นิทานมงคลที่11-15

มงคลที่11การบำรุงบิดามารดา
นิทานเรื่องกตัญญูต่อพ่อแม่
  มีหงส์ฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ที่ภูเขา ริมทะเลอันดามัน แม่หงส์ทุกตัวกกฟักไข่อย่างทะนุถนอม พ่อหงส์ออกหาอาหาร เมื่อมีลูกอ่อน พ่อและแม่หงส์ลำบากมาก กลัวลูกตกจากรัง กลัวลูกจะเจ็บป่วย แสนเหนื่อยยากกว่าจะเลี้ยงลูกให้โต พ่อแม่สอนการใช้ชีวิตให้ลูกหงส์ เมื่อลูกหงส์บินได้ก็ถึงเวลาที่พ่อแม่ย้ายไปถิ่นอื่น เวลาผ่านไปหลายปี ลูกหงส์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข วันหนึ่งฝูงลูกหงส์ปรึกษากันว่าจะไปหาพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ก็คงแก่ชราแล้ว เราควรไปปรนนิบัติท่านเพื่อตอบแทนพระคุณ เมื่อบินผ่านทะเลฝูงปลาก็ได้มอบชีวิตต่อฝูงหงส์ให้เป็นอาหารระหว่างทาง ในขณะนั้นมีฝูงตัวเงินตัวทองจะมากินปลา ปลาฉลามก็มาช่วยกินตัวเงินตัวทอง เทวดาก็มาช่วยคุ้มครองฝูงหงส์ จนไปถึงปลายทางได้พบพ่อแม่ ลูกหงส์ก็นำดอกบัวและปลามาให้พ่อแม่
            ข้อคิด สอนให้กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ

๑๑.การบำรุงบิดามารดา
ท่านว่าพ่อแม่นั้นเปรียบได้เป็นทั้ง ครูของลูก เทวดาของลูก พรหมของลูก และอรหันต์ของลูก ความหมายโดยละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ
 ที่ว่าเป็นครูของลูก เพราะว่าท่านได้คอยอบรมสั่งสอนลูก เป็นคนแรกก่อนคนอื่นใดในโลก
 ที่ว่าเป็นเทวดาของลูก เพราะว่าท่านจะคอยปกป้อง คุ้มครอง เลี้ยงดู ประคบประหงมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก บำรุงให้เติบใหญ่เป็นอย่างดี ไม่ให้เกิดอันตรายต่อลูกในทุกด้าน
 ที่ว่าเป็นพรหมของลูก เพราะว่าท่านมีพรหมวิหาร ๔ นั่นก็คือ มีเมตตา หมายถึงความเอ็นดู ความปรารถนาดีต่อลูกในทุกๆด้าน ไม่มีที่สิ้นสุด มีกรุณา หมายถึงให้ความกรุณาต่อลูก ลูกอยากได้อะไรก็หามาให้ลูก ให้การศึกษาเล่าเรียน ส่งเสียเท่าที่มีความสามารถจะให้ได้ มีมุทิตา หมายถึงความรักที่ยอมสละได้แม้ชีวิตของตัวเองเพื่อลูก ยอมเสียสละได้ทุกอย่าง และมีอุเบกขา หมายถึงการวางเฉย ไม่ถือโกรธเมื่อลูกประมาท ซน ทำผิดพลาดเพราะความไร้เดียงสา หรือเพราะความไม่รู้
 ที่ว่าเป็นอรหันต์ของลูก เพราะว่าท่านมีคุณธรรม ๔ ประการอันได้แก่
 เป็นผู้มีอุปการะคุณต่อลูก คืออุปการะเลี้ยงดูมาด้วยความเหนื่อยยาก กว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
 เป็นผู้มีพระเดชพระคุณต่อลูก คือให้ความอบอุ่นเลี้ยงดู ปกป้องจากภยันตรายต่างๆ นานา
 เป็นเนื้อนาบุญของลูก คือลูกเป็นส่วนหนึ่งของกรรมดีที่พ่อแม่ได้ทำไว้ และเป็นผู้รับผลบุญที่พ่อแม่ได้สร้างไว้แล้วทางตรง
 เป็นอาหุไนยบุคคล คือเป็นเหมือนพระที่ควรแก่การเคารพนับถือและรับของบูชา เพื่อเทอดทูนไว้เป็นแบบอย่าง
การทดแทนพระคุณบิดามารดาท่านสามารถทำได้ดังนี้
ระหว่างเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็เลี้ยงดูท่านเป็นการตอบแทน ช่วยเหลือเป็นธุระเรื่องการงานให้ท่าน ดำรงวงศ์ตระกูลให้สืบไปไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย รวมทั้งประพฤติตนให้ควรแก่การเป็นสืบทอดมรดกจากท่าน ครั้นเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศกุศลให้ท่าน ส่วนการเป็นลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่าไว้ดังนี้
๑.ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธา ให้ท่านถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือพยายามให้ท่านมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เชื่อในเรื่องการทำดี
๒.ถ้าท่านยังไม่มีศีล ให้ท่านถึงพร้อมด้วยศีล คือพยายามให้ท่านเป็นผู้รักษาศีล ๕ ให้ได้
๓.ถ้าท่านเป็นคนตระหนี่ ให้ท่านถึงพร้อมด้วยการให้ทาน คือพยายามให้ท่านรู้จักการให้ด้วยเมตตาโดยไม่หวังผลตอบแทน
๔.ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ให้ท่านถึงพร้อมด้วยปัญญา คือพยายามให้ท่านหัดนั่งทำสมาธิภาวนาให้ได้

มงคลที่12การสงบุตร
5. นกกาฮังยอดกตัญญู
            ในป่าแห่งหนึ่ง มีครอบครัวนกกาฮังอาศัยในโพรงไม้ พ่อนกหาอาหารเลี้ยงแม่นกและลูกๆ เมื่อลูกนกเริ่มหัดบิน ลูกตัวสุดท้องบินชนกิ่งไม้บาดเจ็บ พ่อและแม่ตามหมอนกฮูกมารักษา จนหายดี วันหนึ่งแม่นกออกหากิน นายพรานจะยิงแม่นก ลูกนกเห็นแม่จะโดนยิงจึงเข้าไปขวางจึงถูกลูกธนูบาดเจ็บ นายพรานเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสารลูกนกที่กตัญญูต่อพ่อแม่ นำลูกนกไปรักษาที่บ้านจนหายดีจึงปล่อยลูกนกกลับไปหาพ่อแม่
            ข้อคิด สอนให้กตัญญูต่อพ่อแม่

มงคลที่12การสงบุตร
นิทานเรื่องพ่อแม่เลี้ยงดูลูกๆ
 ลูกเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของพ่อและแม่ เมื่อได้ให้กำเนิดออกมาแล้ว ผู้เป็นพ่อและแม่ก็ย่อมอยากเลี้ยงดูบุตรของตัวเองให้ดีที่สุด ดังเศรษฐีคนหนึ่งในนครสาวัตถีเมื่อผู้เป็นภรรยาได้ให้กำเนิดลูกชายกับเขาแล้ว เขาก็เพียรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกของเขาเสมอ
     ไม่ว่าจะเป็นอาหารดีๆ ของเล่นดีๆ หรือสิ่งอื่นๆ ไม่ว่าจะมีราคามากเท่าไหร่ หายากเพียงไหน เขาก็จะพยายามเสาะหามาจนได้ “ โอ้ ลูกน้อยของพ่อ พ่อรักลูกมากที่สุดเลยรู้ไหม ขอให้เจ้ามีสุขภาพที่แข็งแรง ได้เป็นใหญ่เป็นโตนะลูก ดูสิ เด็กอะไรก็ไม่รู้หน้าตาหล่อเหลาเหมือนพ่อไม่มีผิดเลย ”
 
     ลูกชายเศรษฐีเมื่อเจริญวัย พูดได้ เดินได้ วิ่งได้ ก็เริ่มซุกซน ชอบสังเกต ชอบถามชั่งพูดช่างจา เมื่อเห็นอะไรที่ไม่เข้าใจก็จะซักถามผู้เป็นพ่อของเขาเสมอ “ พ่อๆ ทำไมผีเสื้อมันชอบบินมาเกาะบนดอกไม้ละครับ ” “ ผีเสื้อมันดูดกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้นะลูก นี่ไงข้างในดอกไม้มันจะมีเกสรอยู่ ”

     บุตรเศรษฐีผู้นี้เป็นผู้มีปัญญาฉลาดเฉลียว เมื่อได้ 7 ขวบ ก็มีเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เข้าใจมากขึ้น จนผู้เป็นพ่ออธิบายไม่ไหว เศรษฐีจึงเสาะหาอาจารย์มาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับบุตรชายของเขา “ อาจารย์ครับ ทำไมเรื่องนี้ ถึงเป็นอย่างนี้ละครับ ” อาจารย์ได้เสาะหาตำรามากมายให้ลูกเศรษฐีผู้เป็นศิษย์ได้ศึกษา

     วันหนึ่งเขาก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจ เมื่อได้ศึกษาจากตำราที่อาจารย์ให้ไว้ก็ยังไม่บรรลุถึงคำถามข้อนั้นจึงนำมาถามผู้เป็นอาจารย์ “ อาจารย์ครับ ประตูแห่งประโยชน์ คืออะไรหรอครับศิษย์ได้พยายามเสาะหาคำตอบจากตำราแล้ว แต่ก็ไม่มีเล่มไหน กล่าวถึงเรื่องนี้เลยครับ ” “ คำถามนี้ชั่งยากยิ่งนัก อาจารย์ตอบเจ้าไม่ได้หรอกศิษย์เอ้ย ” 

     เมื่อผู้เป็นอาจารย์ตอบคำถามนี้ไม่ได้ ลูกเศรษฐีจึงนำคำถามนี้ไปถามพ่อ “ พ่อครับ ประตูแห่งประโยชน์คืออะไรเหรอครับ อาจารย์บอกว่า ปัญหานี้ยากเกินกว่าจะตอบได้ครับ ” ท่านเศรษฐีผู้บิดาไม่ทราบปัญหานั้น จึงได้เกิดปริวิตกว่า ปัญหานี้สุขุมยิ่งนัก เว้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียแล้ว ผู้อื่นที่ชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ไม่มีเลย 
 
      เศรษฐีจึงพาลูกถือดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้เป็นอันมากไปสู่พระเชตวันวิหาร เมื่อถึงแล้วทั้งสองพ่อลูกบูชาพระศาสดาแล้วถวายบังคมนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่งผู้เป็นพ่อกราบทูลความข้อนี้กับพระผู้มีพระภาพเจ้า “ ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ เด็กนี้มีปัญญา ฉลาดในประโยชน์ ถามปัญหาประตู้แห่งประโยชน์กับข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ทราบจะตอบคำถามนั้นได้อย่างไร จึงมาสู่สำนักของพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตัวข้าพระองค์นี้ขอโอกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดแก้ปัญหานั้นด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ ” “ ดูก่อนอุบาสก แม้ในกาลก่อนเราก็ถูกเด็กนี้ถามปัญหานั้นแล้ว แล้วเราก็กล่าวแก้ปัญหานั้นแล้ว ในครั้งนั้น เด็กนี้รู้ปัญหา นั้น แต่บัดนี้เขากำหนดไม่ได้ เพราะความสิ้นไปแห่งภพ ”

ครั้นเมื่อท่านเศรษฐีกราบทูลอาราธนา ทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี เศรษฐีคนหนึ่งในกรุงพาราณสีนั้นได้เกิดความปรีดีล้นปรี่ เมื่อภรรยาของเขาได้ให้กำเนิดบุตรชาย “ นี่นะเหรอลูกของเรา ” ลูกของพ่อพ่อดีใจเหลือเกินที่เจ้าคลอดอย่างปลอดภัย ขอบคุณมากนะน้องของพี่ที่เจ้าให้สิ่งที่วิเศษที่สุดแก่พี่
     เศรษฐีรักและเอ็นดูบุตรชายของเขามาก เมื่อมีโอกาสได้เจอะเจอกับพ่อค้าต่างแดน เขาก็จะสรรหาซื้อของที่คิดว่าดีที่สุดให้กับลูกรักของเขา “ ท่านเศรษฐีดูนี่เถอะเสื้อผ้าเหล่านี้งามยิ่งนัก ” “ ก็ผมนำมาจากต่างเมืองโน่น ผ้าเนื้อดี เหมาะสำหรับเด็กๆ ใส่แล้วไม่ระคายผิว นุ่มสบายดีนะท่านเศรษฐี ”
 
     ไม่เพียงแต่เรื่องสิ่งของที่ให้กับลูกเท่านั้นที่เศรษฐีให้ความสำคัญ แม้แต่ห้องหับที่พักอาศัย เศรษฐีก็ให้เด็กรับใช้ในบ้านจัดให้สะอาดอยู่เสมอ สิ่งไหนที่เห็นว่าไม่เหมาะเป็นอันตรายต่อลูกก็สั่งให้รื้อทิ้งทำใหม่ทั้งหมด “ ตอนนี้ลูกของเราก็เริ่มคลานได้แล้ว พวกเจ้าคอยดูให้ดี หากมีตรงไหนเป็นช่องเป็นหลุมให้ทำใหม่ให้หมด เดี๋ยวลูกของเราจะพลัดตกลงไปแล้วพื้นก็ต้องถูให้สะอาดอย่าให้มีฝุ่นเชียว เดี๋ยวลูกเราจะหายใจเอาฝุ่นพวกนี้เข้าไป ” “ นี่แก่ ท่านเศรษฐีก็เห่อลูกเนาะ อะไรๆ ก็ลูกหมด ฉันถูพื้นทีจนมือจะหงิกอยู่แล้ว ” “ เอาเถอะน่า คุณพ่อก็อย่างนี้แหละ เขาก็ต้องห่วงลูกเขาอยู่แล้ว คุณหนูแก่น่ารักด้วย ” เศรษฐีผู้นี้นอกจากจะทำหน้าที่ของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้เป็นอย่างดีแล้ว
 
     แต่กิจอีกอย่างที่เค้าปฏิบัติไม่ขาดเว้นเลย คือการนั่งสมาธิตั้งอานาปานสติประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม “ โอ้ ลูกของพ่อ ไหน เรียกพ่อสิลูก เรียกว่าพ่อเร็ว ” “ พ่อจ๋าๆ ” “ เฮอะๆ น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เลย ลูกรักของเรา ” บุตรเศรษฐีเป็นผู้มีปัญญาฉลาดเฉลียว เมื่อเจริญวัยพูดได้ก็กลายเป็นเด็กน่ารัก ช่างซักช่างถาม ช่างพูดช่างคุย
      จนเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน ไม่เว้นแม่แต่คนรับใช้หรือผู้คนทั่วไปที่พบเห็น “ ตามมาเร็วๆ เราจะตามนกตัวนั้นไป เราอยากรู้นกมันจะบินไปไหนกัน ” ด้วยความเป็นเด็กฉลาดลูกเศรษฐีจึงมักจะมีคำถามต่างๆ มาถามผู้เป็นพ่อของเขาเสมอ “ พ่อๆ นกมันบินไปไหนกัน วันนี้ลูกวิ่งตามจะไปดู แต่ก็วิ่งตามนกไม่ทัน มันบินสูงมาก ลูกวิ่งตามทีไร ก็ไม่เคยทันสักที ”
    “ ลูกเอ๋ย เจ้าวิ่งตามนกไปไม่ได้หรอกนะ เพราะนกมันบินบนท้องฟ้า แต่เจ้าวิ่งอยู่บนพื้นดิน ” “ พ่อดูสิ ทำไมผีเสื้อมันไม่บินไปเกาะนกละพ่อ มันบินได้เหมือนกันนี่น่า ” “ มันบินได้เหมือนกัน แต่มันเป็นสัตว์คนละชนิดกันนะลูก มันย่อมใช้ชีวิตแตกต่างกันไป เจ้านี่ นับวันก็ช่างซักช่างถามจริงๆ เลยนะ ”
      วันเวลาผ่านไป เมื่อบุตรเศรษฐีได้เจริญวัยขึ้น จนสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้แล้ว เศรษฐีก็เกิดความคิดที่จะหาอาจารย์มาสั่งสอนวิทยาการต่างๆ ให้ลูกของเขา “ นี่ลูกของเราโตแล้วสินะแต่ละวันมีเรื่องถามมากมาย หากเราเป็นผู้ให้คำตอบเพียงผู้เดียว เกรงว่าจะไม่พอแน่ๆ ควรแล้วที่มีอาจารย์มาสืบสานวิชาต่างๆ ให้เพิ่มเติม ” ตั้งแต่นั้นมาเศรษฐีก็จัดหาอาจารย์ต่างๆ มาศิลปะศาสตร์ให้กับบุตรของตน

    ลูกเศรษฐีด้วยความเป็นคนกระตือรือร้นในการเสาะหาความรู้อยู่แล้วจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนกับอาจารย์ต่างจากเด็กวัยเดียวกันที่สนใจแต่เรื่องการเล่นซนเพียงอย่างเดียว “ วันนี้มีแต่พวกเราเหรอ แล้วคุณหนูลูกเศรษฐีไม่มาด้วยเหรอ ” “ วันนี้เขาไม่มาหรอก ท่านเศรษฐีหาอาจารย์มาสอนหนังสือแล้ว คงเย็นโน่นแหละถึงจะมาเล่นกับพวกได้ ”
      “ โฮ้ ทำไม่ต้องเรียนด้วยนะ วิ่งเล่นสนุกว่ากันตั้งเยอะ ” นอกจากความรู้ศาสตร์ต่างๆ แล้ว เศรษฐียังให้อาจารย์สอนบุตรของเขาเรียนรู้ด้านวิชาการต่อสู้รูปแบบต่างๆ ด้วยเพื่อใช้ในการป้องกันภัย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกเศรษฐีที่มีวัยเพียงเจ็ดขวบ แต่มีความรู้วิชาการต่างรอบตัวมากมาย “ เฮ้ย แบบนี้ใช่ไหมครับท่านอาจารย์ ”

     นอกเหนือจากการเล่าเรียนศิลปะศาสตร์วิทยาต่างๆ แล้ว เศรษฐียังสอนบุตรชายของตัวเองนั่งสมาธิ สอนให้เป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม ไม่คิดเอาเปรียบผู้อื่น บุตรเศรษฐีแม้นจะมีอาจารย์มาสอนสั่งวิชาต่างๆ ให้มากมาย แต่เขาก็ยังมีคำถามที่ยังไม่เข้าใจหลายเรื่อง บางเรื่องเขาจะศึกษาจากตำราที่อาจารย์ให้ บางเรื่องเขาก็จะศึกษาจากอาจารย์แต่ละท่านแต่ละสำนัก
      วันหนึ่ง เด็กคนนี้ก็เกิดไม่เข้าใจอยู่ปัญหาหนึ่ง เด็กวัยเจ็ดขวบศึกษาหาคำตอบที่เขาไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะอ่านจากตำราหรือถามจากอาจารย์ แต่ก็ไม่มีใครตอบปัญหานี้ได้เลย “ เอ้ ประตูแห่งประโยชน์คือสิ่งใดกันนะ ทำไมในตำราไม่มีบอกเรื่องนี้ไว้เลย ” “ อาจารย์ครับ ประตูแห่งประโยชน์คือสิ่งใดหรือครับ ทำไมผมศึกษาจากตำราแล้ว ไม่มีบอกเรื่องนี้ไว้เลยครับ ”
 
      “ ศิษย์เอ้ย อาจารย์ตอบคำถามของเจ้าไม่ได้หรอก ปัญหานี้มันยากนัก เจ้าลองไปถามอาจารย์จากสำนักอื่นดูเถอะ ” “ อาจารย์ครับ ประตูแห่งประโยชน์ คือสิ่งใดหรือครับผมศึกษาจากตำราแล้ว ทั้งอาจารย์สำนักอื่น ก็ไม่มีใครตอบได้เลยครับ ” “ ศิษย์เอ๋ย ปัญหานี้มันช่างยากจริงๆ แม้แต่อาจารย์คนนี้ ก็ตอบเจ้าไม่ได้เช่นกัน ”
      เมื่อซักถามอาจารย์ท่านใดก็ไม่เป็นผล บุตรเศรษฐีจึงนำปัญหานี้ไปถามบิดา “ พ่อครับ ผมมีปัญหาหนึ่งที่ไม่เข้าใจมานานแล้ว แม้ว่าจะศึกษาตามตำรา หรือถามจากอาจารย์หมดแล้วทุกคน แต่ก็ไม่มีใครตอบลูกได้เลยครับ ” “ ปัญหาอะไรล่ะ ลูกเอ้ย บอกพ่อมาสิ ” “ อะไรที่ชื่อว่า ประตูแห่งประโยชน์ ตำราเล่มไหนๆ ก็ไม่มีบอกไว้ แม้แต่อาจารย์ก็ตอบไม่ได้ ”
 
     เมื่อเศรษฐีได้ยินคำถามนั้นจึงตอบว่า “ บุคคลควรปรารถนาลาภอย่างยิ่ง คือความไม่มีโรค ศีล ความคล้อยตามผู้รู้ การสดับตรับฟัง การประพฤติตามธรรม ความไม่ท้อถอยคุณธรรมหกประการนี้ เป็นประตูแห่งประโยชน์นั่นเองละลูก ” บุตรเศรษฐีเมื่อได้รับคำตอบจากพ่อ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ประพฤติในธรรม 6 ประการนั้น ส่วนเศรษฐีก็ตั้งตนบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น แล้วก็ไปตามยถากรรม 

๑๒.การสงเคราะห์บุตร
คำว่าบุตรนั้น มีอยู่ ๓ ประเภทได้แก่
๑.อภิชาติบุตร คือบุตรที่มีความดี คุณธรรม และความสามารถเหนือกว่าบิดา มารดา
๒.อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีความดี คุณธรรม และความสามารถเสมอบิดา มารดา
๓.อวชาตบุตร คือบุตรที่มีความดี คุณธรรม และความสามารถต่ำกว่าบิดา มารดา
การที่เราเป็นพ่อ เป็นแม่ของบุตรนั้น มีหน้าที่ที่ต้องให้กับลูกของเราคือ
๑.ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว
๒.ปลูกฝัง สนับสนุนให้ทำความดี
๓.ให้การศึกษาหาความรู้
๔.ให้ได้คู่ครองที่ดี (ใช้ประสพการณ์ของเราให้คำปรึกษาแก่ลูก ช่วยดูให้)
๕.มอบทรัพย์ให้ในโอกาสอันควร (การทำพินัยกรรม ก็ถือว่าเป็นสิ่งถูกต้อง)


มงคลที่13การสงเคราะสามีภรรยา
นิทานเรื่องการสงเคราะห์สามีภรรยากันและกัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ชายชื่อจอห์นเป็นคนขยันขันแข็งและทำงานหนักในฟาร์มของเขา ส่วนภรรยาของเขาชื่อแมรี่เป็นแม่บ้านที่อ่อนโยนและเอาใจใส่

วันหนึ่งขณะที่จอห์นกำลังทำงานอยู่ในทุ่งนา เขาประสบอุบัติเหตุและขาหัก เขาถูกนำตัวกลับบ้านและต้องนอนพักฟื้นบนเตียงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แมรี่ดูแลสามีของเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอให้อาหารเขา ทำความสะอาดเขา และทำให้เขารู้สึกสบายตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะที่จอห์นพักฟื้น แมรี่ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจุนเจือครอบครัว เธอทำงานในฟาร์มและดูแลบ้านด้วยตัวเอง เธอเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่เคยบ่น เธอรู้ว่าสามีของเธอต้องการการดูแลของเธอ และเธอเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาดีขึ้น

เมื่อจอห์นหายดีแล้ว เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจในความรักและการสนับสนุนของภรรยาเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจที่จะตอบแทนเธอโดยช่วยเธอทำงานในบ้านและในฟาร์ม เขายังทำอาหารและทำความสะอาดบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของเธอ

จอห์นและแมรี่ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลซึ่งกันและกัน พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถพึ่งพาซึ่งกันและกันได้เสมอ และความรักของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นทุกวันเพราะการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน


๑๓.การสงเคราะห์ภรรยา
เมื่อว่าด้วยเรื่องคนที่จะมาเป็นคู่ครองของชาย หรือที่เรียกว่าจะมาเป็นภรรยานั้น ในโลกนี้ท่านแบ่งลักษณะของภรรยาออกเป็น ๗ ประเภทได้แก่
๑.วธกาภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยเพชรฆาต เป็นพวกที่มีจิตใจคิดไม่ดี ชอบทำร้าย ชอบด่าทอสาปแช่ง คิดฆ่าสามี หรือมีชู้กับชายอื่น
๒.โจรีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยโจร เป็นคนล้างผลาญ สร้างหนี้สิน หาได้เท่าไรก็ไม่พอ หรือเอาเรื่องในบ้านไปโพทนาให้คนข้างนอกรับรู้ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
๓.อัยยาภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยนาย เป็นคนชอบข่มสามีให้อยู่ในอำนาจ ไม่ให้เกียรติสามีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ชอบสั่งการหรือเอาแต่ใจตัวเอง เห็นสามีเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ตัวเองเป็นผู้นำ
๔.มาตาภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยแม่ คือผู้ที่มีความรักต่อสามีอย่างสุดซึ้ง ไม่เคยทอดทิ้งแม้ยามทุกข์ยาก ป่วยไข้ ไม่ทำให้มีเรื่องสะเทือนใจ
๕.ภคินีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยน้องสาว คือผู้ที่มีความเคารพต่อสามีในฐานะพ่อบ้าน แต่ขัดใจกันบ้างตามประสาคนใกล้ชิดกันแล้วก็ให้อภัยกัน โดยไม่คิดพยาบาท เดินตามแนวทางของสามี ต้องพึ่งพาสามี
๖.สขีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยเพื่อน ต่างคนต่างก็มีอะไรที่เหมือนกัน ความสามารถพอกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากัน ไม่ค่อยยอมกัน เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็รักกันและช่วยเหลือกันโดยต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง
๗.ทาสีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยคนรับใช้ คือภรรยาที่อยู่ภายใต้คำสั่งสามีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง สามีเป็นผู้เลี้ยงดู สั่งอะไรก็ทำอย่างนั้นแม้จะไม่เห็นด้วยก็ไม่ออกความเห็น อดทนทำงานตามหน้าที่ตามแต่สามีจะสั่งการ แม้ถูกดุด่า เฆี่ยนตีก็ยังทนอยู่ได้โดยไม่โต้ตอบ
ท่านว่าคนที่จะมาเป็นสามี ภรรยาได้ดีหรือคู่สร้างคู่สมนั้นควรต้องมีคุณสมบัติดังนี้
๑.สมสัทธา คือมีศรัทธาเสมอกัน
๒.สมสีลา คือมีศีลเสมอกัน
๓.สมจาคะ คือมีการเสียสละเหมือนกัน
๔.สมปัญญา คือมีปัญญาเสมอกัน
เมื่อได้แต่งงานกันแล้ว แต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ที่ต้องทำดังนี้
สามีมีหน้าที่ต่อภรรยาคือ
๑.ยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา คือการแนะนำเปิดเผยว่าเป็นภรรยา ไม่ปิดบังกับผู้อื่น และให้เกียรติภรรยาในการตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วย
๒.ไม่ดูหมิ่น คือไม่ดูถูกภรรยาเมื่อทำไม่เป็น ทำไม่ถูก หรือเรื่องชาติตระกูล การศึกษาว่าต่ำต้อยกว่าตน แต่ต้องสอนให้
๓.ไมประพฤตินอกใจภรรยา คือการไปมีเมียน้อยนอกบ้าน เลี้ยงต้อย หรือเที่ยวเตร่หาความสำราญกับหญิงบริการ
๔.มอบความเป็นใหญ่ให้ในบ้าน คือการมอบธุระทางบ้านให้กับภรรยาจัดการ รับฟังและทำตามความเห็นของภรรยาเกี่ยวกับบ้าน
๕.ให้เครื่องแต่งตัว คือให้ความสุขกับภรรยาเรื่องการแต่งตัวให้พอดี เพราะสตรีเป็นผู้รักสวยรักงามโดยธรรมชาติ
ฝ่ายภรรยาก็มีหน้าที่ต้องตอบแทนสามีคือ
๑.จัดการงานดี คืองานบ้านการเรือนต้องไม่บกพร่อง ดูแลด้านความสะอาด ทำนุบำรุงรักษา ด้านโภชนาการให้เรียบร้อยดี
๒.สงเคราะห์ญาติสามีดี คือให้ความเอื้อเฟื้อญาติฝ่ายสามี เท่าที่ตนมีกำลังพอทำได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องทรัพย์สินเงินทองอย่างเดียว
๓.ไม่ประพฤตินอกใจสามี คือไม่คบชู้ หรือปันใจให้ชายอื่น ซื่อสัตย์ต่อสามีคนเดียว
๔.รักษาทรัพย์ให้อย่างดี คือรู้จักรักษาทรัพย์สินไว้ไม่ให้หมดไปด้วยความสิ้นเปลือง แต่ก็ไม่ถึงกับตระหนี่
๕.ขยันทำงาน คือไม่เกียจคร้านเอาแต่ออกงาน นอน กิน หรือเที่ยวแต่อย่างเดียว ต้องทำงานบ้านด้วย


มงคลที่14ทำงานไม่คั่งค้าง
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนเป็นคนทำงานไม่คั่งค้าง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เขาเป็นคนขยันหมั่นเพียร และไม่เคยทิ้งงานค้างไว้

วันหนึ่ง จำเรียนได้รับมอบหมายให้ไปทำงานในป่า เขาต้องตัดไม้และขนกลับมาที่หมู่บ้าน แต่จำเรียนกลับใช้เวลาไปกับการเล่นสนุกและนอนหลับพักผ่อน จนลืมทำงานที่ได้รับมอบหมาย

เมื่อถึงกำหนดส่งงาน จำเรียนก็ยังไม่ได้ตัดไม้เลย เขาจึงรีบวิ่งไปที่ป่าและตัดไม้มาอย่างรีบร้อน ไม้ที่ตัดมาก็ไม่เรียบร้อยและมีขนาดไม่เท่ากัน

เมื่อนำไม้ไปส่งที่หมู่บ้าน ชาวบ้านก็ไม่พอใจเพราะไม้ที่จำเรียนตัดมานั้นใช้การไม่ได้ จำเรียนจึงถูกตำหนิและลงโทษ

หลังจากนั้น จำเรียนก็ได้เรียนรู้บทเรียน เขาตั้งใจทำงานและไม่ทิ้งงานค้างไว้ จนกลายเป็นคนทำงานที่ขยันหมั่นเพียรและได้รับความไว้วางใจจากทุกคน


-๑๔.การทำงานไม่ให้คั่งค้าง
ว่าด้วยสาเหตุที่ทำให้งานคั่งค้างนั้นสรุปสาเหตุได้เพราะว่า
๑.ทำงานไม่ถูกกาล
๒.ทำงานไม่ถูกวิธี
๓.ไม่ยอมทำงาน
หลักการทำงานให้เสร็จลุล่วงมีดังนี้
๑.ฉันทะ คือมีความพอใจในงานที่ทำ
๒.วิริยะ คือมีความตั้งใจ พากเพียรในงานที่ทำ
๓.จิตตะ คือมีความเอาใจใส่ในงานที่ทำ
๔.วิมังสา คือมีการคิดพิจารณาทบทวนงานนั้นๆ
Q231

มงคลที่15การให้ทาน
นิทานเรื่องอ้ายจำเรียนเป็นคนให้ทานให้อภัยคนอยู่เสมอไป
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มชื่อจำเรียน เป็นคนยากจนแต่มีจิตใจดีงาม เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ และทำงานเป็นชาวนา วันหนึ่งขณะที่จำเรียนกำลังไถนาอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

จำเรียนหันไปมองและเห็นชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ชายชรามีบาดแผลที่ขาและดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก จำเรียนรีบวิ่งไปช่วยชายชราและพาเขากลับบ้านไปรักษา

จำเรียนดูแลชายชราเป็นอย่างดี เขาทำแผลให้ชายชราและให้อาหารน้ำดื่ม ชายชราเล่าให้จำเรียนฟังว่าเขาเป็นนักเดินทางและกำลังจะไปเยี่ยมลูกชายของเขาในหมู่บ้านใกล้ๆ

จำเรียนฟังเรื่องราวของชายชราแล้วรู้สึกสงสาร เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยชายชราเดินทางไปหาลูกชายของเขา จำเรียนหยุดไถนาและพาชายชราเดินทางไปด้วยกัน

ระหว่างทาง จำเรียนและชายชราได้พบกับโจรกลุ่มหนึ่ง โจรพยายามจะปล้นพวกเขา แต่จำเรียนก็ต่อสู้กับโจรจนสามารถเอาชนะได้ โจรหนีไปและจำเรียนกับชายชราก็เดินทางต่อไป

ในที่สุด จำเรียนและชายชราก็มาถึงหมู่บ้านที่ลูกชายของชายชราอาศัยอยู่ ลูกชายของชายชราดีใจมากที่ได้เห็นพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาขอบคุณจำเรียนที่ช่วยชีวิตพ่อของเขา

จำเรียนปฏิเสธที่จะรับคำขอบคุณ เขาบอกว่าเขาทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น จำเรียนและชายชราพักอยู่ที่หมู่บ้านนั้นสองสามวัน ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน

เมื่อจำเรียนกลับถึงบ้าน เขาพบว่าภรรยาของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว จำเรียนเสียใจมาก แต่เขาก็ไม่โทษใคร เขาเชื่อว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุผล

จำเรียนยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เขาเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านและเป็นตัวอย่างของการให้ทานและให้อภัย

๑๕.การให้ทาน
การให้ทาน คือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนโดยหมายให้ผู้ได้รับได้พ้นจากทุกข์ แบ่งออกเป็น ๓ อย่างได้แก่
๑.อามิสทาน คือการให้วัตถุ สิ่งของ หรือเงินเป็นทาน
๒.ธรรมทาน คือการสอนให้ธรรมะเป็นความรู้เป็นทาน
๓.อภัยทาน คือการให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ดีกับเรา ไม่จองเวร หรือพยาบาทกัน
การให้ทานที่ถือว่าเป็นความดี และได้บุญมากนั้นจะประกอบด้วยปัจจัย ๓ ประการอันได้แก่
๑.วัตถุบริสุทธิ์ คือเป็นของที่ได้มาโดยสุจริต ไม่ได้ไปยักยอกมา โกงมา หรือได้มาด้วยวิธีแยบยล
๒.เจตนาบริสุทธิ์ คือมีจิตยินดี ผ่องใสเบิกบาน ไม่รู้สึกเสียดายสิ่งที่ให้ ตั้งแต่ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้
๓.บุคคลบริสุทธิ์ คือให้กับผู้รับที่มีศีลธรรม ตัวผู้ให้เองก็ต้องมีศีลที่บริสุทธิ์
การให้ทานที่ถือว่าไม่ดี และยังอาจเป็นบาปกรรมถึงเราทางอ้อมอีกด้วยได้แก่
๑.ให้สุรา ยาเสพย์ติด เป็นต้น (ถ้าเขาเมาแล้วขับรถชนตาย เราก็มีส่วนบาปด้วย)
๒.ให้อาวุธ (ถ้าอาวุธนั้นถูกเอาไปใช้ประหัตประหาร บาปก็มาถึงเราด้วย)
๓.ให้มหรสพ คือการบันเทิงทุกรูปแบบ
๔.ให้สัตว์เพศตรงข้ามเพื่อผสมพันธุ์ อันนี้รวมถึงการจัดหาสาวๆ ไปบำเรอผู้มีอำนาจหรือผู้น้อยด้วยเป็นต้น
๕.ให้ภาพลามก หรือสิ่งพิมพ์ลามก เพราะทำให้เกิดความกำหนัด เกิดกามกำเริบ (เมื่อดูแล้วเกิดไปฉุดคร่า ข่มขืนใคร บาปก็ตกทอดมาถึงเราด้วย)

อ่านต่อมงคลที่16-20กด👇🏽
Q232
สวัสดีครับเพื่อนๆอยากจะสนับสนุนนิทานและคำกลอนของอ้ายจำเรียน แต่งโดยใช้เอไอช่วยแต่งให้บางเรื่องอ่านจะขวิดจะขัด อ้ายจำเรียนต้องโทษด้วยนะครับ อยากให้กำลังเล็กๆน้อยๆด้วยการโอนเงินได้ที่
 พร้อมเพย์เบอร์👉0892718015
ทรูมันนี่วอเลทเบอร์👉0892718015
           นาย จำเรียน จันทร์รักษา
          ขอบคุณมากครับ
สุดท้ายนี้อ้ายจำเรียนไม่มีอะไรให้นอกจากอวยพรให้
อ้ายจำเรียนขอให้น้องๆคนที่ใจดีกับอ้ายจำเรียนและใจดีมีความแมตตาต่อผู้อื่นทุกคนสุขสันต์ทุกวันไม่เจ็บไม่ป่วย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้พระคุ้มครองคุณและครอบครัว ขอให้สุขสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา ขอให้การเรียนการงานการซื้อขายและธุรกิจ ราบรื่นสดใสปราศจากอุปสรรคทั้งปวง ขอให้สวยหล่อกันทุกคน ขอให้มีความสุขในการตอกกับแฟนราบรื่น จนถึงสวรรค์วิมานกันทุกคนนะครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม