาพความรู้สึกของตนเองต่อแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลยิ้มอย่างเขินอาย และบอกว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา ทั้งคู่ต่างก็มีความสุขมาก และได้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อ้ายจำเรียนและแอปเปิ้ลก็ได้คบหากันเป็นแฟน พวกเขารักกันมาก และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ
-----
Q256
นิทานเรื่องม่อนกินตับกับน้องฮาดี้กับอ้ายจำเรียน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายสองคนชื่อฮาดี้กับอ้ายจำเรียน ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมาก วันหนึ่งทั้งคู่ไปเล่นด้วยกันที่ป่าใกล้บ้าน ขณะที่กำลังเล่นกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!"
ฮาดี้กับอ้ายจำเรียนรีบวิ่งไปตามเสียงร้องนั้น จนกระทั่งไปเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้
"หนูเป็นอะไร" ฮาดี้ถาม
"หนูโดนยักษ์จับตัวมา" เด็กผู้หญิงตอบ
"ยักษ์เหรอ" อ้ายจำเรียนถาม
"ใช่ค่ะ ยักษ์ตัวใหญ่และน่ากลัวมาก" เด็กผู้หญิงตอบ
ฮาดี้กับอ้ายจำเรียนมองหน้ากัน แล้วตัดสินใจว่าจะช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้น ทั้งสามคนจึงพากันไปที่ถ้ำของยักษ์
เมื่อไปถึงถ้ำ ทั้งสามคนก็เห็นยักษ์ตัวใหญ่กำลังนอนหลับอยู่ ฮาดี้กับอ้ายจำเรียนจึงแอบเข้าไปในถ้ำ แล้วช่วยเด็กผู้หญิงออกมา
เด็กผู้หญิงขอบคุณฮาดี้กับอ้ายจำเรียน แล้วทั้งสามคนก็รีบวิ่งหนีออกจากถ้ำ
แต่แล้วจู่ๆ ยักษ์ก็ตื่นขึ้นมา แล้วเห็นว่าเด็กผู้หญิงหายไป ยักษ์จึงโกรธมาก แล้ววิ่งไล่ตามฮาดี้กับอ้ายจำเรียน
ฮาดี้กับอ้ายจำเรียนวิ่งหนีสุดชีวิต จนกระทั่งมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ทั้งคู่จึงกระโดดลงไปในแม่น้ำ
ยักษ์วิ่งตามมาถึงริมแม่น้ำ แต่ไม่กล้าลงไปในน้ำ เพราะกลัวน้ำ ยักษ์จึงยืนด่าฮาดี้กับอ้ายจำเรียนอยู่ริมฝั่ง
ฮาดี้กับอ้ายจำเรียนว่ายน้ำไปจนถึงฝั่งตรงข้าม แล้วรีบวิ่งกลับบ้านไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่ฟัง
พ่อแม่ของฮาดี้กับอ้ายจำเรียนดีใจมากที่ลูกชายทั้งสองปลอดภัย แล้วทั้งครอบครัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
-----
Q257
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนรักน้องเวฟในป่ากล้วย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่ากล้วยอันร่มรื่น มีหนุ่มน้อยชื่ออ้ายจำเรียน เขามีหน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณผ่องใส และมีจิตใจอ่อนโยน วันหนึ่งขณะที่อ้ายจำเรียนกำลังเดินเล่นอยู่ในป่ากล้วย เขาก็ได้พบกับน้องเวฟ สาวน้อยแสนสวยผู้มีดวงตาเป็นประกายและรอยยิ้มที่สดใส
อ้ายจำเรียนตกหลุมรักน้องเวฟตั้งแต่แรกเห็น เขาจึงตัดสินใจสารภาพความในใจกับเธอ น้องเวฟก็รู้สึกดีกับอ้ายจำเรียนเช่นกัน ทั้งสองจึงตกลงคบหากันเป็นแฟน
ความรักของอ้ายจำเรียนและน้องเวฟงอกงามราวกับต้นกล้วยในป่า พวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขในป่ากล้วยแห่งนั้น ทุกๆ วันอ้ายจำเรียนจะพาน้องเวฟไปเดินเล่นในป่า เก็บดอกกล้วยมาให้เธอ และร้องเพลงรักให้เธอฟัง
วันหนึ่งขณะที่อ้ายจำเรียนและน้องเวฟกำลังนั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นกล้วย พวกเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากในป่า ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป
เมื่อเดินไปได้สักพัก พวกเขาก็พบเห็นกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งกำลังปล้นชาวบ้าน อ้ายจำเรียนไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านทันที น้องเวฟเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไปช่วยอ้ายจำเรียน
ด้วยความกล้าหาญและความสามารถของอ้ายจำเรียน เขาจึงสามารถเอาชนะโจรกลุ่มนั้นได้สำเร็จ ชาวบ้านต่างก็ชื่นชมในความกล้าหาญของอ้ายจำเรียน และขอบคุณน้องเวฟที่ช่วยเหลือพวกเขา
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ชื่อเสียงของอ้ายจำเรียนและน้องเวฟก็โด่งดังไปทั่วป่ากล้วย ทุกคนต่างก็ยกย่องพวกเขาว่าเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีของป่ากล้วย
อ้ายจำเรียนและน้องเวฟยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในป่ากล้วยแห่งนั้น พวกเขามีลูกด้วยกันหลายคน และลูกๆ ของพวกเขาก็เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม
และนั่นก็คือเรื่องราวความรักของอ้ายจำเรียนและน้องเวฟในป่ากล้วย นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ความกล้าหาญและความเสียสละสามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆ ก็ได้ และความรักที่แท้จริงจะงอกงามและยั่งยืนตลอดไป
-----
Q258
นิทานเรื่องฟีฟาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันไกลโพ้น มีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อว่าฟีฟาย เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความงามและความรุ่งเรือง ผู้คนในเมืองฟีฟายเป็นที่รู้จักในเรื่องความใจดีและความมีน้ำใจไมตรี
ในเมืองฟีฟาย มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าเอลล่า เอลล่าเป็นหญิงสาวที่สวยงามและฉลาด เธอมีผมยาวสีทองและดวงตาสีฟ้าสดใส เอลล่าอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงสองคน แม่เลี้ยงของเธอเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายและอิจฉาความงามของเอลล่า เธอปฏิบัติต่อเอลล่าเหมือนคนรับใช้และบังคับให้เธอทำงานบ้านทั้งหมด
วันหนึ่ง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองว่าจะมีงานเต้นรำที่พระราชวัง เจ้าชายหนุ่มกำลังมองหาเจ้าสาว และหญิงสาวทุกคนในเมืองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเต้นรำ แม่เลี้ยงของเอลล่าไม่ต้องการให้อลล่าไปงานเต้นรำเพราะเธอรู้ว่าเอลล่าจะสวยที่สุดในงาน เธอจึงสั่งให้อลล่าทำงานบ้านมากมายและห้ามไม่ให้อลล่าไปงานเต้นรำ
เอลล่าเสียใจมากที่เธอไม่สามารถไปงานเต้นรำได้ เธออยากเต้นรำกับเจ้าชายหนุ่มและมีความหวังว่าเขาจะตกหลุมรักเธอ ในขณะที่เธอกำลังร้องไห้ เทพธิดาใจดีก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ เทพธิดากล่าวว่า "อย่าร้องไห้ เอลล่า ฉันจะช่วยให้คุณไปงานเต้นรำ"
เทพธิดาแตะเอลล่าด้วยไม้กายสิทธิ์ของเธอและทันใดนั้น ชุดราตรีสีฟ้าที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นบนตัวของเอลล่า เธอยังมอบรองเท้าแก้วคริสตัลให้กับเอลล่าและบอกว่า "รองเท้าคู่นี้จะหายไปในเวลาเที่ยงคืน คุณต้องกลับมาที่นี่ก่อนหน้านั้น"
เอลล่าขอบคุณเทพธิดาและรีบไปที่งานเต้นรำ เมื่อเธอมาถึงงานเต้นรำ ทุกคนก็หันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ เธอสวยที่สุดในงาน เจ้าชายหนุ่มเข้ามาหาเธอและขอให้เธอเต้นรำด้วย เอลล่าและเจ้าชายหนุ่มเต้นรำกันตลอดทั้งคืน พวกเขาตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วนาฬิกาก็เริ่มตีเที่ยงคืน เอลล่าจำได้ว่ารองเท้าแก้วคริสตัลของเธอจะหายไปในเวลาเที่ยงคืน เธอรีบวิ่งออกจากงานเต้นรำและทำรองเท้าแก้วคริสตัลข้างหนึ่งหายไป เจ้าชายหนุ่มวิ่งตามเธอไปและพบรองเท้าแก้วคริสตัลข้างหนึ่ง
เจ้าชายหนุ่มประกาศว่าเขาจะแต่งงานกับหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วคริสตัลข้างนี้ได้พอดี เขาเดินทางไปทั่วทั้งเมืองเพื่อค้นหาเจ้าของรองเท้าแก้วคริสตัล ในที่สุด เขาก็มาถึงบ้านของเอลล่าและรองเท้าก็พอดีกับเท้าของเธอ
เจ้าชายหนุ่มและเอลล่าแต่งงานกันและครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป
-----
Q259
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น