นมัสการ

คำนมัสการ
อินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

สังฆัง นะมามิ (กราบ)

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง 
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย  พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทุกพระองค์ องค์เทพเทวาทั้งหลายทุกพระองค์ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทุกๆท่านในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ข้าพุทธเจ้าเป็นผู้มีโลภะ โทสะ โมหะ กิเลสเล็กน้อยและเบาบางลงแล้ว ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย  พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทุกพระองค์ องคเทพเทวาทั้งหลายทุกพระองค์ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทุกท่าน และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดลดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพุทธเจ้าเป็นผู้งดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรม153กรรมทุกประการตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ

ข้าพุทธเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ ข้าพุทธเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร และละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรม153กรรมทุกประการขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน  จงส่งผลให้ข้าพุทธเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพุทธเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ต่อไปพระผู้นำกล่าวรับว่า)
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ
สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสธะเย   สาธุ

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะ-สัมปันโน สุคะโตโลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (พุทธคุณ)

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก
อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโกปัจจัตตัง
เวทิตัพโพ วิญญูหีติ (อ่านว่า วิญญูฮีติ)  (ธรรมคูณ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ
ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ  อาหุเนยโย
ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (สังฆคุณ)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด3หน)

“อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ
อิเมนา พุทธะตังโสอิ 

อิโสตัง พุทธะปิติอิ

ขออัญเชิญคุณแห่งพระพุทธเจ้าอันวิเศษ คุณแห่งกระแสพระนิพพานอันประเสริฐ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญแล้ว จงเป็นมหาวิภูษิตาภรณ์ประดับด้วยมงกุฎทิพย์และเครื่องทรงแห่งพระเจ้ามหาจักรพรรดิครอบคลุมข้าพเจ้าตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ

โอม มนี ปัทเม หูม (สวด9หน)

 ลูกขอนอบน้อมเอาพระรัตนตรัยและดวงใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์มาไว้ในดวงใจของลูกก็คือ มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือ มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นที่พึ่งอันสูงสุด และมีจิตเป็นมหาเมตตากรุณาดุจดั่งพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าลูกขอชำระล้างจิตเป็นบาปอกุศลกรรม153กรรมเอาออกจากจิตกายวาจาของลูกดัวยการของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรม153กรรมทั้งปวงดัวยการเจริญภาวนาอานาปานสติ13ลมตลอดทุกเวลาทุกสภาวะอารมณ์ของลูกเพื่อยกถวายบูชาแด่พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าตลอดกาลเทอญสาธุ

นะโมรัตนตรายายะนะโมอายะชานะ สักการา เปโรชานะ

โยกะระชายะ ตัททะกาทายะ อะระหะเต สังยาสัง พุทธายะ
นะโมสังวา กัตทะกาเตเต อะระหะตาเต สังยาสัง พุทธเตเต
นะโมอะยะอวโลเกเต โชระยะพุทธิสัตวายะ มหาสัตวายา
มหากรุณิกายะ กายะทา โอม ธารา ธาระ ถิริถิรี ธุรู ธุรู อิติเว
อิติชาเล ชาเล กุระชาเล กุระชาเล กุสสุเม กุสสุมา วาเร อิมิมิริชชิติ
โชกะระมะ ปะระยะโช อา

“กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม

กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย

แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้ง ครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอได้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้สิ่งนั้นจงพลันสำเร็จ ลงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญสาธุ

อะหัง สุขิโต โหมิ   ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ   ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ   ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ   ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะหัง อะนีโฆ โหมิ   ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์กายทุกใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ    ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น

อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด

อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

"อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข

"อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข

"อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

"อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

"อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

"อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

"อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา"

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญสาธุ

บทกรุณา

สัพเพ สัตตา

สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น

สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด

บทมุทิตา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น

มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด

บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น

กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน

กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม

กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด

กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์

กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้

กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว

ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

สังฆัง นะมามิ (กราบ)

(เสร็จพิธีนมัสการใหญ่)

โอม มนี ปัทเม หุม  (ว่า9จบ)

ลูกขอนอบน้อมเอาพระรัตนตรัยและดวงใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์มาไว้ในดวงใจของลูกก็คือ มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือ มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นที่พึ่งอันสูงสุด และมีจิตเป็นมหาเมตตากรุณาดุจดั่งพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าลูกขอชำระล้างจิตเป็นบาปอกุศลกรรม153กรรมเอาออกจากจิตกายวาจาของลูกดัวยการของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรม153กรรมทั้งปวงดัวยภาวนาด้วยอานาปานสติ13ลม ด้วยตลอดทุกเวลาทุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าเทอญสาธุ

บทสวดมหากรุนาธาราณีสูตร

นะโมรัตนตรายายะนะโมอายะชานะ สักการา เปโรชานะ โยกะระชายะ ตัททะกาทายะ อะระหะเต สังยาสัง พุทธายะ

นะโมสังวา กัตทะกาเตเต อะระหะตาเต สังยาสัง พุทธเตเต
นะโมอะยะอวโลเกเต โชระยะพุทธิสัตวายะ มหาสัตวายา
มหากรุณิกายะ กายะทา โอม ธารา ธาระ ถิริถิรี ธุรู ธุรู อิติเว
อิติชาเล ชาเล กุระชาเล กุระชาเล กุสสุเม กุสสุมา วาเร อิมิมิริชชิติ
โชกะระมะ ปะระยะโช อา
ขอนอบน้อมนมัสการแด่องค์พระอริยะ ผู้ห่างไกลจากบาปอกุศล
วัตถุประสงค์แห่งบทนี้… พระโพธิสัตว์ทรงสั่งสอนชาวโลก
ให้ปฏิบัติทางจิตเป็นมูลฐาน
พระสัทธรรมทั้งหลายล้วนกำเนิดมาแต่จิต

เหตุนี้ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความชัดแจ้งแห่งจิต
และมองเห็นสภาวะแห่งตน จึงจะสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ

เมื่อไม่แจ้งชัดในจิตก็ไม่สามารถเห็นสภาวะแห่งตน
หากแต่จิตมีความมั่นคง ก็สามารถเดินทางสู่พระนฤพานได้

ขอนอบน้อมคารวะแด่องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิม)
ผู้เพ่งเสียงแห่งสรรพสัตว์ผู้ยาก
พระโพธิสัตว์ผู้สงสารชีวิตแห่งสรรพสัตว์ผู้ตกอยู่ในกองทุกข์
เขาเหล่านั้นล้วนมีความทุกข์อันเกิดจากการหลงลืมสภาวะเดิมของตน
จำต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ พระองค์พิจารณาตามนี้
จึงเกิดเมตตาจิตที่จะโปรดสัตว์

ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้ให้ความตรัสรู้แก่ทุกชีวิต
…หากตั้งใจในธรรม นอบน้อมต่อความแจ้งในสภาวะเดิม
ก็จะถึงความหลุดพ้น…

เมื่อน้อมคารวะผู้กล้าหาญก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้น
มวลสรรพสัตว์ในโลกอันไพศาล ถ้ารู้สึกตัวแล้วลงมือปฏิบัติ
ล้วนถึงความหลุดพ้นได้

ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้มีมหากรุณาจิต

… พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีความเมตตากรุณาไม่มีประมาณ
นำสัทธรรมอันเป็นความดับสูญโดยแท้จริง
ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนสภาวะเดิมที่มีอยู่
เข้าถึงสัทธรรมอันบริสุทธิ์

องค์อริยะผู้อิสระ ผู้มีกายใจอันบริสุทธิ์สะอาด
…กาย ใจ จะบริสุทธิ์ได้ ต้องตั้งอยู่ในสัจธรรม
ปฏิบัติตนอยู่ในศีล

การปฏิบัติธรรมต้องถือความสัจเป็นพื้นฐาน
ใช้ความเพียรเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุสู่อริยสัจ
…หากการปฏิบัติธรรมไม่ประกอบด้วยความสัจ
ก็จะไม่พบหนทางสู่ความสำเร็จ

เนื่องจากความสัจนั้นเป็นธรรมที่ปราศจากการหลอกลวง
จิตจึงรวมเป็นหนึ่งได้
เมื่อมีความสัจ ก็จะมีความเข้าใจ
เมื่อเข้าใจก็จะมองเห็นความปลอดโปร่ง
เมื่อปลอดโปร่งก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลง
และกลับกลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

…ผู้ที่จะนอบน้อมเข้าถึงองค์อริยะ
จำต้องปฏิบัติธรรมโดยมานะพากเพียร
มีจิตใจมั่นคงเป็นหนึ่ง จะกระทำโดยเร่งรีบไม่ได้

ต้องทำใจให้ว่างเข้าถึงองค์แห่งพระธรรมคัมภีร์
หมั่นในการปฏิบัติตามหลักธรรม
มีความคิดดำริมั่นที่จะก้าวข้ามห้วงแห่งโอฆะ
(โอฆะ = การเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ )
คิดจะกระทำประโยชน์แก่สรรพชีวิต

…ผู้ปฏิบัติต้องจงใจมุ่งไปข้างหน้า
ฝึกฝนให้กายและจิตรวมเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา)
เพื่อให้สำเร็จในมรรคผล

ด้วยความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์
ทรงย้ำเตือนให้ยึดถือพระไตรสรณาคมน์
ต้องปฏิบัติตนอยู่ในมนุษยธรรม
ทำตนเป็นตัวอย่างเพื่อให้สาธุชนรุ่นหลังได้รับรู้เป็นแบบอย่าง
และเจริญรอยตาม

สาธุชนผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์และพระธรรม
ยิ่งต้องมีความเมตตากรุณาจิตและโพธิจิตเพื่อโปรดสัตว์
รักษาพระธรรมยิ่งกว่าชีวิตและเผื่อแผ่ทั่วไปไม่มีประมาณ

…พระโพธิสัตว์เล็งเห็นว่าชาวโลกถือเอาความรวย,
มีชื่อเสียง, ศักดินา เป็นที่นิยมศรัทธา
อันเป็นการเพิ่มพูนความทุกข์
พระองค์จึงเตือนจิตให้มนุษย์ จงผ่อนใจในทางโลก
โน้มน้าวจิตใจมาในทางมรรคผล เมื่อจิตว่างแล้ว
พระสัทธรรมอันพิสุทธิ์ก็จะเจริญขึ้น

…ทุกคนที่ปฏิบัติสามารถรู้ได้เห็นได้
และบรรลุสู่พระพุทธภูมิได้โดยเสมอกัน

ผู้ที่ทำความดีย่อมได้รับการชมเชย
ผู้ทำบาปจะต้องสำนึกและขอขมาโทษ

…ไม่ว่านักปราชญ์หรือผู้โง่เขลา เบาปัญญา
คนหรือสัตว์ ล้วนสามารถหลุดพ้นได้
ถ้าเขาเหล่านั้นปฏิบัติธรรมด้วยความสัจ

ผู้ปฏิบัติต้องถือพระสัทธรรมเป็นสูญ ไม่ข้องแวะ
ไม่ติดในรูป ไม่ยึดในจิต ถือเอาสัจธรรมเป็นใหญ่
และต้องละความวิตกกังวล กำจัดความโกรธ
ความโลภ ความหลง โดยใช้หลักแห่งปัญญาดับกิเลสให้จิตสงบ
เป็นอยู่ในโลกนี้โดยสันติสุข

ความศรัทธาจริงอันต่อเนื่องกัน จิตต้องตรงกับพระธรรม
ห้ามมิให้มีความคิดทางโลกเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ เนื่องจากว่าหากปล่อยให้ความคิดทางโลก เกิดขึ้นในจิต กาย
ใจ
ก็จะไม่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดการขัดแย้งกับพระธรรม
ไม่อาจจะพบความสันติสุขได้

ความสะอาดจิตสะอาดสดใสไร้ราคะ
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว
ไม่หวั่นไหวต่อการก่อกวนของเหล่ามาร(กามกิเลส)
หากสามารถตั้งจิตข่มจิตสำรวมกาย วาจา และจิต
ละทิ้งโลกาวิสัยทั้งหมดก็จะเข้าถึงพุทธสภาวะที่มีอยู่เดิม

.. ถ้าทำให้จิตมีความสงบนิ่งอยู่ทุกขณะ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง
นอน
ก็จะมีความสำเร็จในธรรมโดยมิรู้ตัว
..พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระโพธิสัตว์เจ้าได้หลุดพ้น
ในขณะที่อยู่ในโลกอันมากล้นไปด้วยกิเลสนี้

เป็นโลกนาถ มีความเป็นอิสระ
…มีกุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มัวหมอง มีรัศมีสว่างรอบกาย
และสามารถร่วมกับดินฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
รักษาความมีกุศลจิต อย่าทำลายตนเอง อย่าหลงผิดเป็นชอบ
สิ่งสำคัญ…ต้องรักษาจิตให้บริสุทธิ์

ผู้มีความกรุณา ผู้ปลดปล่อยทุกข์ เป็นผู้มีจิตในทางธรรม
ดำรงมรรคมั่นคง มีสติปัญญาเฉียบแหลมยิ่งใหญ่
…เมื่อจิตมีความสงบก็สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นดี

กระทำตามโอวาท อย่ามีจิตหลงผิด การเน้นปฏิบัติอนัตตธรรม
(อนัตตธรรม = ธรรมชาติที่เป็นความไม่มีตัวตน) มองเห็นสรรพธรรมเป็นสูญ
(สูญ = สูญตา = ความว่าง)
มองความรุ่งเรืองแห่งลาภยศ สรรเสริญเป็นสูญ
มองให้เห็นเป็นเงาลวง ทำจิตใจร่างกายให้หมดจด
พุทธธรรมมีความเสมอภาค อีกทั้งยังอำนวยประโยชน์สุขแก่สัตว์โลก
ผู้ที่มีปัจจัยแห่งบุญย่อมได้รับความสุข

ความคิดคำนึงเกิดมาแต่จิต จิตเป็นใหญ่
จิตเป็นประธานแห่งบุญและบาป
ผู้ปฏิบัติต้องกำจัดความคิดอันเป็นอกุศล ความคิดฟุ้งซ่าน
ระงับความวิตกกังวล เพียรพยายามเสาะหาสัจธรรม
ชำระล้างอายตนะภายในให้สะอาดพิสุทธิ์ ละความห่วงใยใดๆให้สิ้นเชิง

ความมีอิสระทันที
ผู้ปฏิบัติไม่มีเวลาใดที่ไม่เป็นอิสระคือมีอิสระทุกเมื่อ
การปฏิบัติกระทั่งสำเร็จวิชชาธรรมกาย มีอาสน์ดอกบัวรองรับ
โดยปกติแล้วผู้ที่มีจิตว่างก็จะมีความสะอาดทั้งกายและจิต
เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วก็สามารถบรรลุมรรคผลได้
และก็จะตั้งอยู่เช่นนั้น ไม่มีวันเสื่อมถอย

การเกิดความคิดปฎิบัติธรรมสามารถบันดาลให้เทพเจ้ามาปกปักรักษา
ผู้ปฏิบัติจะต้องสร้างสมบุญบารมีเพื่อเป็นพื้นฐานในการบรรลุสู่มหามรรค
(มรรคผล-นิพพาน)

ผู้ปฏิบัติจะต้องยืนให้มั่นตั้งใจปฏิบัติ
ไม่ลุ่มหลงด้วยพวกเดียรถี มีความแน่วแน่ มีสมาธิ มีความสงบ
มีความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่สามารถข้ามพ้นสังสารวัฏได้

พระสัทธรรมอันไพศาล สามารถระงับความเกิดดับแห่งกิเลสได้
ภัยพิบัติต่างๆไม่แผ้วพาน
ทุกคนสามารถสำเร็จเป็นพุทธะได้เหมือนกัน
…กำจัดความหลงผิด ความเห็นแก่ตัว ปล่อยวางปัจจัยทางโลก

เมื่อปฏิบัติจิตให้มีสภาพเหมือนอากาศอันโปร่งใส
ไร้ละอองธุลีแม้แต่น้อย ก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหมได้

เมื่อปฏิบัติธรรมเข้าถึงความสมบูรณ์แห่งสภาวะเดิมแล้ว
จะมีความสว่างปรากฏในกายของตน

ความโกรธ ดุ สุรเสียงที่เปล่งออกมาดุจเสียงคำรามของฟ้า
กระหึ่มไปทั่วสารทิศ
…ธรรมเหมือนดังฟ้าร้องคำรามไปทุกสารทิศ
เป็นเสียงแห่งพรหมเมื่อเหล่ามารได้ยินศัพท์สำเนียงนี้
ก็จะเกิดความสะดุ้งกลัว

การกระทำดี สามารถทำลายความกังวลแห่งภยันตรายได้
ธรรมะเป็นสิ่งลึกซึ้ง เข้าใจยาก
และมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถประมาณ หรือคาดคิดได้
เป็นประโยชน์ที่ไม่มีสิ่งใดทัดเทียม
…ผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ ย่อมบรรลุสู่ภูมิแห่งพุทธ

การชักชวนตามพระศาสนา ทุกสรรพสิ่งให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ
…ทุกสิ่งปล่อยให้ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
อย่าฝืนกระทำตามใจชอบ

เป็นมหาสติ มีจิตใจมั่นคงสามารถเข้าสู่มหาปัญญา
..ผู้ปฏิบัติธรรม มีความสว่างแห่งสติปัญญาอยู่
ถ้าใช้จิตนี้เป็นฐานใช้ธรรมให้เป็นประโยชน์
ก็จะได้รับฐานธาตุที่สดชื่น
แต่หากไม่มีจิตใจมั่นคงกำจัดกิเลสในตนไม่หมด
ก็ไม่มีทางที่จะให้ความว่างแห่งสติปัญญาที่มีอยู่ดั้งเดิมปรากฏออกมาได้เลย.

ความผ่านธรรมไปถึงธรรมราชา มีความอิสระในธรรม
การได้พระธรรมกายอันบริสุทธิ์ ได้ดวงแก้วแห่งพระรัตนะ

ผู้ที่มีธรรม ตั้งอยู่ในขันติธรรม
ผู้บรรลุธรรม มีความสุขอันแท้จริงยากจะบรรยาย
เป็นการอนุโมทนาตามเหตุตามปัจจัย
…ความสุขที่แท้จริง จะต้องได้จากการปฏิบัติที่ยากลำบาก
ถ้าสามารถอดทนต่อความยากลำบากก็จะเข้าถึงความสุขอันยิ่งได้

จะต้องมีความรู้ด้วยตนเอง
ผู้จะบรรลุธรรมหากสามารถละการยึดเกี่ยวเข้าถึงสภาวะดั้งเดิม
ก็จะพบพระพุทธเจ้าได้ทุกพระองค์

การประกอบพิธีตามปรารถนา ประกอบพิธีกรรมไม่ละจากตัวตน

การประกอบธรรม โดยปราศจากความคิดคำนึงมีความเป็นอิสระสูง

ผู้ปฏิบัติเพียงแต่มีความมุ่งมั่น
มีความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง
มีจิตอันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะได้เห็นองค์พระโพธิสัตว์

ความเป็นมหามงคลอันสูงสุด สามารถอำนวยประโยชน์
และคุ้มครองสรรพสัตว์โดยไม่ละทิ้ง

น้ำอมฤตทานสามารถอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งปวง

การตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ถึงภูมิจิต
ผู้ที่ปฏิบัติจะต้องมีความวิริยะพากเพียรอย่างแรงกล้า
ปฏิบัติทุกวันทุกคืนเสมอต้นเสมอปลายไม่ท้อถอย

เป็นการรู้ในธรรม รู้ในจิต ผู้ปฏิบัติจะต้องถือ “ตัวเขา-ตัวเรา”
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เพียงแต่ไม่เห็นลักษณะตัวเขาตัวเรา
แม้สรรพสัตว์ในทุคติ ก็ต้องถือว่าเท่าเทียมกับเรา

มหากรุณา ให้ผู้ปฏิบัติต้องเจริญเมตตากรุณาจิต
เพื่อให้สรรพสัตว์เข้าถึงโพธิมรรค
…รักในตนเองเท่าใด ก็ให้รักผู้อื่นเท่านั้น

นักปราชญ์ผู้รักษาตนเองได้ มีมหากรุณาจิต
…ผู้ปฏิบัติจะต้องเคารพนักปราชญ์
เห็นผู้ทำดีจะต้องช่วยกันรักษา
ผู้ที่เกิดความท้อถอยก็ต้องส่งเสริมให้กำลังใจ

ความคมของวัชระ ให้คนเรามีความมั่นคงในการปฏิบัติธรรม

สุรเสียงก้องไปสิบทิศ เป็นสุรเสียงแห่งความปิติยินดี

ความสำเร็จผล มงคล นิพพาน ระงับภัยเพิ่มพูลประโยชน์
พระสัทธรรมไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะอันสงบมาแต่เดิม

ความสำเร็จในธรรมทั้งหลาย
เข้าถึงพระวิสุทธิมรรคปราศจากขอบเขตอันจำกัด
สรรพสัตว์เพียงแต่ละวางจากลาภยศชื่อเสียง
ก็จะเข้าถึงความหลุดพ้นได้
ผู้ปฏิบัติถ้าเห็นแจ้งในพระสัจธรรมและความหลอกลวง(ไม่แท้)
ก็จะสำเร็จได้ง่าย

ความไพศาลของพระพุทธธรรม
ผู้ใดน้อมนำไปปฏิบัติจะสำเร็จในพระพุทธผล

ทวยเทพเจ้าต่างได้รับความสำเร็จอันเป็นความว่างเปล่า
(สุญญตาธรรม)

ความสำเร็จด้วยความรัก ความเมตตากรุณา การปกปักษ์รักษา
แสดงถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์

พระโพธิสัตว์มุ่งเน้นให้คนปฏิบัติธรรม
อีกทั้งยังเปิดเผยหัวใจอันลึกซึ้งของมหามรรคนี้

เป็นการแสดงความรักของพระโพธิสัตว์ต่อหมู่ชน

คนเรานั้นมีโรคทางจิตเป็นภัยคุกคาม
พระธรรมโอสถเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายได้

สัตว์ทุกประเภทมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิได้เหมือนกัน

สรรพสัตว์มีโอกาสร่วมรับความสุขสบายทั่วถึงกัน
บุคคลมีขันติธรรมก็จะเข้าถึงธรรมได้ด้วยดี
สามารถสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ไม่จำกัด

(ต่อเนื่องกับบทก่อน) ความเมตตาอันสูงสุด การใช้วชิรธรรมจักร
ปราบเหล่ามารศัตรูได้รับความสำเร็จ
สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนสำเร็จในความบริสุทธิ์ได้
จึงไม่ควรประกอบอกุศลกรรมทั้งหลาย

พุทธธรรมเป็นธรรมที่ไม่มีขอบเขต
จะต้องปฏิบัติเพื่อได้รับความสุขร่วมกัน
ย้ำเตือนให้ผู้ปฏิบัติจะต้องประกอบด้วยสติปัญญาเพื่อการหลุดพ้น
ละจากกิเลส

ผู้ปฏิบัติไม่ยึดในทางใดทางหนึ่ง
ปฏิบัติโดยการพิจารณา พร้อมทั้งมีหิริโอตตัปปะ
..มรรคผลนั้นสำเร็จได้ด้วยตนเอง สำเร็จได้ด้วยการพิจารณา
ในทุกขณะจะต้องพิจารณาจิตของตน
รักษาไว้ในทุกเหตุปัจจัยไม่ให้วิตกจิตเกิดขึ้นได้

รักษาไว้ด้วยความเป็นภัทร (ภัทร = เจริญ,ประเสริฐ)
เถระเพ่งโดยอิสระ
เป็นที่รักของผู้เจริญ เป็นที่รักของพระอริยะ

การปฏิบัติให้ถือเอาสัมมาจิต และความมีสัจเป็นหลัก

คุณธรรมจะสำเร็จได้ ด้วยสภาวะแห่งเมตตาธรรม
หากจิตตั้งอยู่ในอกุศลก็ย่อมเป็นการยากที่จะสำเร็จพระอนุตตรธรรม

พระคาถาทั้งหมดแห่งมหากรุณาธารณีสูตรมาไว้ในประโยคนี้
มีนัยบ่งบอกถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์
เพื่อโปรดเหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงให้ได้รับหิตานุหิตประโยขน์
มีพระสัมมาสัมโพธิเป็นหลักชัย

เน้นย้ำให้พยายามควบคุมกายใจไม่ให้ลื่นไหลไปตามอารมณ์ที่มากระทบ
โน้มนำเอาฌานสมาธิเพ่งการเกิดการดับ

เป็นการสาธยายมนต์สรรเสริญพระอริยะ และกล่าวย้ำถึงการปฏิบัติธรรม

ต้องละความเป็นตัวตน, บุคคล, เรา-เขา
จึงสามารถไม่ให้เกิดความคิดนึกอันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ได้
…ความนึกคิดติดยึดไม่เกิด ความเข้าใจถึงธรรมก็จะเป็นที่หวังได้

พระสัทธรรมไม่มีความสิ้นสุด
บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีความบริสุทธิ์เป็นเครื่องอยู่
นำทางสู่แดนสุขาวดี
…มีการเกิดย่อมต้องมีการตาย มีความชนะย่อมต้องมีความพ่ายแพ้…

แต่ชาวโลกผู้ตกอยู่ภายใต้อวิชชากลับยินดีต่อการเกิดเกลียดชังความตาย
ท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่นั่นเอง
ฉะนั้นหากต้องการรอดพ้นจากความตาย
จะต้องค้นหาความเป็นในความตายให้ได้เสียก่อน

ผู้ปฏิบัติต้องสำรวมตาเห็นรูป ไม่ปรุงแต่งไปตามรูปที่มองเห็น
สำรวมหูฟังเสียง ไม่ปรุงแต่งไปตามเสียงที่ได้ยิน
สำรวมจมูกดมกลิ่น ไม่ปรุงแต่งไปตามกลิ่นที่จมูกดม
สำรวมลิ้นรับรส ไม่ปรุงแต่งไปตามรสที่ลิ้นรับ
สำรวมกายถูกต้องสัมผัส ไม่ปรุงแต่งไปตามที่ร่างกายถูกต้องสัมผัส

สุดท้ายสำรวมใจรับรู้อารมณ์
ไม่ปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ใดๆที่ใจรับรู้
รวมเรียกว่าสำรวมอินทรีย์ ๖ อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
บรรลุเป็นโพธิสัตว์อันบริสุทธิ์
…จงเว้นจากการทำบาป เร่งบำเพ็ญสรรพกุศล
ชำระจิตให้สะอาดหมดจด…
นี่คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ด้วยการถือสัจจะในการชำระล้างบาปอกุศลกรรมชั่วทั้งหลายเอาออกจากจิตกายวาจาของตนได้ ด้วยการขออธิษฐานจิตถือสัจจะต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ องค์เทพเทวา ดังนี้
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตสัจจะอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ องค์พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ องค์เทพเทวาทุกพระองค์ ตั้งเเต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าของดละเว้นขาดจากบาปอกุศลกรรม153กรรม ด้วยการปฏิบัติด้วยจิตกายวาจา คือเจริญภาวนาอานาปานสติ12
ด้วยตลอดทุกเวลา ทุกๆสภาวะอารมณ์
เพื่อระงับป้องกันบาปอกุศลกรรม153กรรมอันจะเกิดขื้นกับข้าพเจ้าด้วยทางจิตกายวาจาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอชำระล้างและระงับป้องกัน
บาปอกุศลกรรม153กรรม ด้วยการเจริญ
ภาวนาอานาปาสติ12ลม ประกอบไปด้วย
ลมที่1กำหนดรู้ลหายใจเข้าออก
ลมที่2ก่อนจะหายใจเข้าออกให้กำหนดรู้ในขณะปัจจุบันที่ทำอยู่ให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่3ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
พุทโธ หายใจเข้าพุทหายใจออกโธให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่4ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่าพุทธังสะระณังคัจฉามิให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่5ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่าอามีทอฝอให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่6ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่าโอมมนีปัทเมฮูมให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่7ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
ยอมรับให้ภาวนาไปเรื่อยไป
ลมที่8ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
ธรรมดาหนอให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่9ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
ปล่อยวางหนอให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่10ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
รู้สึกดีหนอให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่11ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
ปลื้มปิติหนอให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ลมที่12ก่อนหายใจเข้าออกให้ภาวนาว่า
ภูมิใจตนเองหนอให้ภาวนาไปเรื่อยไป
ลมที่13ก่อนหายใจเขัาออกให้ภาวนาว่า
สุขกายสบายใจหนอให้ภาวนาไปเรื่อยๆ
ข้าพเจ้าเป็นผู้เจริญภาวนาอานาปานสติ13ลม ลมใดลมหนึ่งภาวนาตลอดทุกเวลาทุกอริยาบททุกสภาวะอารมณ์
เพื่อชำระล้างบาปอกุศลกรรม153กรรม
ป้องกันระงับไม่ให้มาครอบงำข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า  องค์พระโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์ องค์เทพเทวาทุกพระองค์ อันเชิญมาครอบคลุมข้าพเจ้า
ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้พ้นจากบาปอกุศลกรรม153กรรมนั้นเทอญสาธุ
ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องใสด้วยจิตกายวาจาของข้าพเจ้าด้วยเทอญสาธุ  ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขกายสบายใจ ปราศจากความทุกข์ ปราศจากเวรทั้งปวง ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ จงมีความสุขกายสุขใจให้รอดพ้นทุกข์ภัยจากบาปอกุศลกรรม153กรรมนั้นเทอญสาธุ

กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย

แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้ง ครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอได้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้สิ่งนั้นจงพลันสำเร็จ ลงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญ

ข้าพเจ้า…..(บอกชื่อ)…ขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใด ในชาติใดๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย  แม้แต่กรรมที่ใครๆ ได้ทำกับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น และขอยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป  ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงศาคณาญาติ และผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า จงมีความสุข ความเจริญ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ

กรรมชั่วอันใดที่ข้าพเจ้า…..(บอกชื่อ)…ทำไว้ ด้วยกาย วาจา ใจ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เพราะความไม่รู้ เพราะความหลง เพราะความงมงาย เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอจงโปรดยกโทษ ให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบากเข็ญใจ อันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสูญสิ้นไป  ข้าพเจ้าปรารถนาสิ่งใดที่ดี ขอให้สมปรารถนา นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา 

ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน  จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ

ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมี)

หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม





ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม